บทที่ 1-1 เริ่มต้นฝันร้าย
มื้อดินเนอร์ชวนกระอ่วนของพาขวัญใกล้จะจบลง เมื่อบริกรนำไอศกรีมเชอร์เบทมาวางเสิร์ฟเป็นของหวาน พาขวัญจึงตัดสินใจขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ เพราะไม่อาจทนสายตาส่อเจตนาเลวร้ายอะไรบางอย่างของเขาคนนั้นได้ไหว มันแลบเลีย แผดเผาลุกลามราวกับเปลวเพลิง เธอเกลียดชุดที่ใส่มาวันนี้เสียจริง เพราะมันเปิดเปลือยช่วงบ่าบอบบางมากเกินไป ขอบชุดเว้าเห็นทรวงอกมากเกินไป และชายกระโปรงฟู่ฟ่องนั่นก็สั้นเกินไป เธอร้อนรน ไม่มีสมาธิ และเลือกที่จะปิดบังร่างกายด้วยผ้าคลุมไหล่เนื้อบาง
ทว่ามันก็ไม่อาจช่วยเธอให้รอดพ้นจากสายตาคุกคามได้เลย... ร่างบางก้าวเท้าเร็วๆ แทบจะวิ่ง เดินลนลานผ่านซุ้มกอกุหลาบซึ่งจัดตกแต่งอย่างอ่อนช้อยสวยงาม แต่เธอไม่มีแก่จิตแก่ใจจะชื่นชม สิ่งที่ต้องการคือห้องปิดตายส่วนตัว หลบอยู่ในนั้นจนกว่าชีพจรจะเป็นปกติ
หน้าตาของเธอคงจะตื่นๆ มากเกินไปจนใครต่อใครมองตาม พาขวัญต้องดุตัวเองเพื่อผ่อนฝีเท้าลง อย่างน้อยเธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว เขาคือพี่ชาย... พาขวัญย้ำกับตัวเอง เขาคือพี่ชาย และด้วยฐานะตามศักดิ์แล้ว เขาจะต้องหยุด และเธอจะปลอดภัย
“แฮ่ก... แฮ่ก...”
ร่างบางเท้าแขนบนเคาน์เตอร์หินอ่อนอย่างกดดัน ทรวงอกหายใจสะท้อนขึ้นลง เหงื่อซึมตามไรผมซึ่งแม่หยีผมฉีดสเปย์ให้อย่างสวยงาม แม้ว่าจะกำหนดงานแต่งงานและรับรู้ฐานะว่าเราจะเป็นพี่น้องกันแล้วก็จริง... แต่ถ้าจอมพลไม่ยอมหยุดล่ะ?
ฝันร้าย! นี่ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ ตัวจริงของเธอกำลังหลับอยู่บนเตียงต่างหาก เมื่อคิดได้แบบนั้นพาขวัญจึงพยายามตีแก้มเรียกตัวเองให้ตื่น แต่ว่ามันเปล่าประโยชน์ มือไม้ของเธอสั่นเทา เย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง แม้ว่าจะพยายามปลอบตัวเองให้สงบลง แต่ว่าเหงื่อก็ยังออกเต็มฝ่ามือ
เธอควรจะขอความช่วยเหลือจากใครดี... ถ้าตัดสินใจพูดความจริงจะมีคนเชื่อเธอไหม พวกเขาจะหาว่าเธอบ้าและหาเรื่องเกาะราชสกุลอันสูงส่งหรือเปล่า?
แม่... เพื่อน... หรือว่าตำรวจ พวกเขาจะเชื่อเธอไหม
สิ่งที่พาขวัญกำลังเผชิญนั้นเกี่ยวพันถึงชีวิตของอีกหลายคน เธอไม่ต้องการจะทำลายชื่อเสียงของราชสกุลราเมศวร แล้วก็ไม่อยากทำลายความรักของแม่กับคุณชายอรุณด้วย พวกเขาทั้งสองคนไม่ผิด ไม่สมควรที่จะโยนเรื่องของเธอไปเป็นความผิดของพวกท่าน พาขวัญจึงไม่กล้าบอกใครเรื่องอัปยศที่เกิดขึ้น ดังนั้นลืมเรื่องแจ้งตำรวจไปได้เลย
ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองตาตัวเองในกระจกแล้วก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ สู้สิพาขวัญ ถ้าเธอไม่สู้แล้วใครจะสู้ เธอปลอบใจตัวเองแล้วผลักประตูออกจากห้องน้ำโดยไม่แคร์อะไร พยายามจะทำให้ดูว่าไม่แคร์แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่พอพบว่าหม่อมหลวงหน้าตาหล่อเหลาจ้องเขม็งมาที่เธอตลอดเวลา แข้งขามันก็พาลอ่อนแรงและถอยกรูดกลับเข้าไปข้างในห้องน้ำอย่างตื่นกลัวทันที
