บท
ตั้งค่า

EPISODE - 01 / 2

“พี่มีธุระด่วนต้องรีบไป เราก็รีบซื้อของรีบขึ้นห้องพักแล้วกันนะคะ พี่เป็นห่วง"

ฉันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สนิมบอกแบบนั้น

"ค่ะ พี่รีบกลับเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงบี" แกล้งยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนที่เขาจะตอบรับด้วยการยิ้มกลับและรีบวิ่งไปขึ้นรถ ทะยานคันเร่งมุ่งสู่ท้องถนนออกไป

"เฮ้อ! แกจะทนได้นานแค่ไหนนะนาบี" พึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ต่อให้วันนี้รอดจากการตื๊อของสนิม แต่วันพรุ่งนี้ล่ะฉันจะใช้ข้ออ้างอะไรหลีกเลี่ยงเขาอีก

เฮ้อ! แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว สุดท้ายกว่าจะถึงบ้านได้เล่นกินเวลาเกือบเย็น

"นาบี!" เสียงใสนุ่มหูเรียกอย่างร้อนรนใจ

"เจ้มนต์" เจ้น้ำมนต์คนสวยเรียกและวิ่งตาตั้งออกมาหาที่หน้าประตูบ้าน

"ทำไมนานนักล่ะ เจ้โทรไปก็ไม่รับสาย นี่กะว่าอีกนาทีถ้าเราไม่ถึงบ้านเจ้จะให้ธันเตอร์พาไปแจ้งความแล้วนะ"

"เจ้ก็เวอร์ไป"

"นี่แหนะ! ก็คนมันเป็นห่วง มหา’ลัยกับบ้านเราไม่น่าจะใช้เวลาเป็นสองสามชั่วโมงแบบนี้ แถมยังนั่งแท็กซี่กลับเองอีกจะไม่ให้เจ้เป็นห่วงได้ไง ข่าวเสียเกี่ยวกับแท็กซี่มีถมเถ"

ฉันยิ้มให้กับความตระหนกห่วงใยของพี่สาวคนนี้ก่อนจะเดินไปสวมกอดและลูบหลังเธอเบาๆ ให้อารมณ์ผ่อนคลายลง

"นาบีขอโทษค่ะ พอดีเจอคนรู้จักเลยแวะทำธุระนิดหน่อย ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง" หลังจากได้ยินเหตุผลของฉันเจ้น้ำมนต์ก็เม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะพยักหน้าฉีกยิ้มบางๆ ให้ในวินาทีต่อมา

"สัญญากับเจ้นะ ต่อไปต้องรับสายเจ้ทุกครั้ง"

"คร่าาา นาบีรับทราบครับ" ฉันทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหารรับคำสั่ง เรียกร้อยยิ้มหวานของพี่สาวตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

"งั้นขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เจ้ให้แม่บ้านเอาชุดสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ไปไว้ให้ที่ห้องแล้ว" ฉันพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน

วันนี้เป็นงานวันเกิดเฮียธันเตอร์เพื่อนสนิทของเจ้น้ำมนต์น่ะ เธอเลยชวนฉันไปร่วมงานนี้เป็นเพื่อน ถามว่าฉันสนิทกับเฮียธันเตอร์และเพื่อนๆ ของเจ้น้ำมนต์มั้ย บอกเลยว่า ไม่เท่าไหร่ ยิ่งกับเฮียธันเตอร์ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขาเป็นคนเข้าถึงอยาก หน้านิ่งตลอดเวลา มองเผินๆ ดูดุเลยล่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้งก่อนที่ผู้เป็นพี่สาวจะเปิดเข้ามาหลังจากฉันส่งเสียงอนุญาต

"สวยที่สุดน้องสาวเจ้" เจ้น้ำมนต์ที่อยู่ในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีส้มอ่อนแหวกข้างถึงขาอ่อนเอ่ยชมฉัน

"ชุดสวยมากเลยค่ะ เจ้เป็นคนออกแบบเองไหมคะ" ที่ถามเพราะเจ้น้ำมนต์ชอบตัดชุดน่ะ เธอมีพรสวรรค์ด้านแฟชั่นแต่ดันเรียนบริหารธุรกิจซะงั้น

