คลั่งรัก 6
หลายวันต่อมา
ในที่สุดฉันก็ได้สวมชุดนักศึกษาเหมือนคนอื่น ๆ สักที ยืนหมุนตัวซ้ายขวาอยู่หน้ากระจกเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่สวมอยู่ เสียงประตูห้องก็ดังขึ้น
“เชิญค่ะ”
“คุณเพลิงกัลป์ให้มาตามลงไปรับประทานอาหารเช้าค่ะ”
เธอคือแม่บ้านที่อยู่ประจำเพนต์เฮาส์นี้
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าพร้อมขยับมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย หยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังที่เฮียเทพเอามาให้เมื่อวันก่อนพาดไหล่
จะว่าไปแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ฉันที่เกี่ยวกับการไปมหาวิทยาลัยฉันไม่เคยได้จัดการเองเลยสักอย่างเดียว แม้กระทั่งชุดนักศึกษาของตัวเอง คุณเพลิงกัลป์ก็ยังให้คนอื่นจัดการให้ โชคดีที่ไซซ์พอดีตัวฉันเลยไม่เป็นปัญหา ลิฟต์จอดที่ชั้นล่างสุด ฉันเดินออกมาแล้วตรงดิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที
“วันนี้เรียนวันแรก ตั้งใจล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก
มือเขายังถือแก้วกาแฟดำของโปรดขึ้นจิบตามกิจวัตรประจำวัน แต่วันนี้ดูผิดแผกไปจากทุก ๆ วัน เมื่อเขาสวมเพียงแค่เสื้อยืดแขนยาวสีดำตัวเดียว
“ค่ะ” ตอบได้เพียงคำเดียวสั้น ๆ ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากถามมากว่าวันนี้เขาไม่ได้ออกไปไหนเหรอ
“วันนี้เลิกเที่ยง เดี๋ยวเทชิจะเป็นคนไปรับกลับมาที่นี่”
เขารู้ตารางเรียนฉันหมดเลย ก็นะ... เขาเป็นคนจัดการทุกอย่างให้เองนี่
“วันนี้คุณเพลิงกัลป์ไม่ได้ไปไหนเหรอคะ”
ในที่สุดก็เผลอถามออกไป อีกคนตวัดสายตามองมาแต่ไม่ได้ดุมาก
“ฉันว่าจะพาเธอไปซื้อของใช้”
ของใช้?
ยังต้องมีของใช้อะไรอีก เท่าที่มีอยู่ฉันว่าก็มีครบทุกอย่างแล้วนะ
“ค่ะ” แม้ในใจจะอยากถามว่าต้องซื้ออะไรเพิ่ม แต่เพราะเป็นเพียงผู้อาศัยเลยไม่กล้าถามซักไซ้ให้มากความ
“กินสิ”
คนตัวโตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะส่งสัญญาณให้ฉันทานอาหารตรงหน้า วันนี้เป็นอาหารเช้าสไตล์ตะวันตกง่าย ๆ ฉันตั้งใจลงมือทานอย่างมีมารยาท แต่ก็ยังมีเหลือบตามองอีกคนที่วัน ๆ ในเวลาเช้า ๆ เอาแต่จิบกาแฟไม่แตะอาหารใด ๆ
“มีอะไร”
เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันแอบมองเลยถามขึ้น
“หนูเห็นคุณเพลิงกัลป์ทานแต่กาแฟทุกเช้า ไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ”
อยากตีปากตัวเองอีกแล้ว ทำไมชอบยุ่งเรื่องคนอื่นด้วยนะ เขามองหน้าฉันเล็กน้อย ก่อนจะสั่นกระดิ่งที่วางไว้บนโต๊ะ สักพักแม่บ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบมา
“คุณเพลิงกัลป์ต้องการอะไรคะ”
“เอาอาหารมาเพิ่มอีกชุด”
ฉันได้แต่ทำหน้างง ๆ มองเขาตาปริบ ๆ
ไม่ใช่ว่าเอามาเพิ่มให้ฉันใช่ไหม?
“ของคุณเพลิงกัลป์หรือคุณฟางเซียนคะ”
แม่บ้านถามเสียงอ้อมแอ้ม
“ของฉัน”
ขะ...ของเขา!
ไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจ แม่บ้านเองก็ดูแปลกใจเหมือนกันที่เจ้านายสั่งเธอแบบนั้น
“เร็วสิ!”
“ค...ค่ะ” แม่บ้านคนเดิมรีบค้อมหัวรับคำสั่งแล้ววิ่งกลับไปจัดการสิ่งที่เจ้านายต้องการ
“กินต่อสิ”
รีบก้มหน้าตักอาหารจานตัวเองทานต่อเงียบ ๆ พลางคิดในใจ
‘เขาคงไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะคำพูดฉันใช่ไหมนะ?’
บนโต๊ะอาหารยังคงเงียบเช่นเดิม จนเฮียเทพเดินเข้ามา
“วันนี้มีแขกมาขอพบนายตอนเที่ยงตรงครับ”
“ใคร?”
คนที่กำลังใช้มีดหั่นเนื้อบนจานปรายตาขึ้นมองลูกน้องที่ยืนราย งานแค่แวบหนึ่ง
“คุณเคโกะครับ”
ชื่อน่ารักจัง เหมือนชื่อคนญี่ปุ่นเลย
“เลื่อนนัด เที่ยงนี้ฉันต้องไปทำธุระ”
“แต่วันนี้นายไม่มีธุระที่ไหนนี่ครับ”
มือฉันเหงื่อออกเมื่อเผลอนึกเข้าข้างตัวเองถึงธุระที่อีกคนว่า
“ไม่ต้องรู้มาก บอกไปตามนั้น”
“แต่...”
“ไม่มีแต่!”
“ครับนาย”
เมื่อกี้ตกใจจนเกือบทำส้อมหลุดมือ คุณเพลิงกัลป์ตะคอกเฮียเทพจนเสียงดังสะท้อนก้องทั้งห้องอาหาร
“ตกใจเหรอ” สายตาคมมองมาทางฉันอย่างสังเกตอาการ
“นะ...นิดหน่อยค่ะ”
ไม่หน่อยแล้วละ ใจฉันมันเต้นแรงมากเพราะอาการตกใจเสียงเขาเมื่อกี้
“ถ้าอิ่มแล้วก็ไปเรียนเถอะ”
ฉันรีบรวบช้อนกับส้อมไว้มุมจานอย่างไม่อิดออด ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มแค่จิบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วยืนตัวตรงยกมือไหว้อีกคนที่เพิ่งออกคำสั่ง
“เดี๋ยว!”
หันหลังให้เขาได้ยังไม่เต็มตัวดี คนตัวสูงก็เหมือนเดินมายืนอยู่ด้านหลังเพราะฉันรู้สึกเหมือนระยะห่างเรามันใกล้ลง
“เอานี่ไป ไว้ใช้จ่ายที่มหา’ลัย”
เงินจำนวนหนึ่งถูกยื่นมาให้ทั้ง ๆ ที่ฉันยังหันหลังให้เขา
พอเห็นจำนวนแบงก์ที่ค่อนข้างหนากว่าการให้ไปเรียนธรรมดาทำฉันรีบดันมือเขาพร้อมเงินนั้นกลับไป
“นี่มันเยอะไปค่ะ” ถึงฉันจะเพิ่งมาอยู่ที่ไทยเกือบห้าเดือน แต่ฉันก็รู้จักศึกษาค่าเงินบาทรวมถึงมารยาทต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากแม่ที่เป็นคนจีนสอนไว้เป็นอย่างดี
“นี่เรียกเยอะ?”
ใช่สิ ก็เขารวย เงินแบงก์สีเทาแค่ห้าหกใบ คงเรียกเยอะสำหรับเขาไม่ได้
“ที่นั่นคงไม่ต้องพกเงินเยอะขนาดนี้มั้งคะ”
ฉันยังไม่ยื่นมือไปรับเงินก้อนนั้น ซ้ำยังก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างออกมาอีกหนึ่งก้าว
“เอาไป ควักออกมาแล้วขี้เกียจเก็บเข้าที่เดิม”
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
แค่เอาเงินเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์เหมือนเดิมมันยากขนาดนั้นเลย
“แต่ว่า...”