เฟรชชี่หน้าใส 2
“กินหนมซะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน”
ยัยเนยลุกจากโซฟาแล้วเดินไปยังห้องนอนทันที ฉันก็ยังนั่งนิ่งเพราะยังตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
อยู่ใกล้กันแค่นี้ สักวันคงได้เจอ ไม่ที่มหา’ ลัยก็คงภายในคอนโดฯ
นี่แหละ
Rrrrrrrrrr
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงริงเพลงจากโทรศัพท์ ซึ่งคนที่โทร. มานั้นคือพี่ชายฉันเอง
“ฮัลโหล”
[เออ เป็นไงบ้าง จัดของเสร็จหรือยัง]
“เสร็จแล้ว พี่เหอะ ป่านนี้เพิ่งจะโทร. มา”
[ก็งานเยอะน่ะ เพิ่งว่างนี่แหละ]
“แล้วจะว่างมาหาหมอกวันไหนล่ะ” พี่เมฆเรียนวิศวะฯ และพี่ชาย
ฉันเป็นคนจริงจังกับการเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว และเป็นคนเรียนเก่งที่สุดในบ้าน ส่วนฉันกับพี่จันทร์นั้น ถึงเราจะจริงจังกับการเรียน แต่ก็มีช่วงขยันและขี้เกียจสลับกันไป แต่ยังไงเกรดเฉลี่ยของเราสองคนก็อยู่ในระดับดีปานกลาง ไม่ได้ดีมากเหมือนพี่เมฆ
[เสาร์หน้าแล้วกัน]
“อีกตั้งเจ็ดวันเลยนะ นี่หมอกคิดถึงพี่เมฆจะตายแล้วนะ”
[ก็ช่วยไม่ได้ ไม่เลือกมอเดียวกับพี่เองนี่]
“วกกลับมาเรื่องเดิมอีกแล้ว โอเคค่ะวันเสาร์หน้าเจอกันก็ได้” มหาลัยก็ไกลกันมากอีก และวันจันทร์นี้ฉันก็เริ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ แล้ว นั่นคือการซ้อมเชียร์
[อือ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปเที่ยวเล่น และผู้ชายก็ไม่ต้องสนใจ และ...]
“พอแล้วค่า พูดเรื่องเดิมๆ อยู่ได้” ฉันบ่น
[เออๆ พอก็ได้ แล้วเจอกันนะ]
“ค่า”
พี่ชายฉันวางสายไปแล้ว ฉันจึงหยิบถุงขนมที่ยัยเนยซื้อมาฝาก มีเค้กสตรอว์เบอรี่ของโปรดฉันด้วย
ฉันเดินไปหยิบซ้อมมาจิ้มใส่ปาก รสชาติอร่อยมากๆ กินเพลินจนหมดไปชิ้นหนึ่ง และเหลืออีกสองชิ้น อยากจะกินต่อ แต่กลัวน้ำหนักขึ้น ถึงฉันจะผอมอยู่แล้ว ก็ไม่อยากประมาทกับความหวาน
ยัยเนยรวยไปมั้ย เค้กนี่อร่อยมาก ราคาน่าจะแพงเอาเรื่อง ปกติเนยเป็นคนใช้เงินประหยัด แถมมีขนมอื่นๆ อีกสองถุง
หรือพี่โซ่ซื้อให้ น่าจะเป็นยังงั้น
“เค้กอร่อยมั้ยแก”
“อร่อยมากกก” ฉันลากเสียงยาว
“เออ พี่ซันซื้อให้ เขาบอกเป็นร้านโปรดของเขา”
พอได้ฟังแบบนั้นฉันอยากจะคายเค้กออกมาเสียให้ได้ แต่จะให้ล้วงคอออกมา คงทำไม่ได้
