EP.16 ห้ามบอกใคร
"อะ...โอ๊ย..." เธอคว้าหมอนข้างเข้ามาแนบใบหน้าเพื่อซับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เลย ร่างกายของเธอมันเจ็บและร้าวระบมไปหมดจนโซลเมทเองไม่อยากจะขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
"ไม่คิดเลยว่า... มันจะเจ็บขนาดนี้" โซลเมทกุมร่องรักของเธอด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ และแสบจนน้ำตาเล็ด
"อือ... ฮึบ !" คนตัวเล็กฝืนยิ้มออกมาเพื่อหลอกร่างกายตัวเอง ทั้ง ๆ ที่น้ำตามันไหลเป็นทางอาบทั้งสองแก้ม
"อย่างน้อยความเจ็บของร่างกายมันก็ทำให้โซลรู้ว่า... เรื่องเมื่อคืนโซลไม่ได้ฝันไป" เธอพูดไปยิ้มไปแม้ว่าร่างกายจะบอบช้ำ แต่เธอก็ไม่เสียใจเลยที่เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นจริง
"รอยจูบที่ริมฝีปาก... ก็จริง" เด็กสาวช่างฝันลูบริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ
"รอยจูบที่หน้าอก... ก็จริง"
"และรอยรักที่ฝากเอาไว้... ก็เป็นของจริง" เธอยิ้มออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราบไปกับเตียง และนอนซบอิงหมอนข้างเพื่อซับหยดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ โซลเมทผล็อยหลับไปด้วยความรู้สึกเพลีย และหนักหัวมาก ๆ จนทำให้เธอไม่อยากจะลุกทำอะไรเลย นอกจากนอนอยู่บนเตียงของเขาแบบนี้
ด้วยวุฒิภาวะของเด็กสาววัย 18 ย่าง 19 ปี แน่นอนว่าความรักเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเธอในตอนนี้ ความรักทำให้เธอยิ้มได้ หัวเราะได้ และร้องไห้ได้มากที่สุด และคนที่มีผลต่อความรู้สึกของเธอมากที่สุดก็คือพี่เฟรนด์ชิป
ตามทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรักเคยกล่าวเอาไว้นั้น
สิ่งที่ก่อให้เกิดความรักมี 3 ประการด้วยกัน ความสนิทสนม ความลุ่มหลง และความผูกพัน ซึ่งสำหรับโซลเมทแล้วมันไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะหวั่นไหวกับพี่ชายบุญธรรมคนนี้
ถ้าย้อนกลับไปในสมัยที่พ่อกับแม่ของเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน ยังไม่ได้เจอกัน พ่อของโซลเมทเคยรับอุปถัมภ์พี่เฟรนด์ชิป ในฐานะลูกชายบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
ถึงแม้โซลเมทเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวในอดีตของพวกผู้ใหญ่มากสักเท่าไร แต่พ่อของเธอก็เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเข้าใจผิดเรื่องน้าวาเลน
เพราะตอนนี้พ่อของเธอรักและมีแค่แม่ของเธอคนเดียวเท่านั้นจริง ๆ
เท่าที่โซลเมทรู้ก็คือพ่อฟีรุสของเธอเป็นคนดูแลคุณน้าวาเลน ตั้งแต่ตอนที่ตั้งท้องพี่เฟรนด์ชิปจนถึงวันคลอด และยังคงดูแลพี่เฟรนด์ชิปมาตั้งแต่ยังแบเบาะจนเขาเริ่มเข้าอนุบาลเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นคุณน้าวาเลนมีปัญหากับคุณอาไฟนอล ซึ่งทั้งคุณน้าวาเลนและคุณอาไฟนอลล้วนแต่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของคุณพ่อ ท่านจึงพยายามช่วยเหลือทั้งคู่ให้ปรับความเข้าใจกัน และกลับมารักกันได้ในที่สุด
