EP3 หงุดหงิดใจ
หลายวันต่อมา
"คะน้าอยู่บ้านไหม?" ภูวินทร์พี่ปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้านของคะน้าพร้อมตะโกนเรียกหาเจ้าของบ้าน วันนี้ที่บ้านของเขาทำบุญบ้านขึ้นบ้านใหม่เลยมีอาหารเยอะแยะก็เลยเอามาฝากคะน้า
"มีอะไรหรอภูวินท์ พอดีว่าเราล้างจานอยู่หลังบ้านน่ะเลยไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่" คะน้าเดินออกมาจากหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนร้องเรียกที่หน้าบ้าน
"พอดีว่าที่บ้านเราทำบุญบ้านและขึ้นบ้านใหม่นะก็เลยเอาอาหารมาให้ เยอะแยะเลย แม่บอกให้เอามาฝากน่ะ ชาวบ้านเองก็พากันแห่ไปตักกลับบ้านกันเยอะแยะเลย" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยกถุงอาหารหลายอย่างขึ้นมา
"หรอ ดีจังขอบคุณนะ" เธอยิ้มรับและไม่ปฏิเสธ เจ๊ยุพินมันดีกับเธอและแม่ของเธอเอามากๆ ท่านเป็นเศรษฐีมีเงินคนหนึ่งที่ไม่ดูถูกคนจนเลยด้วยซ้ำ ออกจะเห็นอกเห็นใจ หากเป็นคนอื่นคงสั่งห้ามลูกชายไม่ให้มายุ่งกับเธอแล้ว แม้กระทั่งไม่ให้เป็นเพื่อนกันเลยด้วยซ้ำ แต่เจ๊ยุพินเขาไม่ใช่คนแบบนั้นน่ะสิ ท่านใจดีเอามากๆ
"แล้ววันนี้ภูวินท์ไม่มีเรียนหรอถึงเอาอาหารมาให้เราได้" ภูวินท์เข้าเรียนมหาลัยแล้ว ซึ่งตอนนี้มันก็ขายมากแล้วทำไมเขายังไม่ไปเรียนอยู่หล่ะ?
"วันนี้หยุดเรียน 1 วันน่ะ ช่วยงานม๊า"
"อ๋อ"
"แล้วเราจะคุยกันแบบนี้หรอ เราขอเข้าบ้านได้หรือเปล่าล่ะ?" ภูวินท์เอ่ยเสียงติดตลก
"งั้นเข้ามาก่อนนะ แต่ขอโทษที่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ภูวินทร์นั่งได้ใช่ไหม?" หลังจากที่เพื่อนหนุ่มเข้ามาในบ้านเธอก็เอ่ยว่าน้ำเสียงที่รู้สึกอายๆ กับสภาพแวดล้อมในบ้านของตัวเองนิดหน่อย
"ไม่เป็นไรหรอกเราไม่ใช่คนแบบนั้น อีกอย่างก่อนที่เราจะมีทุกอย่างเหมือนวันนี้ เรากับม๊าก็ลำบากกันมาก่อน นี่เพิ่งมาสบายเพราะป๊านี่เอง" เขากับมารดาลำบากมาก่อน สุดท้ายมาสุขสบายเพราะพ่อเลี้ยงของเขานั่นแหละ แม่แต่งงานใหม่กับเศรษฐี ตอนแรกท่านก็ไม่ได้ไว้ใจพวกคนมีเงินเท่าไหร่หรอก กลัวว่าจะโดนดูถูกและเห็นว่าท่านเป็นของเล่นคนรวย แต่สุดท้ายกาลเวลาก็พิสูจน์ ทำเลแต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงของเขาเพราะแพ้ความดีและความที่พ่อเลี้ยงรักแม่ของเขาจริงๆ โดยไม่สนว่าแม่ของเขาจะมีเขาเป็นลูกติดมาด้วย
.