โอ๊ย ทำไมฉันต้องกินเค้กที่ผู้ชายคนนั้นซื้อให้เนยด้วย
“ทำไมต้องให้เขาซื้อให้ด้วย”
“ฉันไม่ได้ให้พี่เขาซื้อ ตอนจะกลับฉันแค่ขอตัวไปซื้อเค้กสตรอว์-
เบอรี่ให้แก พี่เขาก็อาสาไปซื้อให้เอง ฉันก็ไม่อยากเสียมารยาทหรือขัดศรัทธาเขาแค่นั้นเอง ทำไมแกมีปัญหาอะไรกับพี่เขาเหรอ”
“เปล่า แค่แบบไม่รู้จักกันน่ะ”
“สักวันก็ได้รู้จักแหละ เรียนอยู่มอเดียวกัน พักที่เดียวกัน และที่สำคัญเขาเป็นญาติกับพี่โซ่ของฉันด้วย” ท้ายประโยคนั้นยัยเนยทำตาเคลิ้มๆ
“พี่ซันตัวจริงแม่งโคตรหล่อจริงนะแก ฉันว่าถ้าเขาเข้าวงการฉันว่าตัวท็อปแน่ๆ เสียดายพี่ซันไม่สนงานในวงการ”
“เขาบอกแกหรือไง” อดไม่ได้ที่จะถามเสียงห้วนๆ
“เปล่า พี่โซ่บอก พี่ซันไม่ค่อยพูดเลยอะ ถามคำตอบคำ และไม่ค่อยยิ้มด้วยนะแก สาวๆ เดินผ่านมองเหลียวหลังทั้งนั้น”
“ฉันไปอาบน้ำนอนก่อนนะ ง่วงแล้ว”
“เฮ้ย แกไม่กินเค้กอีกเหรอ เหลือตั้งสองชิ้นแน่ะ”
“ไม่แหละ กินมากไปเดี๋ยวอ้วน”
“โอ๊ย คนอย่างแกกินแล้วอ้วนด้วยเหรอ”
อีกฝ่ายบ่นไล่หลังเมื่อฉันเดินลุกจากโซฟาเข้าไปในห้องนอน
ฉันเข้าไปในห้องน้ำและนั่งสงบสติอารมณ์บนฝาชักโครกอยู่หลายนาที กับความคิดที่ว่าฉันไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้นอีก
ฉันกลัว เกลียด และ...เขาอันตรายเกินกว่าจะอยากรู้จักหรือเข้าใกล้ แต่ฉันจะเลี่ยงเขายังไงให้พ้นขณะที่ต้องเรียนที่นี่สี่ปี หากเขาไม่ใช่ญาติของพี่โซ่ ฉันว่ามันคงเป็นไปได้ เพราะถึงจะอยู่คอนโดฯ เดียวกัน ก็ใช่ว่าจะเจอกันในลิฟต์ หรือส่วนกลางอื่นๆ ของคอนโดฯ ได้ง่าย และก็เรียนคนละคณะ คนละปี ด้วย แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นญาติพี่โซ่นี่สิ มีโอกาสสูงที่อาจจะได้เจอเขาด้วย
เว้นแต่ฉันจะไม่เจอพี่โซ่ไปอีกคน ซึ่งเขาก็เป็นเพื่อนสนิทพี่ชายของฉันเสียด้วยสิ ที่สำคัญเพื่อนสนิทของฉันเล็งเขาอยู่
โอ๊ย ฉันจะทำยังไงดี แต่เอ...ถ้าเจอผู้ชายคนนั้นอีก ก็เป็นได้ว่าเขาจะจำฉันไม่ได้ เพราะนี่ก็ผ่านมาปีหนึ่งแล้ว ฉันเองก็เปลี่ยนจากเด็กมัธยมปลายเป็นเด็กมหา’ ลัย และตอนนั้นเขาก็เมาด้วย คนเมามักจำอะไรไม่ได้เวลาหายเมา
อันนี้ฉันเห็นมาหลายเคสแล้ว ในซีรีส์หรือละครก็มีแบบนั้นด้วย
สาธุ...ขอให้ผู้ชายคนนั้นเป็นเหมือนในซีรีส์และละครที่ฉันเคยดูด้วยเถอะ
"""""""""""""""