ทวงคืนรัก - 3
หลายวันต่อมา...
"เม่ยไปเรียนก่อนนะคะ" ฉันเดินลงมาจากบ้าน เจอคุณแม่สุดสวยกำลังจัดโต๊ะทานอาหารอยู่เลยเดินเข้าไปสวมกอดท่าน
"ไม่ทานข้าวเช้ากับแม่ก่อนเหรอ"
สายตากึ่งขอร้องมองมาทางฉันจนรู้สึกผิดเล็กน้อย
"วันนี้เม่ยไม่ค่อยหิวค่ะ แม่รอทานกับเฮียมาร์แทนแล้วกันนะคะ"
เห็นเจ้าของชื่อเดินลงบันไดมาพอดี
คนอะไร ขนาดหัวฟู ๆ เซอร์ ๆ เพราะเพิ่งตื่นนอนยังหล่อออร่าจับ
นี่ขนาดพี่น้องแท้ ๆ ฉันยังหลงรักพี่ชายตัวเองเลย
"อะไรตัวแสบ"
คนถูกกล่าวถึงเดินมาหาพวกเรา แถมยังมายีหัวฉันเล่นอีก
"เฮียมาร์! ผมยุ่งหมดแล้ว"
ปล่อยกอดออกจากแม่ รีบจัดแจงผมเผ้าให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
"เป็นยัยเพิ้งแหละดีแล้ว จะได้ไม่มีผู้ชายคนไหนมอง"
รีบส่งค้อนวงใหญ่ให้พี่ชายตัวดีทันที
"เขามีแต่อยากให้น้องตัวเองสวยจะได้มีหน้ามีตาอวดคนอื่นได้ แล้วนี่อะไร อยากให้เม่ยขี้เหล่" อมลมแก้มพองงอนพี่ชายเบา ๆ
"สวยแล้วปัญหาเยอะไม่ต้องสวย"
"เฮียมาร์!"
"พอแล้วทั้งสองคนเลย"
ต้องเป็นแบบนี้ทุกที ถ้าแม่ไม่เข้ามาห้ามฉันคงเปิดศึกกับพี่ชายตัวเองจนไม่ไปเรียนแล้ว
"ความผิดเราติดตัวอยู่นะ อย่าลืม!"
มาชี้นงชี้หน้าฉันอีก พี่ชายป่าเถื่อน!
"เราก็เพลา ๆ หน่อย น้องมันโตแล้วนะ"
เห็นไหมฉันมีแบล็กดี
"แม่อย่าให้ท้ายยัยแสบเยอะ หนีเที่ยวญี่ปุ่นคราวนั้นยังไม่เรียกอบรมเลยนะ"
แต่เหมือนพี่ชายฉันจะใหญ่สุดในบ้านตั้งแต่เสียพ่อไปเมื่อปีก่อน
"เม่ยไปเรียนดีกว่า เบื่อทะเลาะกับเฮียแล้ว"
ยื่นหน้าไปหอมแก้มแม่เสร็จก็รีบเดินออกมาขึ้นรถคู่ใจทันที เสียงเฮียมาเฟียตะโกนคาดโทษฉันยังดังไล่หลังตามมาแต่ฉันไม่สนใจสักนิด
เห็นโหด เห็นเคร่งกับฉันแบบนั้น แต่เฮียแกรักฉันมากนะ อาจจะรักมากไปหน่อยจนบางทีก็ข้ามเส้นคำว่าอิสระไปน่ะ
ฉันฮัมเพลงโปรดของศิลปินหญิงคนไทยที่ไปดังที่เกาหลีและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในหลาย ๆ ด้านอย่างอารมณ์ดี แต่รู้สึกท้องถนนวันนี้รถติดกว่าปกติจนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
ปี๊น ๆ
เสียงแตรรถจากคันหลังก็บีบเร่งให้เคลื่อนตัวรถจนปวดโสตประสาทไปหมด
ถ้ารีบมากน่าจะมาตั้งแต่เมื่อวาน... เชื่อว่าหลายคนคงพูดคำนี้บ่อยแน่ ๆ เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้
Rrr...
รถยังคงติดแหงกอยู่ที่เดิม โทรศัพท์ก็ดังถี่ ๆ ไม่ต้องเดารู้ได้ในทันทีว่าใครโทร.มา
"เฮียยังไม่จบอีกเหรอ" พี่ชายตัวดีฉันนั่นแหละ
[ใครใช้ให้เราหนีหน้าเฮีย เลิกเรียนแล้วรีบกลับบ้าน วันนี้เราต้องคุยกันหน่อย]
"วันนี้เม่ยมีนัดดูหนังกับเพื่อน"
[เลื่อนไปวันหลัง]
"แต่ซื้อตั๋วแล้ว"
[จะกี่บาทเชียว เฮียคืนให้สามเท่า]
ชิ! รู้หรอกว่ารวย หาเงินใช้เอง แต่ไม่ต้องใช้เงินมาฟาดหัวทุกคนได้เปล่า
"เฮียมาร์ขา~" เริ่มออดอ้อนพี่ชายสุดหล่อที่ยังคงเสียงแข็งอยู่
[ไม่ต้องมาอ้อน]
"เฮียมาเฟียของเม่ยเม่ย" ครั้งนี้ดัดเสียงให้จริตจะก้านขึ้นมาหลายเท่าตัว
"เม่ยผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่หนีเที่ยวอีก แต่วันนี้เม่ยขอไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ น้า~"
พี่ชายฉันเงียบเสียงไป ไม่นานได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ๆ เล็ดรอดออกมา
[วันนี้จะปล่อยไปหนึ่งวัน แต่ห้ามทำตัวเหลวแหลกอีก ดูหนังก็คือดูหนัง ห้ามแอบไปเที่ยวที่ไหนก่อนได้รับอนุญาต]
นี่พี่จริงใช่ไหม? ถ้าอายุเยอะกว่านี้อีกสักยี่สิบปีฉันจะคิดว่าคือพ่ออีกคนเลยละ
"รับทราบค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะเม่ยขับรถอยู่"
ไม่ต้องรอให้อีกคนพูดหรือตอบอะไร ฉันรีบกดวางสายทันที
เฮ้อ! อายุยี่สิบแล้วแต่ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งจะสิบขวบก็ไม่รู้
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ"
ตอนนี้ฉันกำลังจะเลี้ยวรถเข้ามหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ ทว่าตรงหน้าเกิดเหตุไทมุงขึ้น แถมส่วนมากยังมีแต่สาว ๆ ห้อมล้อมจนมองไม่เห็นว่าเกิดอุบัติเหตุหรือมีเหตุอะไร
"อ้ะ! นั่นมัน..." สายตาคู่เฉี่ยวมองเห็นบุคคลคนหนึ่งที่รู้สึกคับคล้ายคับคลายืนเป็นจุดศูนย์กลางของเหล่าสาว ๆ พวกนั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้านิดเดียวกับแผ่นหลังกว้าง ฉันก็จำได้ดีว่าเขาคือใคร รีบแอบรถจอดข้างทางก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเหล่านิสิตสิบกว่าคนทันที