EP.18 ฝืนตัวเอง
"มึงบ้าปะเนี่ยไอ้โซล ?"
"มึงเคยเกือบติด F วิชาคณิตแต่อยากเรียน บริหารเนี่ยนะ ?" ฟาเรนมองดูใบสมัครของเพื่อนตัวเองพร้อมกับส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่นิด
"กูไม่ได้เคยติด F ซะหน่อย..ตอนนั้นแค่อ่านหนังสือไม่ทันเฉย ๆ " โซลเมทแย้งกลับไปทันที เพราะเธอรู้สึกอายที่ฟาเรนไฮต์เล่นเผาเธอต่อหน้าพี่เฟรนด์ชิปแบบนี้
"มึงโง่คณิตจะตาย 7+3 มึงยังต้องจิ้มเครื่องคิดเลขอยู่เลยอะ" ฟาเรนยังคงพล่ามไม่ยอมหยุด
"…" ร่างบางกำหมัดแน่นจ้องหน้าเพื่อนรักเพื่อนแค้นด้วยความอาฆาต ถ้าไม่ติดว่าเฟรนด์ชิปอยู่ตรงหน้าเธอคงยกเท้าถีบยอดหน้าฟาเรนไปแล้วจริง ๆ
"ก็กูบอกว่ากูชอบไง... กูอยากเรียนคณะนี้... มันหนักหัวมึงรึไงฮะ" โซลเมทดึงใบสมัครของเธอคืนและจ้องหน้าฟาเรนด้วยแววตาที่ดุดัน
"มันไม่หนักหัวกูหรอก หนักหัวมึงเองนั่นแหละ" ฟาเรนดีดหน้าผากของโซลเมทเบา ๆ
"จริง ๆ กูก็ไม่ได้อยากเสือกหรอกครับ... แต่แค่อยากเตือนว่าคณะนี้มันไม่เหมาะกับมึงเลย" ฟาเรนเตือนเพื่อนของเขาไปตามตรง
เพราะโซลเมทชอบสายแฟชั่น สายออกแบบมากกว่าเรื่องการคิดคำนวณและงานบริหาร แต่เธอกลับเลือกเรียนคณะที่ไม่เข้ากับตัวเองเลยสักนิด
"กูอยากลองเรียนดูก่อน" โซลเมทยังคงยืนยันคำเดิม ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าพี่เฟรนด์ชิปเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วฟังที่เธอยืนเถียงกับฟาเรนมานานแค่ไหนแล้ว
"แต่อะไรที่มันต้องฝืนตัวเองมากจนเกินไป...วันหนึ่งมึงเองแหละที่จะพัง" เขาพูดพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของโซลเมทด้วยความหวังดีจริง ๆ
บรรยากาศระหว่างทั้งสามคนเต็มไปด้วยความเงียบ จนฟาเรนเองก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูกเลย แต่ทุกที่ที่มีเฟรนด์ชิปอยู่ ที่นั่นน่าเบื่อเสมอสำหรับเขาและคนรอบข้าง
"เออแต่ถ้ามึงอยากจะสอบให้ผ่านเกณฑ์คัดเลือกจริง ๆ มึงก็ให้พี่เฟรนด์ช่วยติวให้ดิ " ฟาเรนพยายามพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
"ถ้าแค่สอบเข้ายังทำไม่ได้ ก็น่าจะรู้ตัวแล้วนะว่าเรียนไม่ไหวหรอก" เฟรนด์ชิปพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะยกมือขึ้นทักเพื่อนร่วมคณะของเขาอีกคนหนึ่ง
"เราลงทะเบียนเรียนให้แล้วนะ นี่จ้าตารางเรียนของเฟรนด์" หญิงสาวหน้าตาสวยคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาพร้อมกับใบตารางเรียนในเทอมหน้าของเขา
"ได้ตามที่เฟรนด์รีเควสเอาไว้ทุกอย่างเลย"
"ขอบคุณ" เฟรนด์ชิปรับตารางของเขามาอ่านดูอย่างละเอียด เพื่อเช็ดดูอีกทีว่าไม่มีวิชาไหนที่ตกหล่นไป จากที่เขาแพลนเอาไว้
"ว่าแต่เทอมหน้าเฟรนด์จะย้ายไปเรียนที่อังกฤษ หรือจะเรียนที่ไทยก่อนเหรอ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ ใบหน้าของเธอยิ้มอยู่ตลอดเวลาที่คุยกับเขา
"ยังไม่รู้เลย" เฟรนด์ชิปตอบกลับไปเสียงเรียบ
"ยังไงถ้าตัดสินใจได้แล้วบอกเราด้วยนะ เพราะว่าเราไม่กล้าไปเรียนที่โน่นคนเดียวอะ" เธอจ้องมองไปทางเฟรนด์ชิป ก่อนจะหันมายิ้ม ๆ ทักทายฟาเรนไฮต์กับโซลเมทที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากตามมารยาท
"ฮู้ว... คนนี้แม่งสวยว่ะ" ฟาเรนยิ้มรับทันที ก่อนจะหันมากระซิบบอกกับโซลเมทเบา ๆ สายตาของเขามองไปที่เพื่อนสาวของเฟรนด์ชิปไม่ละสายตาไปทางอื่นเลย
"ขาขาวมากเลยว่ะ หน้าอกก็..." ฟาเรนมองสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวที่กำลังคุยอยู่กับพี่ชายของเขา แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมากวนประสาทโซลเมทไปพลาง ๆ
"ถ้ามึงชอบเขา มึงก็ไปจีบดิ จะมามัวยืนหื่นกามตรงนี้ทำไม" โซลเมทหันไปกระแทกเสียงใส่เพื่อนของเธออย่างหัวเสีย
"ทำไมอะ... หรือว่ามึงอิจฉาที่เพื่อนพี่เฟรนด์สวยกว่าตัวเองอะ" ฟาเรนใช้สายตามองเปรียบเทียบระหว่างรุ่นพี่สาวคนสวยนั่น กับโซลเมทที่สวมใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลายกระโปรงยาวถึงหัวเข่าและถักเปียสองข้างผูกโบสีขาว
ฟาเรนแค่แกล้งประชดเพื่อนของเขาเล่น ๆ โดยไม่ได้คิดอะไร แต่เหมือนว่าโซลเมทจะไม่ได้สนุกด้วยอย่างที่เขาคิด
"ก็จริงของมึง" โซลเมทข่มน้ำตาเอาไว้ก่อนจะเดินแทรกไปตรงกลางระหว่างเฟรนด์ชิปกับเพื่อนผู้หญิงของเขา และเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
"ไอ้โซล ๆ ๆ กูแค่ล้อมึงเล่นเองนะ" ฟาเรนไฮต์ตะโกนเรียกไล่ตามหลัง แต่เธอก็ไม่หยุดเดินแถมยังเร่งฝีเท้าเดินต่อไปให้เร็วมากที่สุด
มือเล็ก ๆ ขยำกระดาษใบสมัครในมือก่อนจะโยนทิ้งลงถังขยะไป เธอเดินออกจากคณะบริหารตรงไปอาคารจอดรถทันทีเพื่อที่จะขับรถกลับคอนโดของเธอ
แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถ หน้าจอในรถก็โชว์ความผิดปกติเรื่องยางรถขึ้นมา หญิงสาวแทบอยากจะเอาหัวทุบ ๆ ๆ ที่พวงมาลัยรถให้พังไปเลยจริง ๆ
"โอ๊ย ! ให้มันได้อย่างงี้สิ !" เธอเปิดประตูลงจากรถและเดินวนดูยางทั้งสี่ล้อ ก่อนจะพบว่ามียางล้อหนึ่งรั่วจนแบนแนบไปกับพื้น และพอมองเพ่งดูดี ๆ ก็พบว่ามีตะปูปักอยู่ถึงสองจุดเลย
"ต้องเป็นไอ้ไซต์ก่อสร้างข้าง ๆ คอนโดแน่เลยอะ" โซลเมทบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ
ครั้นจะโทรขอกลับกับฟาเรนไฮต์ก็เพิ่งจะโกรธกับมันมาหมาด ๆ แต่พอจะเลื่อนกดเบอร์โทรหาเพื่อนคนอื่น ๆ โทรศัพท์ก็ดับคามือไปแล้วเพราะแบตหมด
"คนอะไรมันจะซวยไปซะทุกเรื่องเลยวะ" โซลเมททิ้งรถจอดเอาไว้ที่ลานจอดรถ ก่อนจะเดินกลับออกไปทางด้านหน้าของมหาวิทยาลัยเพื่อเรียกแท็กซี่กลับคอนโด
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงทางออก เธอก็เจอเฟรนด์ชิปกับเพื่อนสาวคนเดิม กำลังเดินตรงไปที่รถของเขาเช่นกัน
