ตอนที่ 2 บอดี้การ์ดคนใหม่ (2)
“มาสมัครเป็นบอดี้การ์ดเหรอ” ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นเดินตรงเข้ามาถามภาคิน
“...” เขาพยักหน้ารับน้อย ๆ โดยไม่เอ่ยพูดอะไรออกไป
“ถ้างั้นเข้าไปหานายเลย ส่วนเอกสารเอามานี่” ผู้ชายคนนั้นบอก เมื่อภาคินยื่นส่งซองเอกสารให้ เขาจึงเดินนำหน้าเข้าไปด้านใน
นัยน์ตาคู่คมไล่กวาดมองบริเวณรอบ ๆ เพื่อสำรวจ บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่โตโอ่อ่า และเต็มไปด้วยชายชุดดำที่กำลังเดินเพ่นพ่าน เหมือนวัน ๆ ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากเดินดูความเรียบร้อย
คนตัวสูงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ว่าในเมื่อมีลูกน้องเยอะขนาดนี้ทำไมถึงไม่เลือกคนใกล้ตัวมาคอยคุ้มกัน แต่กลับเปิดรับสมัครให้ยุ่งยาก หรือที่เดิน ๆ กันอยู่ในตอนนี้ฝีมือไม่ได้เรื่องกันสักคนจึงต้องหาเอาจากข้างนอก
“นายครับ นี่คือคนที่มาสมัครเป็นบอดี้การ์ดของนายน้อยครับ”
ผู้ชายที่เดินนำทางหันไปรายงานกับผู้เป็นนาย พร้อมทั้งวางซองเอกสารลงบนโต๊ะกระจก หลังจากที่เข้ามาถึงกลางห้องโถงใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ภาคินหันไปมองยังจุดที่ผู้ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ สายตาของเขาสบประสานกับเหยื่อเข้าอย่างจัง
“หน่วยก้านดี มีรอยสัก ฉันสนใจคนนี้” พ่อของยูฟ่าเอ่ยพูดออกมา หลังจากที่ใช้สายตามองสำรวจภาคินเรียบร้อยแล้ว “แต่ขอดูฝีมือหน่อยได้หรือเปล่า”
บุคลิกภายนอกของภาคินมันทำให้เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูไม่ธรรมดา น่าจะปกป้องลูกชายของเขาได้ดีเลยทีเดียว ทว่าอย่างไรเสียก็คงต้องดูฝีมือเพื่อประเมินกันก่อน
“แต่นายน้อยอยากได้บอดี้การ์ดผู้หญิงนะครับ” ลูกน้องของเขาย้ำเตือน เพราะตนเองก็เพิ่งถูกยูฟ่าพูดกรอกหูกำชับมาสักพักแล้ว
“ผู้ชายนั่นแหละดีแล้ว ถ้าเลือกผู้หญิงพอเกิดเรื่องเดี๋ยวก็ได้วิ่งหนีกระเจิงกันทั้งคู่”
เรื่องไหนที่สามารถตามใจลูกได้เขาก็จะทำให้โดยไม่อิดออด แต่สำหรับเรื่องนี้คงไม่ได้จริง ๆ ผู้เป็นพ่ออย่างเขาย่อมอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาคอยปกป้องลูกชายของตนเอง
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงไม่ดี เพียงแค่พวกเธอมีรูปร่างเสียเปรียบ คนเก่ง ๆ ก็มีเยอะ แต่น้อยนักที่จะพบเห็นได้โดยง่าย อีกอย่างงานด้านนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีแต่ผู้ชายที่ให้ความสนใจเข้ามาสมัคร หากอยากได้ผู้หญิงจริง ๆ ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยสักนิด
“ครับ” ในเมื่อเจ้านายว่ามาอย่างนั้น แล้วลูกน้องอย่างเขาจะโต้แย้งอะไรได้ นอกเสียจากต้องรีบรับคำ
“พาไปรอที่สนามเดี๋ยวฉันตามไป อย่าลืมเรียกให้เคนมาทดสอบฝีมือด้วย”
เนื่องจากในบรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาทั้งหมด มีเพียงเคนเท่านั้นที่ทักษะการต่อสู้เข้าขั้นดีเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเขามาเนิ่นนาน จึงอยากให้คนที่มีประสบการณ์มาช่วยสแกนให้อีกทางหนึ่ง
“รับทราบครับ”
ภาคินจำต้องเดินออกมายืนคอยที่สนามหญ้า เพื่อรอให้ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นมาทดสอบ ไม่นานนักชายร่างสูงคนหนึ่งก็ย่างกายเดินตรงเข้ามาหา ขนาดตัวถือว่าไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก ทว่ายังไงภาคินก็ดูสูงกว่าอยู่ดี
“นายใหญ่ล่ะ” อีกฝ่ายหันไปถามบุคคลที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“กำลังออกมาครับ” สิ้นประโยคนี้เพียงไม่นานนัก ชายวัยกลางคนก็ปรากฏกาย
เหล่าบรรดาชายชุดดำต่างมุ่งความสนใจมายังจุดนี้เป็นตาเดียว เมื่อเห็นว่าการทดสอบใกล้จะเริ่มต้นขึ้น ภาคินจึงจัดการถอดเสื้อสูทออกไปให้พ้นกาย แล้วโยนมันขึ้นไปบนต้นไม้พุ่มเล็กด้านข้าง มือใหญ่พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปถึงศอก เผยให้เห็นรอยสักลวดลายสวยงามบนท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้าง
“หุ่นใช้ได้” พ่อยูฟ่าประเมินรูปร่างผ่านทางสายตา “เริ่มเลย”
หลังให้สัญญาณการทดสอบจึงเริ่มต้นขึ้นทันที ภาคินปล่อยให้เคนเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาหาเข้าก่อนเพื่อประเมินคู่ต่อสู้ว่ามีทักษะการออกหมัดเช่นไร ในตอนที่กำลังจะถูกต่อยเข้าที่ใบหน้า ร่างสูงพลันเบี่ยงตัวหลบ แล้วสวนกลับไปด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่เบาหนัก เสียงหมัดกระทบเนื้อดังขึ้น ซึ่งมีแต่ภาคินที่เป็นต่อ ใบหน้าหล่อเหลาไม่ถูกกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย
ตุบ!...
