คลั่งรัก 5
แอ๊ดดดด...
เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของคุณหมอลิลณาคนสวย
“อะแฮ่ม! คนไข้หมอตกเตียงเหรอคะ”
เข้ามาก็เจอช็อตเด็ด บนตักพี่ชายมีร่างบอบบางนั่งอยู่ แถมยังถูกสวมกอดไว้ราวกลัวจะตกลงมาได้รับอันตรายอีก
ไม่ธรรมดา!
คนไข้ของเธอคนนี้มีอิทธิพลกับพี่ชายเธอเกินไปแล้ว
“เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”
กันตพลยังคงวางท่าเรียบนิ่งแถมยังเย็นชาใส่น้องสาวแบบคนละขั้วกับเมื่อกี้ ก่อนจะค่อย ๆ ช้อนร่างบางที่นั่งบนตักเขาขึ้นไปวางไว้บนเตียงตามเดิมด้วยท่าทางนิ่ง ๆ
“นี่ห้องทำงานลิลลี่นะคะ”
นั่นสิ!
นี่มันโรงพยาบาล แถมห้องนี้ยังเป็นห้องทำงานส่วนตัวยัยตัวแสบนั่นอีก การเคาะประตูก็คงไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ
“มาตรวจหน่อย”
เพราะเห็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่หน้าประตู คนตัวโตเลยวางมาดส่งเสียงเข้มบอกน้องสาวมาทำหน้าที่ต่อ
“ตรวจใครดีคะ”
หมอลิลณาไม่วายเอ่ยแซวพี่ชาย มีความสุขจริงได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นนี้ของเฮียเพลิง
“อย่าเล่น”
ชิ! มาทำเสียงดุกลบเกลื่อน
“อ้าว แล้วนั่นเฮียจะไปไหน” พอเธอมาก็จะหนีออกนอกห้องซะงั้น อยู่ต่อก็ได้ สัญญาจะไม่ล้อต่อแล้ว
“ทำหน้าที่ของเธอไป ฉันมีเรื่องต้องไปสั่งสอนไอ้เทพหน่อย”
“เฮียใจเย็น ๆ นะ เรื่องนี้ทัศน์เทพไม่ผิด”
หมอลิลณารู้สึกถึงไอสังหารลอยออกมาจากตัวพี่ชาย
ทัศน์เทพจะโดนอะไรบ้างนะ นี่ไม่ใช่ความผิดเขาสักหน่อย
“เอ่อ ขอถามได้ไหมคะ”
ขัติมากรที่นั่งมองคนสองคนคุยกันเงียบ ๆ เริ่มร้อนใจตามคำพูดที่หมอคนสวยตะโกนบอกอีกคน
“ว่าไงคะ?”
หมอลิลณาแย้มยิ้มให้อีกคนเพื่อให้ผ่อนคลาย
“ที่บอกกว่าไม่เกี่ยวกับคุณทัศน์เทพ หมายความว่าคุณเพลิงกัลป์กำลังจะออกไปทำอะไรเหรอคะ” ฟังแล้วเหมือนอีกคนกำลังจะออกไปมีเรื่องอย่างไรอย่างนั้น
“อยากรู้เหรอ”
รู้แล้วละว่าจะพิสูจน์ความสัมพันธ์ของพี่ชายกับคนตรงหน้าด้วยวิธีไหนดี
“ออกไปดูกับตาตัวเองสิ”
พูดเสร็จก็ผายมือเชื้อเชิญให้คนอยากรู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วออกไปดูด้วยตาตัวเอง ขัติมากรไม่รีรอ เธอรู้สึกถึงเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จึงรีบกระโดดลงจากเตียงแล้วออกจากห้องนี้ทันที
[End part]
ผลัวะ!
ฉันวิ่งออกมาจากห้องคุณหมอคนสวย เดินมาตามทางที่หมอคนนั้นบอกก็เจอเข้ากับช็อตเด็ด เมื่อหมัดใหญ่ ๆ ของคุณเพลิงกัลป์กระทบเข้าหน้าท้องคุณทัศน์เทพหนึ่งครั้ง
“อย่าค่ะ!”
รีบวิ่งเข้าไปห้ามเมื่อดูท่าทางจะมีหมัดที่สองตามมา
“ออกมาทำไม” เขาพูดกับฉันแต่ส่งสายตาบอกคุณเทชิให้เดินมารวบตัวฉันไว้แล้วถอยออกห่างพวกเขาสองคน
“คุณเพลิงกัลป์ทำร้ายคุณทัศน์เทพทำไมคะ” ฉันตะโกนถามเสียงดังออกไป ในน้ำเสียงนั้นมีความไม่พอใจในการใช้กำลังของเขาแก้ปัญหาเป็นอย่างมาก
“ผมทำงานพลาดเองครับ” เฮียเทพหันมายิ้มให้ฉัน ในสายตาคู่นั้นเขากำลังบอกฉันว่าเขาไม่เป็นอะไร
“งานอะไรคะ ทำไมถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือ คงไม่ใช่เพราะหนูควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วสลบไปหรอกนะคะ”
วันนี้ทั้งวันเฮียเทพอยู่กับฉันตัวติดกันตลอด ถ้าเขาบอกเขาทำงานพลาด คงมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่พอจะเดาได้ในตอนนี้
“หน้าที่ของมันคือจับตาดูเธอไม่ให้คลาดสายตา”
จริง ๆ ด้วย! คุณเพลิงกัลป์กำลังโมโหเฮียเทพเรื่องฉันจริง ๆ
“คุณเพลิงกัลป์ฟังหนูอธิบายก่อนนะคะ”
ฉันเงยหน้าส่งสายตากึ่งร้องขอให้คุณเทชิปล่อยฉัน แต่ไม่เป็นผล
“ไม่เป็นไรครับ ผมสมควรได้รับโทษนี้”
ทำไมคนเราต้องใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาด้วย
“ที่นี่โรงพยาบาล หมอต้องรักษาคนป่วยเป็นการส่วนตัว คุณทัศน์เทพเลยเข้าไปไม่ได้ค่ะ”
ไม่ให้ฉันยุ่งได้ไง ในเมื่อฉันคือต้นเหตุของเรื่องนี้
“คุณเพลิงกัลป์ยกโทษให้คุณทัศน์เทพเถอะนะคะ มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ค่ะ” ทำไมเรื่องเล็กน้อยแค่นี้คุณเพลิงกัลป์ดูโกรธขนาดนั้นกันนะ
“พอเถอะเฮีย ที่เธอพูดก็ถูกแล้ว อย่าเอาแต่ใจเป็นเด็กสิ”
“หุบปาก!”
