EPISODE - 01 / 1
@2 ปีต่อมา
"ค่ะเจ้ ตอนนี้บีกำลังรอแท็กซี่อยู่ค่ะ"
[ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวเจ้วนรถไปรับ]
"ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ เจ้ออกไปตั้งครึ่งทางแล้ว ไว้เราเจอกันที่บ้านเลยนะคะ"
[เฮ้อ! ดื้อจริงๆ น้องคนนี้ โอเคงั้นเจ้รอที่บ้านนะจ๊ะ บาย]
"บายค่ะ" ฉันกดวางสายเจ้น้ำมนต์พี่สาวคนสวยก่อนจะเหลือบดูเวลาที่หน้าจอ ถึงจะบอกว่า เจ้น้ำมนต์ เป็นพี่สาว แต่เธอไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของฉันหรอก
เรื่องมันเกิดเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่ฉันตัดขาดกับครอบครัวป้านิจ และได้ครอบครัวเจ้น้ำมนต์รับไปเลี้ยงดูแทน พ่อแม่เจ้น้ำมนต์พวกท่านน่ารักและใจดีกับฉันมาก พวกท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยฉันยังไม่เกิด พ่อกับแม่ฉันเคยช่วยคุณป้าหรือก็คือแม่เจ้น้ำมนต์จากโจรขโมยรถ ตอนนั้นพ่อฉันถูกยิงถากๆ ที่ไหล่ซ้ายด้วยล่ะ แต่ก็ถือว่าเจ็บคุ้มเสีย เพราะได้ช่วยชีวิตแม่เจ้น้ำมนต์ไว้ได้อย่างปลอดภัย
"บ่ายสาม" นาฬิกาดิจิทัลที่หน้าจอมือถือบ่งบอกเวลาว่าฉันยืนรอแท็กซี่ที่หน้ามหา’ลัยเอกชนบีพีมาเกือบร่วมชั่วโมง ทั้งๆ ที่มหาลัยแห่งนี้ก็ไม่ได้กันดารชนิดที่ว่าแท็กซี่จะไม่วิ่งผ่าน แต่ฉันกลับโบกแท็กซี่ไม่ได้สักคัน เหตุผลน่ะเหรอ ก็ร้อยแปดของพวกพี่ๆ คนขับนั่นแหล่ะ
'แก็ซหมดน้อง'
'พี่ต้องส่งรถ'
'โอ๊ยแถวนั้นรถติด บลาๆ'
เบื่อจริงๆ เจอแท็กซี่แบบนี้!
ปี้นๆ ตอนที่กำลังอารมณ์หงุดหงิดเสียงแตรรถก็ดังขึ้นพร้อมกับเฟอรารี่สีแดงสดจอดอยู่ตรงหน้า
"น้องนาบีจะไปไหนจ๊ะ" เสียงทุ้มเจ้าของร่างสูง 178 เอ่ยถามผ่านกระจกรถที่ลดต่ำลง
"บีจะกลับบ้านค่ะ" ตอบตามมารยาททั้งๆ ที่ในใจโคตรจะด่ายาวยันดาวอังคาร ผู้ชายคนที่เป็นเจ้าของเฟอรารี่สีแดงนี้ชื่อ 'สนิมทอง' เรียกสั้นๆ ว่า 'สนิม' เป็นหลานชายอธิการบอดีของมหา’ลัยที่ฉันเรียนอยู่
และที่ฉันบอกว่าฉันกำลังบ่นสาปส่งเขาในใจเพราะพี่เขาเป็นพวกขี้ตื๊อ เคยขอจีบฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันก้าวเข้ามาในมหา’ลัยจวบจนตอนนี้ผ่านมาแล้วเกือบปีพี่เขายังไม่ถอดใจ ทั้งๆ ที่ฉันเลือกปฎิเสธแบบไม่ถนอมน้ำใจมาแล้วตั้งหลายครั้งด้วยนะ
"งั้นเหรอ ให้พี่ไปส่งมั้ย?" ไม่ถามเปล่า พี่สนิมยังเปิดประตูรถเดินมาหาฉัน
"ใกล้ไปมั้งคะ" เขยิบหนีร่างสูงที่เดินมายืนซ้อนด้านหลังแทบจะเรียกสิงร่าง
นี่คือเหตุผลข้อแรกที่ฉันไม่ตอบตกลงคบเขาเพราะฉันไม่ชอบคนถึงเนื้อถึงตัว
"แหม นิดหน่อยเอง" ถ้าจะตอบแบบนี้ไม่ต้องตอบเลยเสียดีกว่า
"แท็กซี่มาแล้ว บีขอตัวนะคะ" สายตาเหลือบเห็นแท็กซี่สีชมพูวิ่งมาแต่ไกลเลยได้โอกาสชิ่งหนี
หมับ! แต่คนร่างสูงกลับฉวยโอกาสจับข้อมือฉันไว้
