ทวงคืนรัก - 5
"เม่ย"
"หืม? มีไรเหรอ" เสียงของมาร์คทำให้ฉันหันกลับไปสนใจเขา
"วันนี้เลิกเรียนแล้วไปไหนต่อ"
คำถามนี้เหมือนเฮียมาร์เลย "ไปดูหนังน่ะ"
"อืม งั้นเราไปด้วยนะ"
"เอาสิ แต่พวกเราจองตั๋วกันหมดแล้ว อาจจะไม่ได้นั่งติดกันนะ"
"เหรอ งั้นไม่ไปดีกว่า มาร์คไม่อยากนั่งเหงาคนเดียว"
อา... ทำไงดี เห็นเพื่อนเศร้าแล้วเศร้าตาม
"งั้นเอางี้ มาร์คจองสองใบเผื่อเม่ยด้วยแล้วกัน เม่ยนั่งเป็นเพื่อน"
"แล้วตั๋วเก่าล่ะ"
"ช่างมันเถอะ ยัยเม่ยรวยอยู่แล้ว แค่ตั๋วไม่กี่บาท" อิงอิงแซะเบา ๆ
"หรือจะจองใหม่ทั้งสี่ที่เลยดี" มาร์คถาม
"มาร์คเลี้ยงนะ"
"ไม่มีปัญหา"
"ดีมากค่า นอกจากหล่อแล้วยังสายเปย์อีก ทิฟฟี่รักตายเลย"
ไม่ชมเปล่า เพื่อนตุ๊ดฉันรีบปรี่เข้าไปกอดมาร์คทันที
ดีแค่ไหนแล้วที่เพื่อนสนิทสมัยมัธยมฉันคนนี้ไม่รังเกียจกะเทยแบบนาง
"เรื่องอะไรอะ เดี๋ยวมาร์ครีบเข้าเว็บไปจอง"
ฉันรีบหยิบมือถือเพื่อนสนิทมาแล้วกดเข้าโปรแกรมหนังที่จะไปดูกับเพื่อน ๆ
"หนังผี? เม่ยจะดูหนังผีเนี่ยนะ"
"..." ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ
ส่วนมาร์คทำสีหน้าเจื่อน ๆ เพราะเขาเป็นคนกลัวผี
ฟังไม่ผิดหรอก มาร์คน่ะขวัญอ่อน และเกลียดหนังผีที่หนึ่งเลย
"ใจไม่แข็งเขาว่าห้ามดูเลยนะเรื่องนี้" อิงอิงรีบแกล้งต่อ
ฉันแอบเห็นเขากลืนน้ำลายแบบฝืดคอด้วยละ
"ถ้ามาร์คไม่ไหวไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่ามั้ย"
ห่วงเพื่อนน่ะสิ ไม่อยากหามผู้ชายหล่อล่ำแฮนด์ซัมออกจากโรงหนังสยองขวัญ
"มาร์คขอนั่งใกล้เม่ยนะ" ลูกอ้อนตั้งแต่สมัยมัธยมมาอีกแล้ว
"นั่งใกล้ยัยเม่ยแล้วจะหายกลัวผียังไงคะสุดหล่อ?" ทิฟฟี่ถาม
"เราสบายใจทุกที่ที่มีเม่ยอยู่ใกล้น่ะ"
"นี่ถ้าไม่บอกว่าเพื่อนสนิท จะคิดว่ากำลังจีบยัยเม่ยอยู่นะเนี่ย" อิงอิงแซว
"เฮ้ หน้าแดงด้วย อย่าบอกนะว่าเรื่องจริง?"
ทิฟฟี่ดูตื่นเต้นมากเมื่อเห็นสีหน้าของมาร์ค
"พอเลยนายอาทิตย์ มาร์คไม่คิดแบบนั้นหรอก จริงมั้ย?"