ไม่ไหวแล้ว! แค่ถูกจ้องมองเธอก็แทบจะเป็นบ้า เขาคิดจะไล่ต้อน หาเรื่องแยกเธอออกจากแม่แล้วข่มเหงตามอำเภอใจ เธอจะต้องหนีไปให้ถึงสุดขอบโลกเลยใช่ไหม หรือต้องเตลิดไปให้ไกลกว่านี้ แต่จะต้องไปไกลเท่าไหร่กันเล่าถึงจะหนีเขาพ้น
“ทำไมถึงทำหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ” จอมพลเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงเย็นชากดดัน พาขวัญสะดุ้งเฮือกและเผลอก้าวถอยจนชิดผนัง กลายเป็นว่าปิดทางหนีของตัวเองไปเสียแล้ว ร่างสูงใหญ่แววตาดุร้ายยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำ ท่าทางสบายๆ ในมือมีผ้าคลุมไหล่ของพาขวัญ แย่จริง!! เธอเผลอทำหล่นตอนไหนกัน ร่างบางจะคว้าผ้าคืนแต่มือแกร่งก็ตวัดขึ้นสูง
“ไม่คิดจะขอบคุณหน่อยรึ”
“ทิ้งไปซะ ฉันไม่ต้องการมันแล้วค่ะ”
“อย่าพูดตัดรอนกันนักสิ... งานปาร์ตี้วันคริสต์มาสคืนนั้น เรายังเคลียร์กันไม่จบเลยนะน้องสาว”
“ใช่! ฉันเป็นน้องของคุณแล้วไงล่ะ จำเอาไว้ซะด้วย!” พาขวัญคว้าขวดสบู่เหลวตรงอ่างล้างมือมาถือไว้แทนคำขู่ น้ำเสียงตะกุกตะกักน่าสมเพช ส่วนเขาขยับ ไม่ใช่เพื่อถอยห่าง แต่เป็นตรงดิ่งเข้ามาต่างหาก แววตาของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์บ่งบอกถึงจุดมุ่งหมายอันเลวร้ายและไร้ความปรานี จอมพลจู่โจมใส่เธอไม่หยุดตั้งแต่พบหน้ากันด้วยซ้ำ พาขวัญจึงถอยกรูดแม้จะรู้ดีว่ากำลังของตัวเองไม่สามารถสู้ชายฉกรรจ์วัยยี่สิบห้าคนนี้ได้ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีกแล้ว
“ต้องการให้ผมเป็นคนพูดความจริงกับคนอื่นมั้ย?”
ขวดแก้วเจียระไนหลุดร่วงจากมือ หล่นกระแทกพื้นดังเพล้ง! เศษแก้วบาดนิ้วพาขวัญจนเลือดซิบ แววตาของเขาพลันเป็นประกายลุกวาบและขยับทันที
“ออกไปนะ! ที่นี่มันห้องน้ำของผู้หญิง ถ้าไม่กลัวเสียชื่อราเมศวรก็ลองดูซิ” เธอรีบคว้าขวดสบู่ใบใหม่มาทันที พร้อมจะฟาดใส่ จอมพลไม่เห็นอาการขู่ฟ่อของผู้หญิงตัวเล็กๆ ในสายตาแต่อย่างใด เขาลงความเห็นว่าเธอเป็นพวกขี้ตื่น อ่อนแอและไร้สติ แต่เธอจะไม่ยอมถูกคุกคามอีกต่อไปแล้ว
“ท่าทางของคุณดูจะตึงเครียดไปหน่อย ผมจะช่วยผ่อนคลายให้เองดีไหม?” มุมปากเหยียดยิ้ม “ทำตัวให้เชื่องๆ เข้าไว้ ผมจะได้เอ็นดู”
“เลิกคิดทำเรื่องชั่วๆ ได้แล้ว”
“โดนน้องสาวคนใหม่รังเกียจกันแบบนี้น่าน้อยใจจัง... บางทีเราน่าจะเปิดอกคุยกันตามประสาพี่น้องกันสักนิดนะ”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีก ออกไป!” มุมปากของเขายกขึ้นสูง ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิดอย่างรวดเร็วจนพาขวัญตกใจ เงื้อขวดสบู่เหลวเพื่อขว้างใส่ไม่ทัน ร่างทั้งร่างของเราแนบชิดตลอดร่าง ความแข็งแกร่งของบุรุษเพศกดแนบลงบนหน้าท้องของเธออย่างจงใจ ใช้มือร้อนจัดลูบไล้ส่วนเอวแล้วค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาที่ฐานทรวงอก ประจุไฟฟ้าพลันแล่นพล่านและจังหวะลมหายใจหนักหน่วงขึ้นด้วยกันทั้งคู่ จอมพลยิ้มสบายๆ ก่อนจะเริ่มตึงเครียดขึ้นทีละน้อยเพราะทรวงอกอวบอิ่มที่กำลังเสียดสีแผงอกบึกบึน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เขาบีบคางเธอแน่น จับเชิดขึ้นเพื่อบังคับให้สบตา
“ทะ...ทำไม”
“คุณทำหน้าแบบนั้นมันยิ่งน่าแกล้ง”