INSIDE ME | 03 ไม่กล้าพอ
เพล่ง!
ถาดใส่อาหารลูกสุนัขที่เธอเผลอชนตอนหันตัวกลับหล่นลงพื้นเสียงดังแถมอาหารเม็ดยังกระจายทั่วพื้น มีเทอกระวนกระวายใจแทบหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวว่าโฮปจะเดินมาทางนี้ เพราะจุดที่เขาอยู่กับที่ที่เธออยู่ห่างกันเพียงสามเมตรเท่านั้น
“ไม่ต้องเก็บค่ะ เดี๋ยวพี่เก็บเอง” เสียงพี่ที่สนิทกับเธอเอ่ยขึ้น มีเทอลนลานหยิบถาดใบนั้นขึ้นมาวางไว้บนกรงลูกสุนัข
“ขะ…ขอบคุณค่ะ” ร่างเล็กค่อยๆ เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองว่าทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นจะมองเธอยังไงโดยเฉพาะโฮปที่ยืนเท้าสะเอวมองตามหลังเธอจนกระทั่งมีเทอลับตาเขาค่อยดึงสายตากลับมามองลูกสุนัขสีขาวตัวอ้วนที่นอนซมอยู่ในกรงใบนั้น
“จัดการให้ด้วยนะครับ นี่นามบัตรผมยังไงก็โทรมาแจ้งได้ตามเบอร์โทร. นี้นะครับ”
“ได้ครับ เดี๋ยวตรวจน้องเสร็จจะโทร. แจ้งทันทีนะครับ”
“ถ้าต้องได้นอนโรงพยาบาลก็จัดการเลยนะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย”
“ครับคุณพ่อน้องหนูดี”
“อ๋อ…ครับ” โฮปส่งยิ้มให้สัตวแพทย์หนุ่ม จั๊กจี้เล็กน้อยที่ถูกเรียกแบบนั้นและเดาได้ว่าวอร์ก็คงถูกเรียกแบบนี้เหมือนกัน โฮปหันหลังเดินออกมาจังหวะที่เดินผ่านกรงลูกสุนัขตัวสีขาวเขาเหลือบตามองมันแวบหนึ่ง พอได้สบตากับเขามันก็ยกหัวขึ้นมองและส่งเสียงครางเบาๆ คล้ายว่าจะพูดกับเขาแต่โฮปไม่ได้หยุดมอง
ครืด~
“เออพาหนูดีมาหาหมอแล้ว”
(ค่อยโล่งอกหน่อย ขอบคุณมากนะเว้ย)
“เรื่องเล็กน้อยมาก แล้วมึงไปทำอะไรต่างจังหวัด”
(มาธุระกับแม่ดิ กูบอกแล้วว่าไม่ว่างก็ดันทุรังหิ้วกูมาด้วย)
“หัดเป็นลูกกตัญญูบ้างนะ แม่จะได้รักและแบ่งสมบัติให้เยอะๆ”
(จัดว่าปากดี เออๆ แค่นี้นะกูพาแม่ไปเดินเล่นดูสวนมะม่วงก่อน)
“อืม” โฮปเป็นฝ่ายกดวางสายเพื่อนก่อน เขากดรีโมทปลดล็อกรถแต่หางตากลับเห็นเงาคนหลบอยู่ท้ายรถอีกคันหนึ่งที่จอดต่อเขา ผู้หญิงคนที่ทำถาดอาหารลูกสุนัขหล่นเมื่อครู่นี้ไม่มีผิดแน่ “อะไรของเขา” ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ ก่อนจะออกรถเขาก็มองผู้หญิงคนนั้นแวบหนึ่งผ่านกระจกมองหลังแล้วขับออกมาทันที
คนตัวเล็กรีบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่แล้วเดินออกมาจากท้ายรถ มีเทอมองรถของโฮปที่ขับออกไปไกลพอสมควรด้วยความหวาดหวั่น
“ทำไมเราป๊อดขนาดนี้วะ ปากดีตอนไม่เจอเขาแต่พอเจอก็กลัว” หากแต่จริงๆ แล้วยังรู้สึกหวั่นไหวกับเขาอยู่ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเธอก็ยังมีความรู้สึกรักใคร่เขาอยู่
มีเทอกลับเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์อีกครั้งหนึ่ง
“อ้าวน้องมีเทอ”
“ค่ะ เมื่อกี้หนูมีธุระด่วนเลยออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าว” เธอโกหกคำโตแถมยังปั้นหน้ายิ้มแย้มทั้งที่เมื่อหลายนาทีก่อนหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม “ออแล้วเมื่อกี้คุณคนนั้นเขาพาสัตว์เลี้ยงมาหาหมอเหรอคะ” ได้ทีถามสักหน่อย
“อ๋อ เมื่อกี้คุณผู้ชายพาน้องแมวมาหาหมอค่ะ เอ๋…น้องชื่ออะไรนะคะ” พี่ผู้ช่วยสัตวแพทย์หญิงผินหน้าไปถามเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างกัน
“หนูดีครับ” เพื่อนนางตอบ
“ใช่แล้วค่ะ น้องชื่อหนูดี”
“หนูดีเหรอคะ หึ…” มีเทอหลุดขำ “อ๋อ ชื่อน้องน่ารักดีค่ะ น่าจะเข้ากับเจ้าของ” หนูดีกับคนปากไม่ดีก็เข้ากันดีนี่… มีเทอโคลงศีรษะเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี “นั่นเหรอคะหนูดี” เธอเชิดใบหน้าไปที่แมวอ้วนที่อยู่ในกรง
“ใช่ค่ะ น้องน่าจะเป็นลำไส้อักเสบ”
“ค่ะ หายไว้ๆ นะเจ้าอ้วน” เธอโบกมือทักทายแมวแล้วยกมือไหว้พี่ที่รู้จักขอตัวกลับก่อน
@บ้านโฮป
ครืด~
โทรศัพท์มือถือเขาสั่นสะเทือนหนึ่งครั้งทำให้คนที่ยืนทำอาหารอยู่หันไปมอง เขาละมือจากการจับตะหลิวผัดข้าวผัดไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดอ่านข้อความจากไออุ่น
อุ่น : เดี๋ยวเอาขนมไปให้ที่บ้าน
เป็นข้อความไม่สั้นๆ จากเพื่อน เขากดส่งสติ๊กเกอร์กลับไปและไออุ่นก็อ่านเรียบร้อยเป็นอันเข้าใจกันแล้ว
ตั้งแต่เขาตัดสินใจซื้อบ้าน เพื่อนๆ ก็ชอบมาสังสรรค์ที่บ้านบ่อย บ้างก็ปาร์ตี้ปิ้งย่างและชาบูหมูกระทะเพราะโฮปจัดพื้นที่นี้ไว้โดยเฉพาะ บ้านเขาเป็นจุดรวมพลก็ว่าได้
“อา ลืมใส่น้ำตาล” ชายหนุ่มพับแขนเสื้อสูทขึ้นเล็กน้อยแล้วหยิบน้ำตาลมาโรยใส่ข้าวผัดเพื่อเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม
ครืด~ ครืด~
วอร์เป็นฝ่ายโทร. เข้ามาบ้าง
“ว่าไง”
(พรุ่งนี้มึงว่างไหมวะ ไปดูหนูดีให้หน่อยนะ นะนะเพื่อน)
“ดูก่อนว่าว่างไหม” โฮปตอบกลับอย่างใจเย็น “แล้วคุณมึงจะกลับเมื่อไหร่ครับ เกิดลูกมึงตายทำยังไง”
(เชี่ยปากเสีย ลูกกูแข็งแรงไม่ตายง่ายๆ หรอก)
“ใครจะไปตรัสรู้วันตายตัวเอง เกิดอาการโคม่ามาทำยังไง”
(โฮปไอ้เพื่อนเชี่ย แค่นี้กูก็ปวดหัวแล้วมึงอย่าพูดให้กูร้องไห้ได้ไหมวะ) วอร์โวยวาย
“เออ ลูกมึงไม่เป็นไรหรอก หมอบอกว่าแค่ลำไส้อักเสบเท่านั้น”
(ยังไงก็ขอบคุณมึงล่วงหน้านะเว้ย เอาไว้กูจะตอบแทนบุญคุณงามๆ เลยเพื่อน)
“อืม แค่นี้นะ” โฮปวางสายก่อนทั้งที่วอร์เหมือนจะพูดอะไรต่อ เขาสนใจข้าวผัดที่ส่งกลิ่นหอมฉุยมากกว่า
วันต่อมา 13:00
ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำลุกออกมาจากโต๊ะทำงานในเวลาบ่ายโมงตรง โฮปเหลือบตามองเวลาแขวนผนังแล้วเดินออกมา
“ผมออกไปทำธุระข้างนอกนะครับ”
“ได้ค่ะ วันนี้ไม่มีประชุม”
“ครับ” ชายหนุ่มเดินอาดๆ มาเข้าลิฟต์และหันไปยิ้มหวานให้เลขาหนึ่งทีก่อนกดปิดประตูลิฟต์
@โรงพยาบาลสัตว์
ชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารสัตว์ที่ตั้งใจซื้อมาบริจาคให้สัตว์ที่อยู่ในโรงพยาบาลนี้
“นี่เป็นอาหารสัตว์เล็กกับสัตว์ตัวใหญ่ครับ ผมเอามาบริจาค”
“อ๋อ ขอบพระคุณมากๆ นะคะ”
“แล้วหนูดีเป็นยังไงบ้างครับ”
“คุณหมอเข้าน้ำเกลือให้อยู่ค่ะ อาการดีขึ้นตามลำดับ”
“ครับ” เขาหันไปมองลูกสุนัขตัวอ้วน วันนี้แปลกตาหน่อยเพราะมันลุกขึ้นมานั่งกระดิกหางให้เขาได้แล้ว ไม่เหมือนเมื่อวานที่เอาแต่นอนซมทำตาปริบๆ มองคนเดินผ่านไปมาเท่านั้น “ไงเรา” โฮปทักทายลูกสุนัข
“สนใจรับไปเลี้ยงไหมคะ น้องยังไม่มีเจ้าของ”
“ที่นี่รับรักษาสุนัขจรจัดด้วยเหรอครับ”
“รับค่ะ แต่มีคนพาน้องมานะคะและเขารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเลย”
“อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง” เขาดึงสายตากลับมามองลูกสุนัขตัวอ้วนที่ทำท่าจะงับนิ้ว มันกระดิกหางไปมาเบาๆ ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นมาเขี่ยๆ นิ้วมือเขา “ซ่านะเราเนี่ย แต่ฉันคงพาแกกลับบ้านด้วยไม่ได้ เพราะไม่มีเวลาเลี้ยง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืนแต่ลูกสุนัขตัวสีขาวกลับเห่าบ๊อกบ๊อก คล้ายจะบอกเขาว่า ‘พาหนูกลับบ้านด้วย’ โฮปยกยิ้มเอ็นดูแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชำระค่ารักษาพยาบาลของหนูดี
“หมีอ้วน~”
เสียงหวานใสของผู้มาใหม่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากโฮปให้หันไปมอง แต่ทันใดผู้ช่วยสัตวแพทย์หญิงก็เรียกเขาให้เซ็นชื่อเสียก่อนจึงต้องหันกลับมามอง
“เรียบร้อยนะคะ เดี๋ยวจะอัปเดตอาการน้องบ่อยๆ นะคะ”
“ครับ” เขาเก็บบิลค่าใช้จ่ายใส่กระเป๋าเสื้อสูทแล้วหันหลังเดินออกมาเพียงหนึ่งก้าวแล้วหยุดมองหญิงสาวที่นั่งเล่นกับลูกสุนัขตัวสีขาว จำได้ว่าเธอคือคนเดียวกับที่แอบอยู่ท้ายรถเมื่อวาน “คุณ…คือคนที่พาลูกสุนัขตัวนี้มาหาหมอเหรอครับ”
“..!!”