หลังจากที่คุณน้าวาเลนใจอ่อนเธอก็ย้ายกลับไปอยู่กับคุณอาไฟนอล แต่ทั้งคู่ก็ยังคงพาพี่เฟรนด์ชิปมาเยี่ยมพ่อบุญธรรมของเขาอยู่เสมอ และพี่เฟรนด์ชิปเองเขาก็นับถือพ่อบุญธรรมเสมือนเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาด้วยเช่นกัน
ด้วยความที่ทั้งสามท่านเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน และคอยช่วยเหลือกันมาโดยตลอด ทำให้ทั้งสองครอบครัวสนิทกันมาก ขนาดสร้างบ้านก็ยังสร้างอยู่ข้างกันเลย สองครอบครัวสนิทกันมากขนาดที่โซลเมทเองก็ไปเล่นอยู่บ้านของพี่เฟรนด์ชิปกับฟาเรนไฮต์อยู่บ่อย ๆ
ยิ่งบ้านนั้นไม่มีลูกสาวอยู่แล้ว เลยทำให้ทั้งน้าวาเลนและอาไฟนอล รักและเอ็นดูเธอเหมือนกับลูกสาวอีกคนของบ้าน จะมีก็แต่ฟาเรนไฮต์เนี่ยแหละที่ไม่เคยมองเธอเป็นเด็กผู้หญิงเลยสักครั้ง
ส่วนพี่เฟรนด์ชิปเขาก็มักจะมีโลกส่วนตัวสูง เก็บตัว และไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไร ไม่รู้ว่าเธอควรจะขอบคุณสถานะน้องสาวนี้หรือเปล่า
เพราะถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของพ่อบุญธรรมที่เขาเคารพ
หางตาของเขาคงไม่คิดจะเหลียวมองเธอเลยด้วยซ้ำไป...
-ทางด้านของเฟรนด์ชิป-
หลังจากที่เขาออกไปขับรถเล่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนสมองโล่งขึ้นบ้างแล้ว เขาจึงขับรถกลับมายังคอนโดของตัวเองอีกครั้ง
ร่างสูงเดินเข้ามาเห็นว่าโซลเมทยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงของเขา เขาจึงเดินผ่านไปโดยไม่ได้ใส่ใจจะปลุกเธอแต่อย่างใด และเนื่องจากวันนี้เขาไม่ได้ให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง คุณชายจอมเนี้ยบจึงลงมือจัดห้องของเขาให้เป็นระเบียบด้วยตัวเอง
เขาเดินเก็บหนังสือเข้าชั้น และจัดของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง...
ร่างสูงหยุดชะงักมองตรงไปที่โต๊ะที่หน้าห้องรับแขก แล้วนึกขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างที่หายไปแน่นอน แต่ว่าป้าพรไม่เคยย้ายหรือเปลี่ยนที่สิ่งของของเขาเลยสักครั้ง
และสิ่งของที่หายไปก็คือกล่องของขวัญ ที่โซลเมทเอามาเซอร์ไพรส์เขาในวันเกิดที่ผ่านมานี่เอง
"ก็ดีห้องจะได้ไม่รก" เฟรนด์ชิปพูดขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งของที่อีกฝ่ายตั้งใจนำมาให้เขาเลยแม้แต่นิด
หลังจากที่เขาทำความสะอาดเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปอาบน้ำและแช่น้ำอุ่นเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เฟรนด์ชิปนอนพักสายตาในอ่างอาบน้ำ เพราะเตียงนอนของเขามันไม่ว่างและเขาก็ไม่ชอบนอนร่วมกับใครทั้งนั้น
เฟรนด์ชิปเป็นคนนอนหลับค่อนข้างยาก เขาต้องการพื้นที่ที่เงียบสงบมาก ๆ และแน่นอนว่าการที่โซลเมทมานอนค้างด้วยที่คอนโดแบบนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากเช่นกัน
หลังจากที่พักสายตาไปได้ไม่ถึง 10 นาที เสียงคุยโทรศัพท์ของใครบางคนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบสงบของเขาโดยที่เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
