บทย่อ
‘ไม่ชอบเด็กแต่ยกเว้นเธอ’ ‘ไม่ได้คลั่งรักแค่ห่างไม่ได้’ เพราะคนที่ขโมยหัวใจเขาไปคือเธอ…
บทนำ
‘ไม่ชอบเด็กแต่ยกเว้นเธอ’
‘ไม่ได้คลั่งรักแค่ห่างไม่ได้’
เพราะคนที่ขโมยหัวใจเขาไปคือเธอ…
สิบสองปีก่อน
“พี่โฮปต้องปกป้องน้องนะคะลูก น้องมีเทอก็อย่าดื้อกับพี่เขานะลูก” เสียงหวานของชไมพรเอ่ยขณะที่ลูบผมลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ฝากฝังให้ผู้เป็นพี่ดูแลน้องสาวที่ทางผู้ใหญ่หมายหมั้นให้เป็นคู่ชีวิตในวันข้างหน้า
“ผมจะดูแลน้องให้ดีครับ” เด็กหนุ่มวัยสิบสองขวบยิ้มรับคำแม่แล้วหันไปโอบกอดน้องสาว “น้องมีเทออย่าดื้อกับพี่นะครับ”
“มะยื้อ~ มะยื้อกะพี่โฮะ” พูดจบก็ยิ้มหวานให้ผู้เป็นพี่จนตาหยี “พิโฮะ…ขอน้อนมิเทอ”
“จ้าลูก พี่โฮปของมีเทอคนเดียวค่ะลูก” อาภาวิลัยกับชไมพรมองเด็กทั้งสองด้วยความเอ็นดูไม่ต่างจากสามีของทั้งสองที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ภรรยา
“หวังว่าเขาทั้งสองจะเติบโตไปด้วยกันและรักใคร่กันจนถึงวันนั้นนะ” พิชัยเอ่ยกับภรรยา มองลูกชายผ่านสายตาเอ็นดู ชไมพรยกมือขึ้นมาลูบมือสามีเบาๆ
“โฮปเป็นเด็กดี ต้องดูแลน้องมีเทอได้แน่นอนค่ะ”
“ขอให้เป็นแบบนั้น” ยุคสมัยเปลี่ยนคนก็อาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและยุคสมัย เขาไม่กลัวสิ่งไหนนอกจากความสัมพันธ์ของเด็กสองคนนี้ และหวังให้พวกเขาเติบโตไปอย่างมีคุณภาพก็พอ
พิชัยกับภรรยามองลูกชายที่ป้อนนมน้องสาวผ่านรอยยิ้มหวานด้วยความเอ็นดูทั้งสอง
“กินเยอะๆ นะครับ”
“ค่ะ” เด็กน้อยกินนมสบายใจโดยพี่ชายป้อนจนกระทั่งนมหมดขวด
“น้องน้ำหนักขึ้นพี่โฮปเลี้ยงไหวไหมเนี่ย” อาภาวิลัยแซวหลานชาย
“เลี้ยงไหวครับ น้องมีเทอกินเก่งกว่านี้ก็เลี้ยงไหว” อาภาวิลัยกับชไมพรต่างหัวเราะขบขันกับคำพูดโฮป
“น้องอ้วนแล้วจะรักน้องไหมเนี่ย”
“รักครับ น้องอ้วนกว่านี้ผมก็รัก…”
นั่นเป็นคำมั่นของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ให้ไว้กับน้องสาวที่เปรียบเสมือนดวงใจเมื่อสิบสองปีที่แล้ว และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดระหว่างเขากับเธอ…
#เพราะโฮปจะโอบเธอไว้ด้วยรัก
ปัจจุบัน
กริ่ง!!