"แน่นอนจ๊ะ!" คนข้างกายฉีกยิ้มด้วยความภูมิใจ ฉันยืนมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง สาวหุ่นเอสไลน์ที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีม่วงแหวกข้างยาวถึงขาอ่อน

ผมสีบลอนด์อมเทาปล่อยสยายถึงกลางหลังเพื่อซ่อนแผ่นหลังขาวเนียนให้ดูน่าค้นหาไม่โป๊จนเกินไป

"ส่วนนี่... สำหรับตรีมงานจ้ะ" เจ้น้ำมนต์ยื่นอะไรบางอย่างให้ฉัน

"หน้ากาก" ฉันรับหน้ากากผีเสื้อสีเดียวกับชุดขึ้นมาดู

"ใช่ ไม่รู้ไอ้บ้าธันเตอร์มันคิดยังไง จัดงานวันเกิดด้วยตรีมหน้ากากแบบนี้"

ถึงแม้ปากจะบ่นแต่ฉันดูออกว่าเจ้ฉันชอบงานในครั้งนี้มากแค่ไหน

ไม่รู้ชอบตรีมงานหรือชอบเจ้าของงานกันแน่

"บีว่าดูแหวกแนวดีนะคะ เหมือนในหนังฝรั่งเลย" ปากพูดพร้อมกับยกหน้ากากขึ้นมาสวมดู ใส่แบบนี้แล้วดูไม่ออกเลยนะว่าใครเป็นใคร

"งั้นเราไปกันเถอะ ธันเตอร์ให้คนมารับแล้ว"

"อ้าว บีนึกว่าเราจะขับรถไปซะอีก" ฉันร้องขัด ปกติเวลาออกงานที่ไหน

เจ้น้ำมนต์ไม่เคยให้ใครไปส่งเลยสักครั้ง ขนาดงานจัดที่ต่างจังหวัดเจ้แกยังสู้ตาย

"ก็จะใครอีกล่ะ ชอบขัดใจตลอด" หน้าบึ้งปากคว่ำแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฮียธันเตอร์แน่ๆ

"เฮียเขาอาจจะเป็นห่วงคนแถวนี้ก็ได้นะคะ" ฉันแซวพี่สาวแสนสวยที่ยังแก้มพองลมเบาๆ ถึงแม้ภายนอกเฮียธันเตอร์จะดูน่ากลัว นิ่งขรึม แต่จริงๆ แล้วนิสัยเฮียเขาดีมากๆ เลยล่ะ ต้องสนิทเท่านั้นถึงจะรู้

พวกเราใช้เวลาในการเดินทางมาบ้านเฮียธันเตอร์ราวๆ ชั่วโมงได้ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น เพียงแต่รถลาในเมืองกรุงช่วงหัวค่ำแบบนี้มันติดสุดๆ แค่นั้นแหละเลยทำให้การเดินทางล่าช้า

"โห... งานใหญ่น่าดูนะคะ"

หลังจากก้าวลงจากรถที่ทางบ้านเฮียธันเตอร์ส่งมารับเรียบร้อย ตาฉันก็ลุกวาวเมื่อเห็นบรรยากาศในงานเต็มๆ ตา

"นี่ถือว่ายังเล็กนะจ๊ะ" เจ้น้ำมนต์ที่เดินตามมาติดๆ เอ่ยบอก

โห! นี่ใช้พื้นที่จัดงานกลางแจ้งกินพื้นที่น้องๆ สนามฟุตบอลขนาดนี้ยังบอกว่างานเล็กอีกเหรอ

"นี่งานแรกของเราสินะ" เจ้น้ำมนต์ถามพร้อมสวมกอดไหล่ฉันจากด้านหลังหลวมๆ ถึงจะบอกว่าฉันได้ครอบครัวเจ้แกรับมาเลี้ยงต่อแต่ก็เพิ่งจะอยู่ได้เกือบปี เพราะก่อนมาอยู่ที่นี่หนึ่งปีฉันอยากลองใช้ชีวิตด้วยลำแข้งตัวเองดูสักครั้ง

"ค่ะ นี่งานแรกที่บีได้มาเหยียบเลยล่ะ" ตาฉันนี่วิ้งๆ เป็นประกายเหมือนในการ์ตูนหวานแหววเลยล่ะ มันทั้งตื่นเต้นและแปลกใหม่สุดๆ