ฉันหันไปถามคนที่นั่งข้าง ๆ มาร์คทำเพียงแค่ยิ้มจนตาหยีแต่ไร้คำพูดใด ๆ
ไม่หือ ไม่อือ ไม่ปฏิเสธแบบนี้ฉันคิดถูกแล้วใช่ไหมว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างบริสุทธิ์ใจอะ
"ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว รีบไปกันเถอะ" เสียงอิงอิงเตือน
"งั้นเจอกันบ่ายสามนะ" มาร์คชูตั๋วหนังที่จองไว้ให้พวกเราดู
"โอเค บ่ายสามเจอกัน"
ฉันโบกมือบ๊ายบายเพื่อนรักแล้วรีบเดินตามพวกอิงอิงกับทิฟฟี่ขึ้นตึกเรียนทันที
"กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องดังลั่นโรงหนัง โดยเฉพาะเสียงทิฟฟี่ที่นั่งข้างมาร์ค
หมับ! มือหนาจับมือฉันพร้อมออกแรงบีบเล็กน้อย
"กลัวขนาดนี้ยังดื้ออีก" กระซิบว่าให้เพื่อนสนิทเบา ๆ
มาร์คทำเพียงหรี่ตามองฉันสลับกับจอภาพยนตร์ที่กำลังฉายฉากผีนางรำทำท่าคอหักเพื่อออกมาแก้แค้นคนที่ฆ่าเธอ
"เราไม่คิดว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้" เสียงมาร์คสั่น
ฉันกับอิงอิงได้แต่มองหน้ากันก่อนจะส่ายหัวไปมา "แล้วนั่นน่ะ กลัวหรือกำไรยะ"
อิงอิงโน้มตัวยื่นหน้าผ่านฉันไปกระแซะทิฟฟี่ที่นางเกาะแขนมาร์คซบหน้าคลอเคลียไม่ได้มีความกลัวอยู่เลย
"หุบปาก"
แล้วดูสิ ยังมีหน้ามาว่าให้อิงอิงที่รู้ทันนางอีก
เฮ้อ! ดีนะที่มาร์คจองแถวที่ไม่มีคนนั่งและอยู่ห่างจากคนอื่น ๆ ถึงสองแถว ไม่งั้นคงโดนมองแรงที่ซุบซิบกันเสียงดังในโรงหนังไปแล้ว
"เมื่อไหร่จะจบ" มาร์คเริ่มงอแง
"กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องลั่นโรงหนังดังขึ้นอีกครั้ง
รอบนี้ยอมรับเลยว่าฉันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่โชคดีที่ไม่ได้ขวัญอ่อนเลยไม่ได้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดังเหมือนกะเทยเพื่อนรักที่บัดนี้กอดเพื่อนสมัยมัธยมฉันแน่นจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว
"โอ้ย! หลอนมาก หนังเรื่องนี้สยองสุดเท่าที่เคยดูมาเลย"
ทิฟฟี่เกาะแขนมาร์คเดินออกมาจากโรงหนังหลังจากที่หนังเพิ่งฉายจบเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
"ระดับเจ้าแม่คอหนังคอซีรีส์อย่างหล่อนมีอะไรที่กลัวเป็นด้วยเหรอยะ!" อิงอิงเหน็บเข้าให้
"ใครจะแกร่งเท่าเธอละยะ แม่ชะนีไร้ต่อมความรู้สึก!"
สงครามน้ำลายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แบบนี้ฉันควรต้องรีบห้ามทัพไว้ก่อนจะกลายเป็นเป้าสายตาคนอื่น ๆ
"มีใครอยากเข้าห้องน้ำมั้ย"
ฉันหยุดเดินตรงทางแยกที่จะออกจากโรงหนังกับแยกเข้าห้องน้ำ
"ฉันไป" อิงอิงพูดพร้อมเดินเลี้ยวขวาไปทางห้องน้ำทันที
"งั้นมาร์คไปรอข้างนอกนะ"
"เม่ยว่ามาร์คน่าจะเข้าไปล้างหน้าล่างตาก่อนดีกว่าไหม?"
"ไว้ค่อยไปเข้าที่อื่นแล้วกัน ตอนนี้ยังหลอนฉากที่ก๊อกน้ำในห้องน้ำกลายเป็นเลือดพร้อมมีหัวโผล่ออกมาอยู่เลย"
มาร์คเล่าฉากในหนังที่เพิ่งดูมาพร้อมใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว
"เอางั้นก็ได้" ฉันพยักหน้าเคารพการตัดสินใจของเขา ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทาง
"งั้นกะเทยไปรอเป็นเพื่อนสุดหล่อนะคะ"
ได้ยินเสียงกระดี้กระด้าของทิฟฟี่ดังขึ้นด้านหลัง ฉันหันไปมองแวบหนึ่งเห็นก้นงอน ๆ ของเธอวิ่งตามเพื่อนสนิทฉันออกไปรอด้านนอกแล้ว