EP.12 คนใจร้าย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิยายเป็นเพียงเรื่องสมมุติเท่านั้น
ไม่ได้แต่งมาจากเรื่องจริง และไม่มีเจตนาทำให้ฝ่ายใดเสียหาย
.....ปัจจุบัน.....
หลังจากที่เฟรนด์ชิปเข้ามาช่วยโซลเมท แบร์บราวน์กับการ์ดของงานก็วิ่งเข้ามาล้อมตัวผู้ชายที่ชื่อ
ดีแลนในทันที
"กูว่าแล้ว ไอ้เหี้ยนี่เป็นคนของคู่แข่งเราอีกงานหนึ่ง" แบร์บราวน์ชี้หน้าดีแลนเพราะจำได้แม่น
"ฝากจัดการต่อที" เฟรนด์ชิปพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้น เพราะภาระที่เขาต้องดูแลในตอนนี้คือโซลเมทที่ยืนเซ ๆ อยู่ข้างกายเขานี่เอง
ร่างสูงโอบไหล่เล็กของเด็กสาวเอาไว้แน่น และลากเธอเดินออกมาจากงาน โดยไม่พูดอะไรอีกเลยแม้สักคำ
"ฮื้อ ๆ ๆ " โซลเมทที่อยู่ในอาการตกใจก็เดินไปร้องไห้ไปอย่างทำอะไรไม่ถูก
ตั้งแต่เล็กจนโตมาเธอไม่เคยโดยเฟรนด์ชิปพูดจาแรงใส่เท่าครั้งนี้มาก่อนเลย และเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอกันแน่ ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าแค่เหล้าเพียงไม่กี่แก้ว จะทำให้เธอรู้สึกหวิว ๆ ภายในใจ
เสียงหัวใจมันเริ่มเต้นแรงขึ้น ๆ ราวกับจะหลุดออกมาด้านนอก ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ตลอดเวลา
"พี่เฟรนด์... ไอ้โซล ?" คลินต์ที่เดินกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเต็มไปหมด ก็เอ่ยทักทั้งคู่อย่างตกใจกับท่าทางของโซลเมทไม่น้อยเลย
"เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่เฟรนด์" วินด์เซอร์วิ่งตามหลังมาติด ๆ ก็เอ่ยถามด้วยอีกคน
"พวกมึงไปไหนมา" เฟรนด์ชิปถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สายตามองทุกคนอย่างคาดโทษ
"พอดีมีเรื่องนิดหน่อยอะ" เป็นฟาเรนที่ขยับกรามเล็กน้อย และเอ่ยตอบคำถามของพี่ชายตัวเองไปอย่างชิว ๆ ทั้งที่คิ้วแตกเลือดอาบมาเลย
"เฮ้ย มึงเป็นไรวะ" ฟาเรนเดินตรงเข้าไปดึงแขนโซลเมทออกจากอ้อมแขนของพี่ชายตัวเองทันที เมื่อเห็นเพื่อนสาวเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
เฟรนด์ชิปไม่ปล่อยมือออกและรั้งตัวโซลเมทเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซึ่งโซลเมทมองไปทางฟาเรนราวกับว่าเธอกำลังต้องการความช่วยเหลือ
"วันหลังถ้าดูแลเพื่อนไม่ได้ ก็ไม่ต้องพามาให้เป็นภาระคนอื่น" เฟรนด์ชิปพูดขึ้นเสียงเรียบ แต่สายตาดุดันของเขาจ้องมองทั้งคลินต์ วินด์เซอร์ และฟาเรนไฮต์อย่างคาดโทษ
ทำเอาทั้งสามคนหันมองหน้ากันทันที เพราะพวกเขาก็ผิดจริงที่ทิ้งโซลเมทเอาไว้ตามลำพังแบบนั้น
และในจังหวะที่เฟรนด์ชิปกำลังจะพาโซลเมทเดินออกไป
"งั้นก็ปล่อยมันดิ เดี๋ยวดูแลเอง" ฟาเรนเถียงกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้พี่ชายตัวเองง่าย ๆ
ฟาเรนกระชากแขนโซลเมทออกจากอ้อมแขนของพี่ชายเขาอย่างแรง ทำให้เฟรนด์ชิปจำต้องปล่อยไม่อย่างนั้นคนที่เจ็บจากการโดนดึงไปมาก็คือโซลเมท
ฟุ่บ ! ใบหน้าสวยซบลงกับแผ่นอกของฟาเรนไฮต์ ฝ่ามือเล็ก ๆ กระชากเสื้อฟาเรนและขยำเอาไว้แน่น
"กูพามึงมา เดี๋ยวกูดูแลมึงเอง" ฟาเรนพูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวเพื่อนตัวเองเบา ๆ สำหรับฟาเรนไฮต์แล้วโซลเมทก็คือหนึ่งในเพื่อนรักของเขาเช่นกัน เขาไม่เคยคิดกับโซลเมทเกินเลย ออกจะเล่นแรงกับเธออยู่บ่อยครั้ง