เสียงนาฬิกาปลุกทำหน้าที่ของมันเมื่อถึงเวลาต้องร้องบอกเวลาที่ตั้งไว้ ภายในห้องนอนคลุมโทนสีขาวยังปกคลุมด้วยไอความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ตลอดทั้งคืน
“อื้อ~” โฮปเปล่งเสียงครางอื้อในลำคอด้วยความรำคาญจนต้องลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาเจ้ากรรมที่ร้องไม่หยุด “ใครมาตั้งปลุกไว้วะ!” รู้สึกหัวเสียไม่น้อยเพราะจำได้ลางๆ ว่าตนไม่ได้ตั้งปลุกอย่างแน่นอน
“แม่เอง”
“…แม่ มาได้ไงเนี่ย” เขาเสยผมลวกๆ ก่อนที่จะก้าวลงตากเตียงนอนโดยใส่เพียงกางเกงขายาวตัวเดียว
ชไมพรแทบกุมขมับกับรอยข่วนเด่นชัดกลางหลังลูกชาย มองมาแต่ดาวอังคารก็รู้ว่านั่นรอยข่วนจากเล็บผู้หญิงอย่างแน่นอน คงไม่มีเพื่อนคนไหนอุตริเล่นอะไรแบบนี้หรอก
“เมื่อวานไปค้างที่ไหนมา”
“บ้านวอร์ เมานิดหน่อย”
“แน่ใจนะว่าเมา ไม่ใช่ไปคั่วกับผู้หญิงที่ไหนมานะ” เขาหยุดยืนแล้วเอี้ยวหน้ามองรอยข่วนด้านหลัง “รอยข่วนยับขนาดนั้นคงสุดเหวี่ยงไปเลยมั้ง” เธอประชดลูกชายซะเลย
“นิดหน่อย ของมันคู่กัน” เขาตอบกลับเสียงงัวเงีย “แล้วมากวนผมทำไมแต่เช้า”
“ลืมได้ยังไง วันนี้วันสำคัญนะโฮป”
“สำคัญ? วันเกิดแม่เหรอ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะเดินไปดื่มน้ำ
“ไอ้ลูกบ้า! วันเกิดบ้านแกสิ” เธอตีแขนลูกชายไปหนึ่งที “วันนี้โฮปต้องไปรับน้องมีเทอที่สนามบิน”
“มีเทอ” เขาทวนชื่อผู้หญิงที่แม่เอ่ยออกมาเสียงแผ่ว ชื่อของเธอพานทำให้นึกถึงวันวานอย่างเลือนลาง เขาเองก็จำหน้าเด็กน้อยคนนั้นไม่ได้แล้ว หากมารดาไม่เอ่ยก็คงลืมเสียสนิทแบบไม่ฉุกคิดเลยล่ะ
“นี่อย่าบอกนะว่าแกจำไม่ได้น่ะ”
“เปล่า แต่ก็เกือบเพราะนานมากที่ไม่ได้เรียกชื่อนี้”
“โฮป!” ชไมพรดุลูกชายอย่างจริงจัง ก็เขาทำกวนประสาทเธอไม่หยุด “ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว อีกสองชั่วโมงน้องก็ถึงแล้ว”
“…” โฮปหันกลับไปมองมารดาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นจึงเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเดินผ่านแม่ไปหน้าตาเฉย ชไมพรเหลือจะทนกับพฤติกรรมลูกชายที่เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว เมื่อตอนเด็กโฮปว่านอนสอนง่ายแต่พอโตขึ้นมาหน่อยนิสัยก็เปลี่ยนไป มีโลกส่วนตัวสูง ไม่สุงสิงกับใครและพูดน้อยลง
“รีบหน่อยได้ไหม เดี๋ยวไม่ทันรับน้อง”
“…” แม้จะถูกแม่กดดันแต่เขาก็ยังนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ ใช้ชีวิตปกติสุข ไม่ร้อนไม่หนาว
“เจ้าโฮป!”
“มาเองได้ก็หาทางกลับบ้านได้ ที่นี่ประเทศไทยคงอ่านหนังสือออก”
แปะ!