ภายในห้องนอน
อื้อ อื้อ อื้อ.. (เสียงโทรศัพท์)
โซลเมทไม่ทันได้ดูว่าเป็นสายเรียกเข้าจากใครเธอก็กดรับสายทันที
"ฮัล...โหล" โซลเมทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย ๆ เพราะเธอผล็อยหลับไปสักพักใหญ่แต่ต้องมาตื่นก็เพราะมีสายเรียกเข้านี่แหละ
(ตายยังมึง ?) ปลายสายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวน ๆ
"ไอ้เชี่ยฟา !" คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาพร้อมกับมุดหน้าซุกกับหมอนไปด้วยความงัวเงีย ๆ ที่โดนปลุก
(เมื่อคืนมึงจะปล้ำกูนะ รู้ตัวปะ ?) เสียงฟาเรนหยอกกลับโซลเมทอย่างยียวน
"แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว" โซลเมทตอบกลับไปพลางกลอกสายตามองบนไปอีกรอบ
(ก็มึงเห็นหน้ากูเป็นหน้าพี่กูตลอดเลย เดี๋ยวก็คว้าไปหอม เดี๋ยวก็คว้าไปกอด จนกูต้องจับมึงมัดมือมัดเท้าเลยนะเว้ย) ฟาเรนเล่าเรื่องคืนก่อนแบบใส่สีตีไข่เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อหวังให้เพื่อนรักของเขาอาย
"ไม่มีทางอะ มึงอย่ามาเวอร์" โซลเมทตะคอกใส่โทรศัพท์กลับไปทันที
(เออ แล้วเมื่อคืนตอนที่ยานรกนั่นออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว... พี่เฟรนด์มันทำยังไงอะ) เสียงของฟาเรนเอ่ยถามดังลั่นลำโพงโทรศัพท์ของเธอออกมาด้วยความสอดรู้สอดเห็น
"เมื่อคืน... กูกับพี่เฟรนด์..." โซลเมทกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ พร้อมกับมองไปยังคราบเลือดบนเตียงนอน และร่องรอยแดงช้ำต่าง ๆ บนเรือนร่างของตัวเอง
ฟุ่บ ! จู่ ๆ มือหนาก็กระชากโทรศัพท์ที่กำลังคุยกับฟาเรนอยู่ไปทันทีและกดตัดสายทิ้ง
"พะ... พี่เฟรนด์ ?" โซลเมทชะงักไปเล็กน้อย เพราะเธอไม่รู้เลยว่าพี่เฟรนด์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
เฟรนด์ชิปที่ตัวเปียกปอนและคราบสบู่เต็มกายเดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยท่าทีเร่งรีบ
"เธอกำลังจะตอบไอ้ฟาว่ายังไง" ร่างสูงกระแทกเสียงถามใส่หน้าของเธอด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
"คะ...คือโซล" โซลเมทนิ่งไปเล็กน้อย เพราะตอนนี้เฟรนด์ชิปกำลังยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าของเธอ และเธอเองก็ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวเช่นกัน
"ฟังให้ดีนะ เรื่องเมื่อคืนสำหรับพี่... มันก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น" ใบหน้าที่เย็นชาจ้องมองเขม็งมาที่เธอ ปลายคิ้วหนาขมวดชนกัน และเปล่งน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกจนน่ากลัวออกมาใส่ใบหน้าหวานของเด็กสาวตัวเล็ก ๆ
คำพูดของเฟรนด์ชิปทำให้โซลเมทรู้สึกเหมือนเธอถูกของแหลมคมทิ่มแทงลงมาที่กลางใจซ้ำ ๆ ในขณะที่เธอเงยหน้าสบสายตาที่ว่างเปล่าของเขา เธอพูดอะไรไม่ออกเลยทำได้แค่พยักหน้ารับมัน
"แล้วถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร... เราขาดกัน !" เฟรนด์ชิปพูดใส่ใบหน้าของเด็กสาวอย่างเรียบเฉย
"ไม่ค่ะ...โซลจะไม่บอกใครเลย"
"โซลสัญญา"