"ปล่อยค่ะ" เสียงฉันแข็งขึ้นเท่าตัว บอกแล้วไม่ชอบคนถึงเนื้อถึงตัว
"อย่าปฎิเสธพี่อีกเลยนาบี เราก็รู้พี่ตามจีบเรามาเกือบจะครบปีแล้วนะ" พี่สนิมใช้เสียงอ่อนเอ่ยอ้อนให้เห็นใจ
"แต่บีก็บอกพี่ชัดเจนแล้วนี่คะว่าบียังไม่อยากมีแฟนตอนนี้" เพิ่งอยู่แค่ปีหนึ่งฉันยังไม่คิดหาห่วงมาผูกคอหรอก
"ไม่เป็นไรค่ะ ต่อให้เราจะปฎิเสธพี่กี่ล้านครั้งพี่ก็จะหน้าด้านหน้าทนตามตื๊อเราเอง" และนี่คือเหตุผลที่สองที่ฉันไม่รับรักสนิม
เพราะเขาเป็นพวกเอาแต่ใจ คิดว่าจะทำอะไรเขาก็จะดึงดันเอาให้ได้
"ค่ะ แต่ตอนนี้ช่วยปล่อยมือบีก่อนนะคะ บีต้องรีบกลับบ้าน" ฉันเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้นเพราะสนิมไม่ยอมปล่อยมือสักที
"ถ้าเราตอบตกลงให้พี่ไปส่ง พี่จะปล่อย" หน้าด้านกว่านี้มีอีกมั้ย?
เฮ้อ! สุดท้ายฉันก็ได้แต่จำยอมให้เขามาส่ง แต่อย่าคิดว่าฉันให้ส่งถึงที่เพราะฉันไม่อยากให้ที่บ้านเจ้น้ำมนต์คิดลบกับฉันในวัยแค่นี้
"น้องนาบีพักที่นี่เหรอคะ" หลังจากที่จำใจให้สนิมมาส่ง ฉันก็แกล้งให้เขาขับมาแถวๆ คอนโดที่ห่างมหา’ลัยไม่ไกลนัก "ค่ะ" คอนโดใครก็ไม่รู้แต่ตอนนี้แกล้งเนียนไปก่อนว่าตัวเองพักที่นี่
"ให้พี่เข้าไปส่งไหมคะ" สนิมยิ้มกริ่ม ฉันรู้หรอกภายใต้รอยยิ้มนั้นเขาคิดอะไร
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" ถึงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าพี่เขาแต่ฉันก็ยังมีมารยาทยกมือไหว้เป็นการขอบคุณและกล่าวลา
"เดี๋ยวค่ะ" สนิมรั้งฉันไว้อีกครั้งด้วยคำพูด
"คะ?" ฉันหันกลับไปจ้องหน้าโชเฟอร์ด้วยความสงสัย
"พี่ขอจอดรอส่งเราเข้าข้างในตรงนี้นะคะ เป็นห่วง"
ฉิบหาย! เมื่อกี้อุตส่าห์คิดไว้ว่าถ้าลงจากรถเสร็จจะรีบชิ่งเรียกแท็กซี่กลับบ้านทันที แต่แบบนี้มันผิดแผน ฉันไม่ได้พักที่นี่แล้วจะเข้าไปในคอนโดหรูแบบนั้นได้ยังไง
'เอาไงดีนาบี คิดสิคิด!'
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่รีบเข้าไปเหรอ" สนิมเร่งเร้า หรือว่าเขาจะจับได้ว่าฉันโกหก ไม่มั้ง! มันคงไม่บังเอิญว่าเขาพักที่นี่หรอกใช่ไหม?
"เอ่อ พอดีบีลืมว่าของใช้ในห้องหมดเลยว่าจะแวะไปมินิมาร์ทก่อนค่ะ พี่สนิมกลับไปก่อนเลยนะคะ ไม่ต้องรอส่งบีเข้าคอนโดก็ได้" ดีนะเมื่อกี้เหลือบเห็นมินิมาร์ท อยู่ใกล้ๆ คอนโดพอดี
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ไม่รีบ งั้นเดี๋ยวพี่เดินไปซื้อของเป็นเพื่อนเราดีกว่า"
อะไรจะดื้อด้านขนาดนี้นะ หรือฉันแสดงออกว่ารังเกียจเขาไม่พอ?
"แต่..." จังหวะที่กำลังคิดหาทางออกเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน
"ครับพ่อ ครับ ได้ครับ แล้วผมจะรีบไป" สนิมคุยโทรศัพท์ราวๆ นาทีเศษก่อนจะกดวางสายและหันมาคุยกับฉันต่อ