อา... นี่อารมณ์ไม่ดีจริง ๆ ใช่ไหม ขนาดคุณหมอคนสวยยังโดนหางเลขไปด้วยเลย
“ต่อไปถ้ากูสั่งให้เฝ้า หมายความว่าห้ามคลาดสายตาแม้วินาทีเดียว”
คุณเพลิงกัลป์เดินออกมาทันทีที่เขาสั่งคุณทัศน์เทพเสร็จ
หมับ..!
“อะ!?”
ข้อมือถูกคว้าแล้วกระตุกให้เดินตามขายาว ๆ ของเขาอย่างไร้คำ พูดจาใด ๆ จากตอนแรกที่เจ็บแปลบเพราะเขาใช้แรงบีบเยอะไปหน่อย ทว่าตอนนี้ตรงส่วนนั้นเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
เขาพาฉันมายังรถหรูสีดำขลับที่ฉันกับคุณทัศน์เทพใช้ขับมาที่นี่
“กุญแจ” เขาหันไปขอกุญแจจากลูกน้องที่เพิ่งถูกเขาซ้อมมา
“นายจะขับเอง?”
ทำไมสีหน้าที่คุณทัศน์เทพถามดูประหลาดใจเหมือนเจ้านายเขาไม่เคยขับรถมาก่อน
“อย่าให้พูดซ้ำ” น้ำเสียงขวนขนลุก ฟังแล้วเยือกเย็นถึงก้นบึ้งหัวใจ ตามมาด้วยกุญแจรถที่ถูกยื่นให้ผู้เป็นนายในเวลาต่อมา
“ขึ้นรถ”
เขาสั่งพร้อมประตูที่เปิดอ้ากว้าง ฉันกลัวว่าเขาจะหงุดหงิดอะไรอีกเลยรีบขึ้นไปนั่งรอเงียบ ๆ จนคนขับตามมานั่งประจำที่แล้วตัวรถก็ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วระดับหนึ่ง
“คุณเพลิงกัลป์จะพาหนูไปไหนคะ” ตอนแรกก็กะจะนั่งนิ่ง ๆ ไม่ส่งเสียงใด ๆ แต่ดูท่าทางตึงเครียดของอีกคนชวนคุยน่าจะผ่อนคลายกว่า
“ใช้ร่างกายเธอ”
ชะ...ใช้ร่างกายฉัน?
“ใช้ยังไงคะ?” พยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นถามออกไป
“ต่อไป ใช้ร่างกายเธอให้ระวังที่สุด อย่าเจ็บ อย่าทำร้ายตัวเองเพราะความฝันนั่นอีก”
อา... ที่แท้เขาก็หมายความแบบนี้นี่เอง
แต่จะมาให้ฉันลืมฝันร้าย ๆ ที่กลืนกินฉันไปหลายเดือนแบบนี้ง่าย ๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอก
“ถ้าเธอฝันร้าย ฉันจะไล่มันด้วยความทรงจำใหม่ให้เอง”
“ความทรงจำใหม่? อะ!”
รถจอดกะทันหันด้วยฝีมือเขา ตามมาด้วยมือฉันที่ถูกจับอย่างแผ่วเบาขึ้นอยู่ระดับอกของอีกคน
“แบบนี้”
ข้อมือฉันสัมผัสได้ถึงไอความร้อนจากลมที่เขาพรูมันออกมาจากปากหยักลึกสีธรรมชาติ เขาเอาแต่เป่าข้อมือฉันที่มีรอยแดงจากการถูกเขาบีบเมื่อกี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ฉันมองการกระทำนั้นอย่างงุนงงพร้อมอกข้างซ้ายที่เต้นระรัว
“ต่อไปถ้าเธอฝันร้าย ให้ยกมือข้างนี้ขึ้นมาดู ความอบอุ่นที่ฉันฝากไว้ตรงนี้จะขจัดฝันร้ายให้เธอเอง”
นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
คุณเพลิงกัลป์ที่เมื่อกี้ยังชกต่อยลูกน้องเขาอย่างดุกร้าวอยู่คือคนเดียวกับที่อ่อนโยนกับฉันตรงนี้ใช่หรือเปล่า