"งั้นเดี๋ยวเจ้พาเข้างาน มาม่ะซินเดอเรนล่าผู้เพิ่งมาเผชิญงานเลี้ยงของเจ้าชาย" เจ้น้ำมนต์ทำเสียงหยอกล้อก่อนจะจูงมือฉันเดินเข้าไปในงาน

ยอมรับเลยว่าถ้าไม่ได้ชุดสวยๆ ของเจ้ฉันป่านนี้ฉันคงเหมือนแกะดำในฝูงราชินีแกะขาวแน่ๆ เพราะผู้คนในงานไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็จัดเต็มกันทั้งนั้น

ถึงแม้จะนับๆ ด้วยสายตาจะมีไม่ถึงยี่สิบคนก็ตาม แต่บอกเลยว่างานจัดได้ยิ่งใหญ่กว่าจำนวนคนเสียอีก

"ธันเตอร์อยู่ไหนเนี่ย" เจ้น้ำมนต์บ่นเป็นรอบที่ล้านแปดแล้วมั้ง ตั้งแต่แกจูงฉันเข้ามาในงานเพื่อตามหาตัวเจ้าของวันเกิดแต่ไม่เจอสักที

"นี่ๆ เห็นเจ้าของวันเกิดมั้ย" เจ้น้ำมนต์สะกิดถามใครบางคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำสวมหน้ากากสีเขียว

"น่าจะอยู่ข้างใน" คนถูกถามเอ่ยตอบเสียงเรียบก่อนจะมองจ้องมาที่ฉัน

"เฮียไททัน?" เจ้น้ำมนต์เรียกชื่อคนตรงหน้าก่อนที่เขาคนนั้นจะพยักหน้ายืนยันตัวตน

"สวัสดีค่ะ มนต์จำไม่ได้เพราะมีหน้ากากปิด แฮะๆ" ฉันยกมือไหว้คนที่ชื่อ

‘ไททัน’ ตามเจ้น้ำมนต์

"นี่ก็จำไม่ได้เหมือนกัน" เฮียไททันคงหมายถึงจำเจ้แกไม่ได้เพราะมีหน้ากากสวมทับอยู่สินะ "อ้อ ลืมแนะนำเลย นี่นาบี น้องสาวมนต์เองค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้เฮียไททันเป็นหนที่สอง

"อืม รู้แล้ว"

"คะ?" ฉันที่ยืนอยู่ใกล้เขาและมีสติที่สุดสบทถาม

"รีบไปหามันสิ" แต่แทนที่คนถูกถามจะตอบฉันเขากลับหันไปพูดกับเจ้น้ำมนต์ที่เอาแต่ชะเง้อคอมองหาใครบางคนอยู่

"นาบีจะเข้าไปกับเจ้ไหม" เจ้น้ำมนต์หันมาถามความเห็น ส่วนฉันที่มัวแต่ติดใจคำพูดสุดท้ายตอนที่เจ้น้ำมนต์แนะนำตัวฉันกับเฮียไททันเลยไม่ทันได้ตอบกลับ

"เฮียไม่ได้นัดใครไว้ใช่ไหมคะ งั้นมนต์ฝากนาบีไว้แปบนะขอไปลากตัวเจ้าของงานไร้มารยาทออกมาต้อนรับแขกเหรื่อก่อน"

สั่งๆ เสร็จเจ้แกก็ไม่รอฟังคำตอบอะไรจากใคร รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปทางตัวบ้านหลังใหญ่ทันที

"เธอคือนาบี?" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ยังเคลือบแคลงความไม่มั่นใจ

"ค่ะ"

"เป็นน้องสาวน้ำมนต์?"

"ไม่ใช่น้องแท้ๆ หรอกค่ะ พอดีคุณลุงคุณป้ารับบีมาเลี้ยง" ฉันตอบคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่นาที แต่ยอมรับว่าดวงตาสีฟ้าเข้มอมเทาของเขามันคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนจะเคยจ้องดวงตาคู่นี้มาก่อนแปลกๆ

"อืม" เฮียไททันพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ "หึ ผีเสื้อบินกลับรัง"

และเป็นอีกครั้งที่คิ้วฉันเลิกขึ้นสูงพร้อมกับปากที่กำลังจะอ้าถาม แต่กลับมีเสียงทุ้มนุ่มหูติดทะเล้นดังขัดซะก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel