บทนำ 4
จอมพลคือฝันร้ายและเมื่อสบตาคมกร้าวคู่นั้น พาขวัญก็รู้ทันทีว่าไม่มีโอกาสเลี่ยงหลบไปไหน ไม่มีโอกาสหนี และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าหากหนีได้ เธอจะหนีไปที่ไหน... รอยยิ้มโฉดของเขาทำให้ร่างบางตัวสั่นสะท้าน แม้จะขอบตาร้อนผ่าวแต่ก็ตัดสินใจเผชิญหน้า
เธอจะไม่หนีอีก
“สวัสดีคุณจอมพลสิลูก” แม่ย้ำ
“สะ...สวัสดีค่ะคุณ... จอมพล” จอมพลกำลังคุยทักทายบิดาของตน พอได้ยินเสียงเรียกชื่อ เขาก็ตวัดสายตาคมกริบซึ่งทำให้ไฟลุกวาบ เธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ยากจะห้ามใจและเห็นประกายเพลิงร้อนๆ ในแววตาคู่นั้น เธอต้องรีบดึงสายตาออกไปก่อนที่จะควบคุมจังหวะลมหายใจไม่ได้ เธอเกลียดเขา
พอกันที!
พาขวัญเริ่มกระวนกระวาย สายตาของเขาทำให้ร่างกายของเธอตื่นตัว ถ้าขยับผิดไปเพียงนิด ทุกอย่างก็จะพินาศ ความรู้สึกเหมือนลูกกบถูกงูจ้องอย่างไรอย่างนั้น ส่วนหม่อมหลวงจอมพลไม่พูดอะไร แต่ยิ้มเยือกเย็นและมอบขวดน้ำหอมของชาแนลให้เป็นของขวัญสำหรับว่าที่คุณแม่ จุมพิตอากาศข้างแก้มของแม่ทั้งซ้ายขวาก่อนจะนั่งลงประจันหน้ากับพาขวัญ เขาดูสนิทกับแม่กว่าที่เธอคิดไว้และไม่ถือตัวว่าเป็นราชนิกูลผู้สูงศักดิ์เสียอีก
“วันนี้แต่งตัวน่ารักจังเลยนะ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยชม แต่ฉันรู้ว่าเบื้องหลังหน้ากากนั้นซ่อนความก้าวร้าวรุนแรงเอาไว้ เขาไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ทุกคนเห็น จอมพลเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ยื่นมือมาช้าๆ ตรงระดับหน้าอกของพาขวัญ เธอกลั้นหายใจก่อนที่มือแกร่งนั้นจะเลี้ยวไปหยิบเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ การกระทำนั้นไม่ได้มีอะไรแอบแฝงแต่พาขวัญตื่นตระหนก ความคิดหมุนคว้างและทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้สองแก้มของเธอร้อนแทบระเบิด เธอเกลียดตัวเองเหลือเกินที่รักษาความเยือกเย็นไว้ไม่ได้
“มาถึงก็แกล้งหนูพาขวัญเลย เอาตุ๊กตาคืนน้องไป”
“ครับ” เขาว่าง่ายเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อ แต่ว่าจอมพลยังไม่ยอมคืนตุ๊กตาให้ในทันที แต่หอมแก้มมันเน้นๆ นิ้วเรียวยาวแตะอยู่บนสะโพกของตุ๊กตาและผลุบนิ้วหายเข้าไปใต้กระโปรง พาขวัญคงจะไม่คิดอะไรหรอกหากชุดของมันไม่เหมือนชุดของเธอ แน่นอนว่านั่นเป็นการประกาศอย่างชัดแจ้งแล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร... แม้จะกลัวแต่เธอจะไม่ยอมอ่อนข้ออีกต่อไปแล้ว
“ขอตุ๊กตาคืนด้วยค่ะ”
“หวงเสียด้วย” จอมพลเหยียดยิ้มแล้วส่งตุ๊กตาคืนให้ด้วยแววตาวาววาบ เร่งเร้าให้ลมหายใจของเธอกระชั้นถี่ขึ้นมาทันที
“ขนาดยังไม่ได้เป็นพี่น้องกันก็แกล้งน้องซะแล้วนะเรา”
“นั่นสิคะ ระวังหน่อยนะคะคุณจอมพล ยัยพาขวัญเองก็ขี้แกล้งเอาเรื่องเหมือนกันนะ” แม่หัวเราะเบิกบาน เพราะเห็นๆ อยู่ว่าพาขวัญปะทะสายตากับว่าที่พี่ชายอย่างไม่ลดละ “ฝากน้องพาขวัญด้วยนะคะ”
“ครับ เราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อตอนเดือนธันวาคมปีที่แล้วสินะ”
คุณชายอรุณแปลกใจ มองหน้าว่าที่ลูกสาวสลับกับหน้าลูกชาย “อ้าว? ไหนหนูขวัญบอกว่าไม่เคยเจอแก”
“เธอบอกอย่างนั้นหรือครับ อ้อ... ผมคงจะจำผิดไปเอง” ใบหน้าคมเข้มสบตาเธอ แม้จะไม่ได้บ่งบอกพื้นอารมณ์ใดๆ แต่แววตานั่น! พาขวัญจำแววตาแบบนั้นได้ มันเป็นแววตาของพวกเลือดเย็นและเห็นคนอื่นเป็นแค่ของเล่น!