“พอ!” คำสั่งกร้าวของผู้เป็นนายถูกโพล่งขึ้นมาในตอนที่เคนล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ “เยี่ยมมาก เริ่มงานได้เลย”
“ขอบคุณครับ” ภาคินทำทีเป็นนอบน้อม ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยพยุงตัวเคนให้ลุกขึ้น “โทษทีนะหนักมือไปหน่อย”
“ขนาดนี้ไม่หน่อยแล้ว” คนตรงหน้าบ่นอุบ ทว่าก็ไม่ได้มีแววโกรธเคืองแต่อย่างใด
“ว่าง ๆ ก็เรียนรู้ทักษะจากภาคินไว้นะเคนจะได้เก่งขึ้น”
ก่อนที่จะเดินออกมา พ่อของยูฟ่าได้อ่านประวัติของบอดี้การ์ดใหม่คนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่มีอะไรทำให้รู้สึกคลางแคลงใจ ดังนั้นจึงอนุมัติโดยทันที เพราะทักษะการต่อสู้เป็นเลิศขนาดนี้หาได้ยากเย็นนัก
“ครับนาย”
หลังจากที่คนด้านข้างรับคำ พ่อของยูฟ่าก็ฝากฝังเคนช่วยชี้แจงรายละเอียดให้ภาคินได้ทราบ ในขณะที่คนอื่น ๆ ต่างก็พากันแยกย้ายไปทำงานส่วนของตนเอง
“ฉันจะพานายขึ้นไปหานายน้อย ส่วนหน้าที่หลัก ๆ ของนายก็คือต้องเฝ้านายน้อยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะนายใหญ่เป็นห่วงลูกชายมากเลยอยากให้มีคนคุ้มกันไม่ห่าง”
แม้ริมฝีปากและใบหน้าจะแตกยับ ทว่าชายชุดดำก็ยังหันมาบอกรายละเอียดคร่าว ๆ ให้เขาได้รับรู้ ถือว่าเป็นคนที่มีความอดทนพอสมควร ถึงเก็บอาการได้เก่งเพียงนี้ ไม่มีเสียงร้องโอดโอยเลยสักแอะเดียว
“...”
“เสื้อผ้าหรือของใช้ต่าง ๆ ฉันจะให้คนไปหาซื้อมาให้ แล้วเดี๋ยวเอาขึ้นไปให้นายที่ห้องของนายน้อย” ผู้ชายคนนั้นพูดเสริม
“...” ภาคินจึงได้แต่พยักหน้ารับคำ
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ตามฉันมา”
“อืม”
“ฉันชื่อเคน เป็นมือขวาของนายใหญ่ ถ้านายมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาฉันได้”
เคนแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องของเด็กหนุ่ม ตลอดทางเดินภาคินก็ใช้สายตามองสำรวจรอบ ๆ บริเวณไปด้วย เพื่อที่เขาจะได้หาทางหนีทีไล่เมื่อทำภารกิจสำเร็จลุล่วง นัยน์ตาคู่คมปะทะเข้ากับบานประตูแต่ละห้องที่เรียงรายเป็นแถว และถูกปิดเอาไว้ราวกับว่าไม่เคยถูกเปิดใช้งานบ่อยนัก
“แล้วห้องพักของฉันอยู่ไหนล่ะ” ภาคินโพล่งถามขึ้น
เขาเป็นคนที่ไม่เคยพูดแทนตัวเองแบบนี้มาก่อน มันเลยค่อนข้างที่จะรู้สึกกระดากปากเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็คงต้องทำให้คุ้นชิน
“ฉันบอกนายไปแล้วนี่ ว่านายต้องอยู่ดูแลนายน้อยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง นั่นก็หมายความว่านายต้องนอนที่ห้องของนายน้อยด้วย”
เคนตอบกลับในทันที ภาคินขมวดคิ้วเข้าหากัน ลำพังคุยกับยูฟ่าเพียงไม่กี่นาทีสมองเขายังปวดหนึบจนแทบระเบิด แล้วนี่ต้องมาอยู่ใกล้ชิดกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาล่ะไม่อยากจะนึกสภาพของตนเองเลยจริง ๆ ว่าจะเป็นเช่นไร
ตอนแรกภาคินนึกว่ามีห้องแยกแบบเชื่อมหากันได้ ทว่าความจริงกลับผิดคาดไปจากสิ่งที่คิดมากโข
“นายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” เคนหันกลับมาถาม เมื่อเห็นว่าภาคินนิ่งเงียบไปหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา
“เปล่า” ภาคินตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ
สิ่งที่พูดล้วนสวนทางกับความเป็นจริง จะให้ภาคินบอกได้อย่างไร ว่าตัวเขากำลังมีปัญหามากถึงขีดสุด...