ผู้เป็นแม่ตีแขนลูกชายไปหนึ่งที
“อย่าลืมที่เราบอกว่าจะดูแลน้อง”
“ก็แค่คำพูดเด็กน้อย ผู้ใหญ่นั่นแหละตัวการที่บีบบังคับให้พูด”
“พี่โฮป! พูดแบบนี้ได้ยังไงลูก”
“เห็นไหม พอพูดความจริงก็รับไม่ได้อีก โลกแม่งน่าอยู่น้อยลง” โฮปเคาะบุหรี่ออกจากซองแล้วหยิบมาคาบไว้ เขาเดินผ่านหน้าแม่ไปที่ห้องแต่งตัวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“เจ้าลูกคนนี้นี่! โตมาทำไมนิสัยเปลี่ยนไปมากขนาดนี้นะโฮป แม่ไม่อยากเชื่อเลย…” ชไมพรยกมือขึ้นมากุ ขมับเหมือนจะเป็นลมกับนิสัยของลูกชาย อะไรที่เธอไม่ชอบตอนนี้มันเกิดขึ้นหมดเลย
“กี่โมง” น้ำเสียงห้วนจัดถูกส่งมาหาผู้เป็นแม่ที่ยังยืนกุมขมับอยู่ ชไมพรถอนหายใจออกพรืดหนึ่งแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเพราะคิดว่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบน่าจะดีกว่าเอาอารมณ์โกรธเข้าหา
“สิบเอ็ดโมงลูก”
“…” เขาหันมามองหน้าแม่แล้วแค่นหัวเราะแข็งๆ ในลำคอ “เหนื่อยเปล่านะ” พูดคำนั้นจบเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
โฮปเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยชุดที่พร้อมออกไปข้างนอกแต่ทว่าชไมพรยิ้มได้ไม่ถึงนาทีก็ต้องหุบยิ้มแล้วเดินไปห้ามลูกไว้
“ทำไมไม่ขับรถยนต์ไป เอากุญแจมอเตอร์ไซค์ไปทำไมลูก”
“ทำไมครับ?” ทำหน้าใสซื่อใส่แม่เพราะรู้ว่านางกำลังหมดความอดทนกับเขาอยู่ ชไมพรสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ปั้นหน้ายิ้มเข้าหาลูกชาย “ยิ้มแบบนั้นเหมือนหน้าตึงโบท็อกซ์มากกว่านะ”
“โฮป!!” เธอหลุดขึ้นเสียงใส่ลูกชายจนโฮปหลุดยิ้มอย่างนึกขำ “อย่ามายอกย้อนแม่นะ"
“บอกไปแล้วว่าไม่ไปไหน แม่เองไม่ใช่เหรอที่มากวนผมก่อน"
“ยังไงก็ต้องไปรับน้อง ตอนนี้ด้วย” เธอวางโทรศัพท์ที่เปิดรูปภาพเด็กวัยรุ่นหน้าตาน่ารักให้ลูกชายดูแล้วหมุนตัวเดินกลับ “ถ้าแม่ไม่เห็นแกไปรับน้องนะ แกกับแม่มีปัญหากันแน่” ว่าจบนางก็สะบัดผมเดินออกไปจากห้องลูกชาย ทิ้งไว้เพียงโทรศัพท์มือถือที่ปรากฏรูปมีเทอไว้ให้ดูต่างหน้า
โฮปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขยายดูรูปภาพแล้วโยนไปไว้ที่โซฟาอย่างไม่ใยดี จากนั้นจึงเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วออกไปจากห้อง
@สนามบิน
ร่างสูงนั่งไขว่ห้างรออยู่ประตูผู้โดยสารขาเข้าพลางเหลือบตามองเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอด้วย ครู่หนึ่งผู้โดยสารก็ทยอยเดินออกมา ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่า ดวงตาคมกริบจ้องมองหาร่างบางแต่ก็ไร้วี่แววมีเทอ โฮปลุกขึ้นเดินไปดูใกล้ ๆ จนกระทั่งมีผู้หญิงร่างท้วมอายุราว ๆ วัยยี่สิบลากระเป๋าเดินทางเดินตรงมาหาเขาด้วยท่าทางดีใจสุด ๆ
เพราะไม่ว่าจะผ่านไปนานหลายปีเธอก็ยังจำเขาได้
“พี่โฮป....” เสียงหวานของคนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเขาดังไปทั่วบริเวณจนคนหันมามอง โฮปหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมาเปิดดูรูปภาพที่แม่เคยส่งมาให้แล้วยกขึ้นมาเทียบกับใบหน้าคนตรงหน้า
“เชี่ย! ไม่ตรงปก”
หญิงสาวร่างท้วมเดินยิ้มร่ามาหาเขาพร้อมกับกระโดดกอดโฮปไว้จนเขาเซถอยหลังไปหลายก้าวเพราะไม่ทันตั้งตัว แขนทั้งสองข้างยังค้างเติ่งไม่ได้โอบกอดเธอไว้
“หนูรักพี่โฮปค่ะ”
“…”!
นี่เขาไม่ได้เจอเธอนานไปหรือว่าเธอโตเร็วเกินไปเด็กนอกมันกินแคลเซียมเยอะหรือมันบวมนมวะ ภาพเด็กน้อยตัวผอมแห้งในวันวานฉายเข้ามาในหัวเขาไม่หยุดแต่ทว่าตอนนี้....
“โอ่งมังกรเดินได้”
ฉิบหาย! เผลอพูดออกไปตามที่ใจคิดซะงั้น
‘เธอเพียงอยากเจอคนที่หัวใจเฝ้าถวิลหาและหวังให้เขายังเหมือนเดิมกับเธอเหมือนตอนเด็กๆ’