หญิงสาวยืนกำหมัดแน่นกับภาพตรงหน้าที่เธอเห็น บวกกับที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเพื่อนของพี่
เฟรนด์ชิปคนนี้เอาเสียเลย ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้ทำอะไรให้ แต่มันก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามาก ๆ จนเก็บอาการแทบไม่อยู่ โซลเมทจึงเดินตรงเข้าไปยืนขวางด้านหน้ารถของเฟรนด์ชิปทันที
"เอ่อ..?" ผู้หญิงคนนั้นตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร ทั้ง ๆ ที่ดูก็รู้ว่าเธอกำลังเสแสร้งแกล้งทำชัด ๆ
"ไปรอบนรถ" เฟรนด์ชิปบอกกับเพื่อนสาวของเขาเพียงเท่านั้น ซึ่งเธอก็รีบเดินอ้อมไปนั่งที่นั่งข้างคนขับอย่างว่าง่าย
(คิดว่าจะได้กลับกับเขาสองต่อสองงั้นเหรอ หึ) โซลเมทจ้องมองหน้าเพื่อนของพี่เฟรนด์ชิป และต่อว่าเธอเสียงดังอยู่ภายในใจ
"พอดีว่ารถของโซลเสีย แล้วมันก็เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้ช่างถึงจะมายกไปซ่อมให้ได้" โซลเมทอธิบายเหตุผลของเธอไปตามจริง
"โซลอยากขอติดรถพี่เฟรนด์กลับคอนโดด้วยได้ไหมคะ" โซลเมทหันไปถามเฟรนด์ชิปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าทุกครั้ง
"ไปคนละทาง" เฟรนด์ชิปเอ่ยตอบกลับเพียงสั้น ๆ
"แค่ขับไปส่งโซลที่คอนโด ก็ไม่ได้เลยเหรอคะ" โซลเมทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
"หยุดเรียกร้องความสนใจซะทีได้ไหม" เฟรนด์ชิปพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
"เฟรนด์คะ ไปกันเลยไหมพอดีคุณพ่อนุ่นโทรตามแล้ว" หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถเปิดประตูออกมาเพื่อเร่งเฟรนด์ชิปที่ยืนคุยกับโซลเมทอยู่ด้านหน้ารถ
"งั้นก็ยืนรอตรงนี้ เดี๋ยวจะโทรให้ไอ้ฟากลับมารับไปส่งที่คอนโด" เฟรนด์ชิปพูดกับโซลเมทเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับไปที่รถของเขา
"…." โซลเมททำได้แค่ยืนมองรถของพี่ชายใจร้ายขับออกไปจากเธอ ด้วยสายตาที่เจ็บปวดใจ
"โซลแค่ขอติดรถกลับคอนโดเองนะ..."
"โซลเรียกร้องความสนใจ และทำให้พี่รำคาญมากขนาดนั้นเลยเหรอ"
คนตัวเล็กค่อย ๆ เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยออกจากมหาวิทยาลัยไป น้ำตาก็ไหลไปด้วย เธอเลือกที่จะไม่อยู่รอฟาเรนไฮต์ตามที่เฟรนด์ชิปบอกเอาไว้
"พอกันที ๆ ๆ " โซลเมทเดินกระแทกเท้าไปตลอดทางด้วยความรู้สึกโกรธตัวเองที่เดินเข้าไปหาเขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิด
"ยัยโซล ยัยคนโง่เอ๊ย ! เขาใจร้าย ใจดำกับตัวเองถึงขนาดนี้ก็ยังจะไป... รู้สึกกับเขาอยู่ได้" โซลเมทปาดน้ำตาไปพร้อมกับ ๆ เดินหยิกแขนของตัวเองไปด้วยตลอดทาง
"เมื่อไหร่จะหยุดรักคนใจร้าย คนเย็นชา คนไร้หัวใจแบบพี่เฟรนด์ได้สักทีนะ"
"เมื่อไหร่ ๆ ๆ " เด็กสาวเดินบ่นกับตัวเองไป น้ำตาไหลไป จนกระทั่งเธอเดินไปหยุดยืนรออยู่ที่จุดเรียกรถแท็กซี่หน้ารั้วมหาวิทยาลัย