ทวงคืนรัก - 6
ซ่า~
ยืนล้างมือในน้ำเย็น ๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคหลังจากเข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จ เมื่อกี้อิงอิงบอกว่านางไม่รอในนี้ขอออกไปรอด้านนอกฉันเลยต้องรีบทำเวลา
ตุ้บ!
"อ้ะ!.ขอโทษค่ะ" สงสัยจะรีบไปหน่อยเลยไม่ทันได้มองทางเดิน ชนใครเข้าจนกระเป๋าสะพายฉันหล่น
"ไม่เป็นไร" คนที่ถูกฉันชนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขายิ้มกว้างจนตาเป็นสระอิ แถมยังเป็นรอยยิ้มที่ฉันรู้สึกว่ามีเสน่ห์เอามาก ๆ
"นี่ครับ" คนแปลกหน้าที่ถูกชนยื่นกระเป๋าสะพายส่งคืนฉัน
"ขอบคุณค่ะ"
"ไม่ได้บาดเจ็บนะ" เขาคงถามตามมารยาท
"ค่ะ แล้วคุณ..."
"ไม่เป็นอะไร ไปก่อนนะ" เขาโบกมือลาฉันแล้วเดินไปยังทางออก
ฉันเดินตามหลังเขามาติด ๆ จนเกือบถึงทางออกขาก็พลันหยุดชะงักอยู่กับที่
ผู้ชายคนนั้น...
คนที่ฉันอยากเจออีกครั้งกำลังยืนคุยกับคนเมื่อกี้อยู่ตรงทางออก
ฉันรีบตั้งสติก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปเขาเอาไว้แล้วกดส่งให้นักสืบที่อิงอิงให้เบอร์มาทันที ในใจไม่อยากทำอะไรยุ่งยาก อยากจะเดินออกไปหาเขาแล้วแนะนำตัวอีกสักครั้งแต่ก็ไม่กล้าพอ
เอาเป็นว่าขอเช็กประวัติเขาคร่าว ๆ ก่อนค่อยทำการตีซี้ใหม่แล้วกัน
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งมันต้องชนะสักครั้งแหละ จริงไหม?
"อิงอิงล่ะ?"
นี่ฉันเข้าห้องน้ำนานเกินไปหรือเปล่า พอออกมาสมาชิกก็หายไปหนึ่งคน
"เจอหลัวพอดีเลยโดนลากกลับ" ทิฟฟี่บอก
"เฮียน้ำเหนือมา?" อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นนะ
"มาทั้งแก๊ง หล่อล่ำแฮนด์ซัมสุด ๆ" ทิฟฟี่ตาลอยเหมือนเคลิ้มจัดกับสิ่งที่เพิ่งเห็น
เรื่องแฟนของอิงอิง พวกเรารู้แค่ว่าชื่อ 'น้ำเหนือ' เคยเห็นหน้าไม่กี่ครั้ง นอกนั้นก็ไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำงานอะไร มีเพื่อนกี่คน หน้าตาแบบไหนบ้าง จะเรียกว่าลึกลับก็ไม่น่าใช่ ต้องบอกว่าพวกเราสามคนไม่ก้าวก่ายกันมากกว่า อะไรที่เพื่อนอยากให้รู้เดี๋ยวเราก็จะรู้เองแบบไม่ต้องกดดัน แต่ถ้าอะไรที่เพื่อนไม่บอกเราก็จะไม่เซ้าซี้ให้ได้ความกลับมา
"นี่ก็ดึกแล้ว จะกลับกันเลยมั้ย?" มาร์คถาม
"ตุ๊ดเพลียเหมือนกัน งั้นขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่"
ฉันพยักหน้าพร้อมโบกมือบ๊ายบายเธอ
"เราไปส่งนะ"
"เม่ยเอารถมานะ" มาร์คตลกแล้ว เรามารถคนละคันสงสัยเขาจะลืม
"ก็ขับตามหลังไปส่งไง"
"ใช่เรื่องมั้ยมาร์ค บ้านเราคนละทางกันนะ" ฉันรีบเตือนเขา
"เรากลับไปนอนบ้านพ่อได้"
"..." ฉันถึงกับเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
พ่อเขากับเขาไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร นาน ๆ ที ถึงจะได้ยินมาร์คบอกว่าจะมานอนบ้านพ่อของเขา
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ วันนี้พ่อเราไม่อยู่"
ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้เพื่อนสนิท
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะดึก"
มือฉันถูกอีกคนกุมเอาไว้แล้วพาเดินลงไปยังลานจอดรถทันที
เบื่อ...
เซ็งสุด ๆ
ตอนนี้ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอนแสนนุ่มนิ่มในห้องนอนตัวเอง
ปกติวันหยุดฉันจะต้องออกไปหาพวกยัยอิงอิงเพื่อพากันตะลอน กิน เที่ยว เมาท์มอย อย่างมีความสุข
ทว่าวันนี้ฉันเป็นคุณหนูตกอับ เป็นเม่ยเม่ยที่น่าสงสารเพราะถูกเฮียมาเฟียยึดกุญแจรถรวมถึงกระเป๋าสตางค์ไปเป็นที่เรียบร้อย เหตุผลง่าย ๆ ของพี่ชายใจร้ายคือ ดัดนิสัยชอบหนีเที่ยวของฉันอันมาจากการไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
ไม่รู้จะอะไรนักหนากับการเจ้ากี้เจ้าการชีวิตน้องสาวคนนี้ บางทีก็แอบน้อยใจนะ อยากจะตะโกนถามไปว่า 'นี่พี่หรือพ่อคะ!?' แต่เพราะเข้าใจว่าเฮียแกหวังดีเป็นห่วงเลยเจ้าระเบียบไปหน่อย
ติ๊ง! เสียงไลน์เด้งขึ้น
นี่ถือว่าเป็นเสียงแรกเลยที่ฉันได้ยินตั้งแต่ตื่นมา
มือเรียวนุ่มค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เครื่องสีชมพูฟรุ้งฟริ้งมาอย่างอ้อยอิ่งเพราะไม่มีแรงจะทำอะไร
พรึ่บ!
ทว่าพอหยิบมาดูพบว่าเป็นข้อความจากนักสืบที่เมื่อสองวันก่อนฉันส่งรูปชายผู้มีพระคุณคนนั้นไปให้เขาสืบ อาการอ่อนล้า ขี้เกียจ เบื่อโลกก็หายเป็นปริดทิ้ง รีบลุกขึ้นนั่งอย่างแข็งขัน กดเปิดข้อความที่ถูกส่งมาหลายข้อความอ่านทันที
ถึงกับยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อเห็นรายละเอียดที่เรียกว่าแทบจะละเอียดยิบเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นที่นักสืบส่งมาให้ดู
"Speed club?" อ่านทวนชื่อสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่เขาคนนั้นชอบไปสิงสถิตอยู่ตามข้อมูลที่นักสืบสืบมาได้ เพราะฉันถูกเฮียมาเฟียเคร่งเรื่องเที่ยวกลางคืนทำให้ไม่ค่อยคุ้นกับชื่อคลับที่ว่า แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีตัวช่วยที่รู้ทุกซอกทุกมุม ยิ่งเป็นแหล่งบันเทิงเริงรมย์แบบนี้นางยิ่งช่ำชอง