แต่สิ่งหนึ่งที่ฟาเรนรู้มาตลอดก็คือโซลเมทคิดอย่างไรกับพี่ชายของเขา และมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุด ไม่ใช่เพราะเขาหึงหวงเพื่อนในเชิงชู้สาว แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียใจเพราะพี่ชายที่เย็นชาและไร้หัวใจอย่างเฟรนด์ชิปต่างหาก
"โอเค" เฟรนด์ชิปพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปโดยไม่คิดจะหันกลับมาสนใจไยดีอะไรเธออีกเลย
"นี่พี่แม่งใจดำขนาดทิ้งมันได้จริง ๆ เหรอวะ !" ฟาเรนตะโกนไล่ตามหลังพี่ชายของเขาไปเสียงดังลั่น
"ถามจริง ๆ พี่ไม่รู้เลยเหรอวะ... ว่ามันคิดอะไร" ฟาเรนขึ้นเสียงถามเฟรนด์ชิปไปอย่างโมโหแทนเพื่อนตัวเอง
"…." โซลเมทในตอนนี้หูอื้อไปหมด เธอไม่รับรู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นอกจากเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นเร็วจนผิดจังหวะ
ทางด้านเฟรนด์ชิปเขาไม่หันกลับมาเลยแม้แต่นิด ร่างสูงเดินตรงกลับไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปจากงานโดยไม่สนใจใยดีเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร
"ทีนี้มึงเห็นแล้วนะ...ว่าพี่กูมันแคร์มึงมากแค่ไหน" ฟาเรนกระซิบเข้าที่ข้างหูของโซลเมทเพื่อตอกย้ำให้เธอฟังชัด ๆ
"ใช่..พี่เฟรนด์ไม่เคยแคร์กันบ้างเลย" โซลเมททวนคำพูดของฟาเรนทั้งน้ำตา
"ถ้าเป็นคนอื่น..พี่เฟรนด์คงไม่ยืนเฉย ๆ หรอกใช่ไหม" ร่างบางประคองใบหน้าของฟาเรนเอาไว้และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา แต่สายตาที่โซลเมทมองฟาเรนมันเปลี่ยนไปมากอย่างชัดเจน
"ไอ้โซล กูไม่ใช่พี่เฟรนด์นะ" ฟาเรนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของเพื่อนตัวเองทันที
หยดน้ำใส ๆ ไหลออกจากขอบตาที่ร้อนผ่าวของเธออย่างไม่อาจฝืน หัวใจที่เจ็บปวดเต้นถี่ระรัวจนปวดหน่วงไปทั่วกาย สองมือเล็กคว้าจับเสื้อของฟาเรนเอาไว้แน่น ขาทั้งสองข้างมันเริ่มสั่นเทา ความร้อนระอุค่อย ๆ แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะช่วงล่างของเธอ
"ไอ้โซลโดนยา !" เสียงของไทม์โซนวิ่งเข้ามาสมทบพร้อมกับตะโกนบอกกับฟาเรนด้วยอาการตื่นตระหนก
"หา ?" ทั้งสามคนหันไปทางไทม์และพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
"ตอนนี้ในงานมีผู้หญิงโดนยาปลุกเซ็กซ์ไปสามคนแล้ว"
"โคตรโชคดีที่พี่เฟรนด์เข้าไปช่วยไอ้โซลได้ทัน ตอนที่เราไม่อยู่อะ" ไทม์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
"ใครแม่งกล้าทำเพื่อนกูวะ" ฟาเรนหันไปถามไทม์อย่างโกรธจัด
"ตอนนี้มึงอย่าเพิ่งไปหาเรื่องใครเลย... ยานั่นจะออกฤทธิ์เต็มที่ภายในครึ่งชั่วโมง" ไทม์พูดขึ้นและชี้ตรงไปที่โซลเมทอีกครั้ง
"ปัญหาคือ... คืนนี้ใครจะเป็นคนดูแลโซลเมท" ไทม์พูดขึ้นเพราะทุกคนก็ดื่มเหล้าเข้าไปมากพอสมควรเลย ถึงจะพูดคุยกันรู้เรื่องดีแต่เอาง่าย ๆ เลยก็คือ ตอนนี้ไม่มีใครที่น่าไว้ใจจะปล่อยโซลเมทไว้ด้วยเลยสักคน
"กูร้อนอะ..ร้อนมาก" โซลเมทที่เงียบอยู่นานก็โวยวายขึ้นมา และพยายามจะปลดกระดุมเสื้อ
แจ็กเก็ตที่พี่เฟรนด์สวมให้เธอออก
