EP 01 มีอา ดาร์เลเน่ โคล [1-1]
เมี้ยว!
งื้อ~ เช้าแล้วเหรอเนี้ย ทำไมรู้สึกเหมือนว่าฉันเพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองนะ
เมี้ยว เมี้ยว
“อีกห้านาทีได้มั้ยทริกซี่”
ต่อรองกับเจ้านายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย แต่เอ๊ะ? ฉันมีเครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัตินี่ ทำไมทริกซี่ถึงยังมาปลุกฉันอีกล่ะ
ม๊าว!
“โอ๊ย! ตื่นแล้วทริกซี่!”
ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อทริกซี่กระโดดขึ้นมาตะปบหัวฉัน! ใช่ค่ะ ตะปบเข้าที่หัวฉันเต็มๆ ถึงเขาก็ไม่ได้กางเล็บออกมาข่วนแต่น้ำหนักแมวอ้วนพุงพลุ้ยห้ากิโลที่กระโดดทิ้งตัวลงมาก็เจ็บไม่เบาเหมือนกัน
เมี้ยว~
ทริกซี่นั่งมองหน้าฉันด้วยสายตาดุๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจแต่ทริกซี่ก็ไม่พอใจฉันตลอดเวลานั่นแหละ ทริกซี่มักจะชอบดุฉันและทำราวกับว่าฉันเป็นทาสตัวน้อยๆ ในปกครองของเขาT^T
“หิวก็ไปกินสิ ฉันเทอาหารใส่เครื่องไว้ให้แล้วนี่”
สุดท้ายฉันก็ต้องลุกขึ้นจากเตียง สวมรองเท้าสลิปเปอร์แล้วเดินไปที่เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ
“หมดเหรอเนี้ย!”
เมื่อวานฉันเพิ่งใส่เอาไว้ให้เองนะ นี่เจ้าแมวอ้วนของฉันกินหมดแล้วเหรอ
“ชักจะกินเยอะเกินไปแล้วนะทริกซี่!”
ม๊าว!
“ยังจะเถียงอีก”
ม๊าว ม๊าววว
“ฉันจะปล่อยให้นายอดข้าวดีมั้ย ห๊ะ!”
ฉันกอดอกพลางเชิดหน้าไปทางอื่น แต่ก็ต้องก้มลงมองเมื่อรู้สึกถึงอะไรนุ่มๆ ที่ขา
ทริกซี่เดินเข้ามาถูขาฉันทั้งสองข้างก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วเงยหน้าขึ้นมามองฉันตาละห้อย
เมี้ยว~
เจ้านายจะเอาอะไรคะ?
ใจทาสอย่างฉันอ่อนยวบลงทันที รีบโน้มตัวลงไปอุ้มเจ้าแมวอ้วนขึ้นมาเกาคางอย่างเอาอกเอาใจ
“เดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้น้า~ นายกินเปียกๆ ไปก่อนนะ”
เปียกๆ ก็คืออาหารเปียกของแมวนั่นแหละค่ะ
ฉันจัดการเทอาหารเปียกให้ทริกซี่เรียบร้อยก็พาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำทันที ระหว่างนี้ขอแนะนำตัวนิดนึงแล้วกัน ฉันชื่อมีอา ดาร์เลเน่ โคล เรียกสั้นๆ ว่า ‘มีอา’ ได้เลย ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบสองปีเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ
ปัจจุบันทำงานเป็นอินฟลูเอนเซอร์แสนสวย (อวยตัวเองหน่อย^^) ในโซเชียลมีเดียเกือบทุกแพลตฟอร์ม มีเจ้านายอายุหนึ่งขวบเป็นแมวเพศผู้สีบลูโกลเด้น ตาสีเขียว น้ำหนักห้ากิโล
บ้านเกิดฉันอยู่ที่เมืองเลออนแต่เพราะเข้ามาเรียนที่ยู (University=มหาวิทยาลัย) ในเมืองเปโดรก็เลยทำงานอยู่ที่นี่ยาว อีกอย่างเพราะแม่ของฉันเสียไปแล้วตอนฉันเรียนอยู่ปีสองตอนนี้ฉันก็เลยไม่มีบ้านให้กลับ
