EPISODE - 01 / 3
"ปรั๋วขราแอบมานอกใจอยู่นี่เอง"
เสียงนี้มัน!!!
"กูไม่นอกใจ แต่มึงไม่แน่"
เฮียไททันหันไปพูดอะไรสักอย่างกับคนมาใหม่ที่สูงเกือบเท่าเขา หากกะจากสายตาน่าจะราวๆ 180 ได้ เขาสวมชุดสูทสีขาวทับเสื้อตัวในสีดำ ผมน้ำตาลยาวละต้นคอรับกับสีผิวขาวเนียนราวผู้หญิง แต่จะให้ดูดีกว่านี้ถ้าเขาไม่สวมหน้ากากที่มันดูโรคจิตสีแสบตา
"ปรั๋วขราพูดอะไร เมียไม่มีทางนอ..ก ใจ หรอก" ท้ายประโยคเสียงแผ่วลงหลังจากที่เขาหันมาสบตากับฉัน
เฮือก!! เกือบลืมหายใจเมื่อฉันเผลอจ้องแววตาที่คุ้นเคย ความรู้สึกฉันมันบอกว่าคุ้นเคยกับสายตาคู่นี้
"เธอ" เขาเลิกสนใจเฮียไททันเดินวนรอบตัวฉันแทนราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง "ไอ้เฮียนี่กิ๊กมึง" จากนั้นจึงหันไปถามเฮียไททันก่อนจะกลับมาจ้องหน้าฉันอีกครั้ง รอยสักดาวห้าแฉกที่ต้นคอซ้ายของเขามันสะดุดตาจนละสายตาไม่ได้
"ไม่ใช่กิ๊กกู แต่เธอชื่อ นาบี" เฮียไททันชิงบอกชื่อฉันกับผู้มาใหม่
หลังจากเขาได้ยินชื่อฉันแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกำลังสับสนอะไรสักอย่าง ก่อนที่ริมฝีบางสีแดงติดคล้ำหน่อยๆ จะเผยอยิ้มขึ้น
"นาบี" เขาเรียกชื่อฉันเสียงเรียบก่อนจะพูดต่อ "ยินดีที่ได้รู้จัก นาบี"
ทำไมกันนะ ทำไม! สายตาและน้ำเสียงนั่นมันถึงได้คุ้นหูแบบนี้
"ส่วนฉัน 'เอฟวัน' จำชื่อให้ขึ้นใจล่ะ"
เสียงแนะนำตัวที่ก็ฟังดูปกติแต่ทำไมชวนเสียวสันหลังแปลกๆ
"ค...ค่ะ ยินดีที่รู้จัก" เพราะอีกฝ่ายยื่นมือมารอฉันเลยต้องยื่นมือไปจับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
เฮือก! และเป็นอีกครั้งที่ตัวฉันแข็งทื่อ เมื่อเอฟวันดึงมือฉันด้วยแรงระดับหนึ่งจนร่างเกือบจะกระทบแผงอกแกร่ง
"ยินดีต้อนรับ ผีเสื้อหลงทาง"
หมายความว่ายังไง เขากำลังจะสื่ออะไร?