หลังจากที่เธอทำความสะอาดบ้านเสร็จเรียบร้อย เธอกำลังจะไปทำงานที่ร้านอาหารท้ายซอย พอดีว่าเจ๊เจ้าของร้านจ้างเธอล้างจานเป็นรายวัน ภูวินท์เองก็อาสาปั่นจักรยานไปส่งเธอ
"ขอบคุณนะ ลำบากแย่เลยที่มาส่งเราแบบนี้" หญิงสาวเอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ถ้าว่าแอบรู้สึกเขินๆ กับสายตาของเขาที่มองเธออยู่ไม่น้อย
"ไม่เป็นไร สำหรับคะน้าเราว่างไปส่งตลอดชีวิตเลย" ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยใจที่ไม่ปิดบังว่าเขากำลังรู้สึกแทนเพื่อนต่อเธอ ถ้าเป็นไปได้ถ้าเธอคิดเหมือนกันเขาอยากจะเอาเธอมาดูแลไม่อยากเห็นเธอเหนื่อยอยู่แบบนี้อีกแล้ว
"พูดอะไรเนี่ย สุดท้ายอนาคตต่างคนต่างแยกย้ายกันเหมือนเดิม อีกอย่างภูวินทร์อนาคตตั้งไกล ไปเรียนอยู่ในเมืองเรียนในมหาวิทยาลัยเดี๋ยวได้เพื่อนใหม่ก็ลืมเราแล้วมั้ง" เธอพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่ได้คิดอะไรและไม่ได้น้อยใจหากวันหนึ่งเขาจะมีเพื่อนใหม่และลืมเพื่อนจนๆ อย่างเธอไป อย่างน้อยชีวิตนี้เธอก็เคยมีเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างเขาแม้ว่าเราสองคนจะต่างกันราวกับฟ้ากับเหวก็ตาม
"ไม่มีทาง ชีวิตนี้เราไม่มีทางทิ้งคะน้าให้อยู่คนเดียวหรอก เราพูดแล้วไงว่าถ้าเราเรียนจบมีงานทำดีๆ เราจะดูแลคะน้าเอง ต่อให้เรามีเพื่อนใหม่หรือผู้หญิงคนไหนเข้ามา ผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่มีใครมาแทนที่คะน้าได้" น้ำเสียงที่จริงจังและแววตาที่แน่วแน่ของเขานั้นจ้องมองไปที่เธอ ต่อให้ชีวิตนี้เขาจะเจอผู้หญิงมากมายแค่ไหน แต่คนที่อยู่ในใจของเขามีเพียงแค่คะน้าคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์
"..."
หญิงสาวนิ่งเงียบไปเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเขา หัวใจดวงน้อยอดที่จะเต้นแรงไม่ได้ แต่เขาว่าความรู้สึกบางอย่างก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ทันทีภายใต้จิตสำนึกของตัวเอง เธอไม่คู่ควรกับเขาหรอก คนอย่างเขาควรเจอผู้หญิงที่ดีและเพียบพร้อมและเหมาะสม คนที่จะอยู่เคียงข้างเขาวันเป็นคนที่ฐานะทัดเทียมกันเท่าเขานั่นแหละดีแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ไปคิดเกินเลยกับเขาได้หรอก เขาควรเจอผู้หญิงที่ดีไม่ใช่ผู้หญิงที่ครอบครัวถังแตกแบบนี้
หมับ!
"อ๊ะ!"
"รอเราหน่อยนะ เราจะกลับมาทำให้คะน้าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด เราสัญญา" เขารวบรวมความกล้าดึงเธอเข้ามาสวมกอดโดยไม่อายสายตาใครทั้งนั้น
"ภูวินท์.." หญิงสาวแทบพูดไม่ออกเธอได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะผละตัวออกเมื่อมีคนเริ่มมองมาเรื่อยๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน เดี๋ยวจะหาว่าเธอจะจับจะเข้ามาอ่อยเขาอีก เพื่อหวังรวยทางลัดเหมือนที่เคยๆ พูดกัน
.
ภาพของทั้งสองตกอยู่ภายใต้สายตาของมาเฟียหนุ่มที่มองดูอยู่ในรถ เขากะว่าจะมาเคลียร์เรื่องหนี้สินของพ่อเธอสักหน่อย แต่บังเอิญมาเห็นภาพที่เขาเองก็รู้สึกหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว
ท่าทางกระฟัดกระเฟียดมันแสดงออกมาจนมือขวาหนุ่มรู้สึกแปลกใจ พร้อมกับคิดบางอย่าง..หรือว่าเจ้านายจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นเพียงเพราะเธอช่วยชีวิตเอาไว้ในคืนนั้นงั้นเหรอ...
.
"งั้นเราไปทำงานก่อนนะไว้เจอกัน" ในที่สุดเธอเอ่ยปากออกมา มัวแต่เงียบก็ทำตัวไม่ถูก
"อืม เดี๋ยวเย็นนี้เรามารับนะที่เดิม"
"ไม่เป็นไรเราเกรงใจ" เธอเอ่ย แต่ทว่าเขายังดื้อดึงจะมารับเธอให้ได้ ส่วนเธอเองก็ไม่อยากพูดมากอะไร จะมารับก็แล้วแต่ถ้างั้น พูดจบก็ขอตัวเดินเข้าไปในร้านขายข้าวแกงท้ายซอยที่เธอทำงานล้างจานอยู่ประจำ
ระหว่างทาง ชายหนุ่มเอาแต่คิดเรื่องของหญิงสาวจนแทบหยุดคิดไม่ได้ เขาไม่อยากเห็นเธอลำบากแบบนี้เลย สักวันเขาจะหาทางดูแลเธอให้ได้