“เดี๋ยวฉันรีบกลับมาน้า~”
ก้มลงจกพุงนิ่มๆ ของทริกซี่อีกรอบก่อนจะเดินออกมาจากห้องของตัวเอง
ใช้เวลาไม่นานฉันก็ขับรถมาถึงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวๆ คอนโด นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องออกมาซื้ออาหารให้ทริกซี่ละก็ ฉันแทบไม่ก้าวขาออกจากห้องเลยล่ะ
แต่ออกมาแล้วก็ต้องซื้อทุกอย่างให้ครบทั้งของคนของแมวนั่นแหละ
“ทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่สิบห้ายูโรค่ะ”
ฉันยื่นโทรศัพท์ไปให้พนักงานสแกนจ่ายเงินและสะสมแต้ม ก่อนจะก้มลงหอบถุงกระดาษสีน้ำตาลสามถุงใหญ่ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกมาที่รถ
ลองนึกสภาพผู้หญิงสูงหนึ่งร้อยหกสิบ สวมชุดเดรสสีชมพูนมเดินหอบถุงกระดาษใบใหญ่สามถุงบนส้นสูงสี่นิ้วดูสิ ว่ามันทุลักทุเลแค่ไหน แต่ฉันชินแล้วล่ะเห็นแบบนี้ฉันก็ถึกเหมือนกันนะ
ปึง!
“เฮ้อ”
ฉันปิดประตูรถพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือเอื้อมไปเปิดที่บังแดดลงมาเพราะต้องการส่องกระจกเช็กความเป๊ะปังของคุชชั่นที่ทาออกมาวันนี้
จะว่าไปคุชชั่นตัวนี้ทำให้ผิวดูสวยเหมือนกันนะเนี้ย ไม่แมตต์มากจนเกินไป กลับไปถ่ายคลิปรีวิวได้ล่ะ
ปึง!
“แหกๆๆ”
เสียงปิดประตูรถฉันดังขึ้นพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามานั่งอยู่ในรถ ดูแล้วเขาน่าจะอายุประมาณสิบขวบได้มั่งแต่แปลกที่เขากลับแต่งตัวด้วยชุดสูททำงานของผู้ใหญ่จนมันทำให้ชุดที่เขาใส่อยู่ดูเทอะทะไปหมด
“นะ...นายขึ้นมาบนฉันทำไม”
“ออกรถ”
“ห๊ะ”
ขึ้นมานั่งอยู่บนรถฉันโดยไม่ได้ขออนุญาตแล้วยังมาสั่งให้ฉันออกรถอีก
“น้องคะ รถพี่ไม่ใช่ที่เล่นซ่อนแอบนะ แล้วนี่ไปขโมยชุดพ่อมาใส่เหรอ เอ๊ะ! หรือว่าเป็นขโมย หัดขโมยของตั้งแต่เด็กมันไม่ดีนะนายควร...”
“โดนไล่ฆ่า”
“หาาา!”
ฉันหันขวับออกไปมองนอกรถทันที ตอนนี้สถานการณ์ภายนอกยังปกติดี ไม่มีชายใส่สูทชุดดำ ไม่มีคนเดินถือปืน อย่าว่าแต่คนเลยหมาสักตัวยังไม่มี
“ใครจะทำร้ายนาย เขาจะอยากฆ่าเด็กอย่างนายไปทำไม”
แต่หน้าของเขาก็มีรอยช้ำอยู่นะ เหมือนผ่านการต่อสู้มาไม่น้อยผู้ใหญ่พวกนี้มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ทำร้ายเด็กอายุน้อยกว่าขนาดนี้ได้ยังไง
“ถ้าเธอไม่ออกรถ มันอาจจะฆ่าเธอแทน”
“OoO!”
บรื้นนนน!
รีบเหยียบสุดตีนเลยค่ะ!
นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี้ย ฉันแค่ออกมาซื้ออาหารให้แมวเองนะ ทำไมฉันถึงจะกลายเป็นคนที่ถูกไล่ฆ่าด้วยล่ะ
แล้วดูเด็กผู้ชายคนนี้สิ ถึงเขาจะรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเด็กสิบขวบ แต่สายตาของเขาดูดุกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก
“นายต้องบอกฉันนะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“...”