"เฮ้ยอย่า ๆ ๆ !" ฟาเรนรีบตะครุบมือของโซลเมทเอาไว้ทันที
"มึงอยู่เฉย ๆ เลย" ฟาเรนขึ้นเสียงใส่เพื่อดึงสติของเพื่อนให้กลับมา
"อื้อ... เฮ่อ... กูกำลังรู้สึก... แปลก ๆ อะ" โซลเมทบีบต้นแขนของฟาเรนแน่น เธอไม่กล้าจะบอกกับเขาตรง ๆ ซึ่งเพื่อนทุกคนเงียบกริบกันหมด
คอนโดเฟรนด์ชิป
ร่างสูงยืนจิบเหล้าไปเรื่อย ๆ ดวงตาคมกริบทอดสายตาไปยังวิวใจกลางกรุงเทพมหานครฯ ในยามค่ำคืนจากคอนโดชั้นที่สูงที่สุด
แววตาคมกริบข่มตาลงขณะที่กำลังดื่มด่ำกับรสชาติเหล้านอกที่ขมบาดลำคอและร้อนไปทั่วกาย บรรยากาศภายในคอนโดสุดหรู เงียบสงัดจนได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองในทุก ๆ ย่างก้าว ทุกเสียงกระดกยกดื่มเหล้าเพียว ๆ ลงลำคอหนา แต่ทว่าความสงบก็อยู่กับเขาได้ไม่นานนัก
ปัง ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังสนั่น ร่างสูงหันไปมองที่ประตูอย่างใจเย็น เขายังคงดื่มต่ออย่างไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ
ปัง ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งแบบรัว ๆ
"ไอ้น้องเวรเอ๊ย !" เฟรนด์ชิปรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนเคาะ เพราะนิสัยแบบนี้มีแค่ฟาเรนคนเดียวเท่านั้น
ร่างสูงเดินตรงไปกระชากประตูเปิดออกด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไร
"คอนโดพี่ใกล้สุด..เลยต้องพามันมาก่อน" ฟาเรนประคองโซลเมทที่ทรงตัวไม่อยู่ มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเสื้อยืดของฟาเรนเอาไว้แน่น ริมฝีปากก็ถูกผ้ามัดไว้เช่นกัน
"ไอ้โซลมันโดนยาอะ... ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี" ฟาเรนหันไปบอกกับเฟรนด์ชิป ทั้งใบหน้า ลำคอ รวมไปถึงท่อนแขนของเขาเต็มไปด้วยรอยเล็บข่วนจนเลือดซิบออกมาจนเห็นได้ชัด
"...." เฟรนด์ชิปมองทางโซลเมทด้วยสายตาที่เย็นชากว่าที่เคยเป็น
"ไหน ๆ พี่เฟรนด์ก็ตายด้านอยู่แล้ว คงพอจะอยู่กับมันสองต่อสองได้" ฟาเรนรู้ดีว่าเขากำลังเสียฟอร์มอย่างมาก ที่สุดท้ายก็ต้องมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายตัวเองอยู่ดี
แต่เพราะตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ เขารีบอุ้มโซลเมทเดินเข้าไปในห้องของเฟรนด์ชิปอย่างถือวิสาสะ ฟาเรนวางเพื่อนของเขาลงบนโซฟาและรีบหันหลังกลับทันที
ร่างสูงยืนกอดอกมองการกระทำของน้องชายตัวเองโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ
"ไปก่อนนะ จะไปเย็บแผลอะ" ฟาเรนบอกกับพี่ชายก่อนจะเดินสวนทางออกไปจากห้อง
"แล้วรอยโดนต่อย คิ้วแตกมาขนาดนี้ ..กลับบ้านไปมึงจะตอบแม่ว่าไง" เฟรนด์ชิปอดไม่ได้ที่จะว่ากล่าวตักเตือนน้องชายหัวรั้นของเขาไปตรง ๆ
"ก็คงไม่กลับบ้านสักสามสี่วันอะ รอให้แผลหายก่อน" ฟาเรนเอ่ยตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา เพราะวันนี้เขาก็สร้างเรื่องไว้เยอะพอสมควรเลยจริง ๆ
"ไม่สร้างปัญหาสักวัน มันยากมากรึไง" เฟรนด์ชิปบ่นตามหลังน้องชายไปอย่างสุดจะทน
"ยาก..." ฟาเรนตอบกลับพี่ชายอย่างกวน ๆ
"ผมไม่ได้ดีเลิศ ประเสริฐแบบพี่นิ" ฟาเรนพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น และปิดประตูใส่หน้าพี่ชายสุดเย็นชาของเขาทันที