แย่แน่ๆ งานเข้าฉันแล้ว!!! เมื่อคืนไม่น่าหลวมตัวดื่มแอลกอฮอล์เลย
เพราะเจ้น้ำมนต์แท้ๆ เชียวที่คะยั้นคะยอให้ฉันดื่ม แล้วเป็นไงล่ะ นี่ยังจำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนกลับมานอนห้องตัวเองได้ยังไง
ตึง ตึง ตึง เสียงฝีเท้าน้อยๆ วิ่งลงมาจากบันไดชั้นสองด้วยความเร่งรีบ
"ตายแน่ๆ ยัยนาบีเอ๊ย!" ทั้งสบถด่าตัวเองขาก็วิ่งจนเท้าจะพันกันหัวคะมำ
"อ้าวน้องบี ทำไมรีบร้อนแบบนั้นล่ะลูก" เสียงหวานติดแหบตามอายุที่เข้าวัยกลางคนเอ่ยถาม
"สวัสดีค่ะคุณป้า วันนี้บีตื่นสายนิดหน่อย ขอตัวนะคะ" รีบยกมือไหว้ป้านิรมลหรือแม่เจ้น้ำมนต์แล้ววิ่งออกมาเตรียมไปเรียน
ที่ดูรีบร้อนไม่ใช่อะไรหรอก วันนี้ฉันมีควิซตอนสิบโมงเช้าแถมอาจารย์ท่านนี้ยังโหดสัสรัสเซียฝุดๆ เข้าช้ากว่าเวลาแค่วินาทีเดียวก็ถือว่าสาย แล้วตอนนี้เข็มยาวของนาฬิกาข้อมือฉันมันก็ชี้ที่เลขสาม ส่วนเข็มสั้นอยู่เลขเก้าหรือก็คือ ตอนนี้มันเก้าโมงสิบห้านาที เหลือเวลาอีกสี่สิบห้านาทีในการเดินทางไปสอบ
หลายคนคงมองว่าไอ้สี่สิบห้านาทีของฉันมันโคตรเหลือเฟือ ใช่! ถ้านั่นคือหอพักหรือคอนโดที่อยู่ใกล้มหา’ลัย แต่ที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้ต้องใช้เวลาอย่างต่ำครึ่งชั่วโมงในการเดินทาง แล้วถ้าเผื่อวันนี้รถติดไอ้เวลาสิบห้านาทีที่เหลือมันจะไปพอช่วยอะไรได้
"คุณนาบีให้ผมไปส่งไหมครับ พอดีคุณน้ำมนต์น่าจะยังไม่ตื่น" ลุงเข้มคนขับรถประจำบ้านเอ่ยถาม ปกติฉันจะไปเรียนพร้อมเจ้น้ำมนต์ ต่อให้เธอมีเรียนไม่ตรงฉันแต่เราก็ไปด้วยกันตลอด
ฉันมองหน้าลุงเข้มอย่างชั่งใจ เอายังไงดี!? คราวก่อนเคยให้ลุงแกไปส่งเลยรู้ซึ้งถึงสกิลการขับรถของลุงแกที่เหยียบคันเร่งราวกับกลัวว่ามันจะเจ็บ
"ขึ้นรถเลยครับ เดี๋ยวลุงไปส่ง" ลุงเข้มเร่งฉันอีกครั้ง ฉันได้แต่ยืนชั่งใจอยู่นาน
ปี้นๆ จนมีเสียงแตรรถดังขึ้นพร้อมกับรถสปอร์ตคันหรูสีน้ำตาลมันเงาแล่นมาจอดข้างๆ
"รถใคร?" ฉันไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อน คงไม่ใช่เพื่อนเจ้น้ำมนต์ งั้นก็อาจจะเป็นแขกคุณลุงคุณป้ามั้ง
ปึง! เสียงประตูกระแทกตัวรถบ่งบอกว่าเจ้าของรถคันนี้ได้ลงมาแล้ว
"อ้าว! สวัสดีครับคุณเอฟวัน"
'เอฟวัน?' จะใช่คนเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่านะ
ฉันเอาแต่มองจ้องคนที่ลุงเข้มเรียกเพราะเขายืนหันขวาทำให้มองไม่เห็นซีกซ้ายของเขา ถ้าเห็นคงจะบอกได้ว่าใช่คนเดียวกับที่พูดประโยคแปลกๆ กับฉันเมื่อคืนหรือเปล่า
"ไอ้เตอร์ล่ะครับ" เสียงทุ้มฟังรื่นหูเอ่ยถามลุงเข้ม เขาไม่มองฉันราวกับไม่อยู่ในสายตา
"น่าจะยังไม่ตื่น เมื่อคืนคุณธันเตอร์พาคุณน้ำมนต์กับคุณนาบีมาส่งคงจะหมดพลังไปเยอะเพราะทั้งคู่เมาแทบไม่ได้สติ" หน้าฉันแดงปลั่งด้วยความอับอายที่ได้ยินลุงเข้มบอกถึงสาเหตุที่ฉันตื่นสายในวันนี้
ส่วนที่เฮียธันเตอร์พักที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเฮียแกสนิทกับเจ้ฉันตั้งแต่เด็กๆ แล้วน่ะ
"ฝากบอกมันด้วยแล้วกันว่ามาเอารถคืน" เอฟวันพูดเสร็จเขาก็ยื่นกุญแจรถให้ลุงเข้มจากนั้นก็เดินผ่านฉันไปไม่มีมองแม้หางตา
"คุณนาบีขึ้นรถเถอะครับเดี๋ยวสายเอานะ" เสียงลุงเข้มดึงสติฉันกลับมาพะวงเรื่องควิซที่เหลือเวลาอีกแค่...