ได้โปรดเถอะ! เธอไม่ต้องการให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้เลย พาขวัญขยับตัวจะลุกขึ้น... เอ๊ะ นี่เป็นการเสียมารยาทหรือเปล่านะ... คงไม่ใช่หรอก ในเมื่อเธอพบเขาแล้ว ทักทายสวัสดีแล้วก็ถือว่าการดินเนอร์มื้อค่ำครั้งนี้ครบถ้วนสมบูรณ์ แม่ดูอาการร้อนรนเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่างของพาขวัญออก แม่จึงกุมมือเธอไว้ กระซิบปลอบใจและส่งสายตาแกมขอร้องให้เธอนั่งลง
“น่าเสียดายนะ ถ้ารู้ว่าเราสองคนจะมาเป็นครอบครัวเดียวกัน รู้แบบนี้น่าจะ ‘ทำความรู้จัก’ กันให้มากๆ กว่านี้ก่อน”
“เราเคยเจอหนูพาขวัญตอนไหนกัน?” ท่านเอ่ยถามลูกชาย จอมพลจึงหันมาสบตาพาขวัญ แววตาวาววับแฝงอะไรบางอย่าง ทุกครั้งที่เขามองก็เหมือนถูกแส้ไฟร้อนวูบสะบัดฟาดใส่ ทำให้พาขวัญตัวแข็งทื่อ ส่ายหน้าขอร้องว่าอย่าพูด... อย่าพูดเด็ดขาดนะ
เขาสบตาแล้วยิ้ม เล่นสงครามประสาท
“ผมเจอน้องเขาครั้งแรกตอนไปงานปาร์ตี้ที่บ้านวาวาครับ”
พาขวัญหลับตาแน่นปี๋ อย่าพูด! อย่าพูดออกมานะ!
“แล้วผมก็เจอน้องพาขวัญในทีวีทุกวันศุกร์ครับท่านพ่อ น้องพาขวัญเป็นพิธีกรรายการเด็กได้น่ารักมาก... ตัวเล็กๆ น่ากอด” จอมพลพูดทีเล่นทีจริงพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจรดริมฝีปาก เรียวนิ้วอันแข็งแรงจับก้านแก้วอย่างนุ่มนวลทว่าเต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง ท่วงท่าสง่างามอ่อนโยน แต่แววตานั่นประจุแน่นด้วยความกระหายอยาก และสิ่งที่พาขวัญเกลียดที่สุดก็คือรอยยิ้มจอมปลอมนั่น!
หม่อมราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์พยักหน้ารับทราบ ส่วนพาขวัญนี่สิ รู้สึกไม่ต่างอะไรกับถูกมีดกรีดซ้ำๆ ทุกครั้งที่สบตาปีศาจร้าย
“ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ล่ะ” เขาถามด้วยแววตาวาววับ พาขวัญเม้มริมฝีปากแน่น แม้จะไม่อยากตอบก็ต้องตอบ
“ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายการตลาดค่ะ พ่วงหน้าที่คิดแคมเปญโฆษณาให้ลูกค้าด้วย”
จอมพลเลิกคิวขึ้นสูงทันที “เป็นแค่ผู้หญิงจะทำงานนี้สู้ผู้ชายได้งั้นเหรอ”
“ฉันใช้สมองทำงานค่ะ น่าเศร้านะคะ เพราะส่วนใหญ่ผู้ชายที่ถามคำถามนี้ก็มักจะไม่ค่อยมีสมอง” ร่างบางสวนทันควัน แขวะมาก็แขวะกลับ ไม่โกง บรรยากาศบนโต๊ะจึงเงียบกริบ ใครทำผ้าเช็ดมือตกยังได้ยินเลย