ฉันพูดพร้อมมองหน้าเขาทางกระจกแต่เด็กคนนั้นกลับนั่งเงียบหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ถ้านายไม่บอก ฉันจะไปส่งนายที่สถานีตำรวจนะ อยู่ ๆ จะให้ฉันมาถูกไล่ฆ่าด้วยฉันไม่เอาหรอกนะ ฉันยังไม่อยากตายฉันมีแมวที่ต้องดูแลแถมยังไม่เคยมีผัวเลยด้วยซ้ำ”
เอ๊ะ! ฉันพูดเรื่องนี้กับเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะได้ยังไงเนี้ย
“เอ่อ...ฉันหมายถึงฉันยัง...”
“ศัตรูของพ่อ”
เขาตอบกลับมาสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็เงียบไปเหมือนเดิม สงสัยเขาจะเป็นลูกคนรวยแล้วก็โดนศัตรูของพ่อไล่ล่าเพื่อจับไปเป็นตัวประกันแลกผลประโยชน์หรือว่าอาจจะจับไปเรียกค่าไถ
Oh my god!
เคยเห็นแต่ในหนัง ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองเลยนะเนี้ย
“นายจะโดนจับไปเรียกค่าไถเหรอ บ้านนายต้องรวยมากแน่ๆ เลยใช่มั้ย คฤหาสน์ใหญ่โตแม่บ้านใส่ชุดเมดยืนเรียงสองข้างทางเวลาเดินเข้าบ้าน บอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน จริงสิ! นายไม่มีบอดี้การ์ดเหรอ”
“ตาย”
เขาตอบพร้อมกับหันมาสบตาฉันในกระจก คำว่าตายที่หลุดออกจากปากของเขาเล่นเอาฉันสะดุ้ง หยุดจินตนาการภาพในสมองทันที
แต่ฉันกำลังขับรถด้วยความเคยชินจนจะถึงคอนโดของตัวเองแล้วนี่ พาเขานั่งรถมากับฉันแบบนี้มันจะไม่อันตรายเหรอ ขนาดบอดี้การ์ดเขามีปืนยังตายเลยแล้วฉันมีแค่อาหารแมวจะเอาอะไรไปสู้ T^T
“แล้วนายจะให้ฉันไปส่งที่ไหน ขืนนายไปกับฉันด้วยถ้ามีคนตามมาฆ่าฉันจะทำยังไง”
ตอนนี้ฉันเลือกที่จะเลี้ยวรถออกไปอีกทาง ไม่กล้าขับกลับไปที่คอนโดของตัวเอง
ทริกซี่รอแม่ก่อนนะลูกT-T
“ฉันจะขอไปอยู่กับเธอก่อน จนกว่าจะติดต่อกับที่บ้านได้”
นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เขาพูดออกมาตั้งแต่ขึ้นรถ แต่เป็นประโยคที่ทำเอาฉันคิดหนัก
“คือฉัน...”
จะตอบตกลงฉันก็กลัวคนร้ายจะบุกมาถล่มบ้านฉันน่ะสิ แต่จะให้ปฏิเสธออกไปก็ทำใจลำบากเขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนนึงเท่านั้นเองแต่ท่าทางกลับดูนิ่งเงียบกว่าเด็กทั่วไป ไม่รู้ว่าเคยผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้าง
สายตาที่เขามองฉันตอนนี้ก็ไม่ใช่สายตาอ้อนวอนร้องขอ มันเรียบนิ่ง ว่างเปล่าราวกับนี่เป็นเหตุการณ์ปกติ ถ้าฉันไม่ช่วยเขาก็แค่ไปตามทางของตัวเอง
“ไปอยู่กับฉันก่อนแล้วกัน”
สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจตอบออกไป เขาแค่พยักหน้ารับแล้วก็หันกลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
••××××ו•
พ่อมาเฟียหนุ่มน้อยผู้น่ารัก
ทำไมถึงกลายเป็นเด็กสิบขวบไปได้ล่ะเนี้ยยยย