พนักงานใหม่...ที่รู้จักดี(2)
พนักงานใหม่...ที่รู้จักดี(2)
กันตาสอนงานวินเซ่ทุกอย่างด้วยความจำใจและเก็บอาการไว้ไม่แสดงออกมาว่าเธออิจฉา เพราะไม่อยากให้เขาต่อว่าเธอได้ ว่าเธอสอนงานไม่ดี
“เดี๋ยวน้องวินเซ่โทรไปนัดลูกค้าวันนี้และนัดสถานที่นะ คุณแบล็คจะได้ไปคุยงานกัน แต่น้องวินเซ่ต้องล่วงหน้าไปดูแลความสะดวกของลูกค้าก่อน แล้วคุณแบล็คจะตามไปทีหลัง” กันตาสั่งงานวินเซ่มอบหมายให้ลองทำหน้าที่เลขา
“ค่ะ” วินเซ่รับคำแล้วรีบไปจัดการโทรนัดลูกค้า เมื่อเสร็จแล้วเธอจึงออกจากบริษัทมุ่งหน้าไปตามที่นัดหมายทันที
กันตาเห็นวินเซ่ออกไปแล้ว เธอจึงถือเอกสารเข้าไปเตือนเจ้านาย
“คุณแบล็คคะ ได้เวลาประชุมแล้วค่ะ” กันตาไม่ได้ไปแจ้งเตือนเจ้านายให้ตามไปคุยงานกับวินเซ่ แต่กลับแจ้งเตือนการประชุม จริงๆ แล้วแบล็คมีประชุมไม่ได้มีนัดคุยลูกค้า แต่กันตาหลอกให้วินเซ่ไปคุยกับลูกค้าให้เสียงาน เสียลูกค้าแทน
แบล็คเดินนำไปประชุมตามกำหนด โดยมีกันตาเดินถือเอกสารตามหลังไปติดๆ
ในขณะที่กำลังประชุมอยู่นั้น ไม้โทลูกน้องคนสนิทของเขาเปิดประตูห้องประชุมเข้ามาแล้วค้อมตัวก้มหัวขออนุญาตเขาเล็กน้อย เขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ไม้โทจึงเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู เมื่อได้ฟังสิ่งที่ไม้โทบอก เขาก็ตวัดสายตาคมเข้มไปยังกันตาเลขาของเขาทันที ทำให้กันตารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาคมนั้น
“วันนี้พอแค่นี้” แบล็คพูดจบแล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที สร้างความงุนงง และตกตะลึงให้กับคนในห้องประชุมเป็นอย่างมากที่อยู่ๆ เขาก็ยกเลิกประชุมกลางครัน
สาเหตุที่เขาต้องยกเลิกประชุมกระทันหันนั้น ก็เพราะว่าไม้โทมาบอกว่า ‘นาที’ ลูกน้องของเขาอีกคนที่เขาให้ไปคอยดูแลวินเซ่โดยไม่ให้เธอรู้ เพราะเขาเป็นห่วงเธอลูกสาวหลานสาวของเหล่ามาเฟียที่ย่อมต้องมีศัตรูเยอะ แต่เธอกลับไม่มีบอดี้การ์ดเลยสักคน นาทีบอกว่าวินเซ่ขับรถออกจากบริษัทไปคุยกับลูกค้าข้างนอกซึ่งไม้โทบอกเขาว่า กันตาเป็นคนสั่งให้เธอออกไปก่อนที่เจ้านายของเขาจะเข้าประชุม
“ไปร้านไดม่อนฟู๊ด” เขาสั่งเมื่อก้าวขึ้นรถมานั่งอยู่เบาะหลังคนขับ
“นายรู้ได้ยังไงครับว่าคุณวินเซ่อยู่ที่ไหน” ไม้โทถามอย่างสงสัย ในขณะที่ออกรถไปด้วยความเร็วเท่าใจของผู้เป็นนาย
“กูสั่งก็ไป ไม่ต้องถามมาก” เขาบอกเสียงเข้มด้วยอารมณ์หงุดหงิด นึกไปถึงคนตัวเล็กมาทำงานวันแรกก็โดนรับน้องใหม่เสียแล้วหรือนี่
ทางด้านของวินเซ่
“คุณบัญพจน์ รอสักครู่นะคะ อีกสักพักคุณแบล็คก็น่าจะมาแล้วค่ะ” เธอบอกเขาทั้งๆ ที่ไม่มีช่องทางติดต่อกับเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาจะมากี่โมง หรือจะมาไหม
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ ที่นี่บรรยากาศดีนะครับ มีอาหารอร่อย แถมมีดนตรีสดให้ฟังสบายด้วยๆ คุณวินเซ่เป็นเลขาของคุณแบล็คเหรอครับ รู้จักที่นี่ได้อย่างไร ผมชอบมาก ” บัญพจน์ชวนวินเซ่สนทนาเพื่อลดความอึดอัดและกังวลมากไปของเธอ
“อ่อ ใช่ค่ะ ฉันเป็นเลขาของคุณแบล็ค ฉันชอบที่นี่ค่ะ มาทานบ่อย เขามีให้ขึ้นไปร้องเพลงได้นะคะ คุณบัญพจน์ลองร้องสักเพลงไหมคะ ระหว่างรอ” วินเซ่ยิ้มๆ ชวนและพยายามเอ็นเตอร์เทรน หาอะไรให้ลูกค้าทำจะได้ไม่เบื่อระหว่างรอ
“จะดีเหรอครับเนี่ย”
“ดีค่ะ ฉันอยากฟังเพลงที่คุณบัญพจน์ร้อง โชว์สักเพลงนะคะ” พูดจบเธอก็ยืนขึ้นผายมือให้เกียรติ์ลูกค้าขึ้นไปร้องเพลง ก่อนที่จะได้ขึ้นเวที วินเซ่ก็ทำหน้าที่ไปขออนุญาตขอใช้เวทีสักหน่อย
บัญพจน์ขึ้นไปร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ โดยมีวินเซ่นั่งปรบมือเบาๆ อยู่ที่โต๊ะ กำลังฟังเพลงเพลิน ก็มีมือหนามาสัมผัสที่ไหล่ ทำให้เธอหันควับไปมองเจ้าของมือได้ทันที
“คุณแบล็ค...” วินเซ่พึมพำเรียกชื่อคนมาใหม่
“ไหนลูกค้า” เขาถามเพราะคิดว่าเขาอาจจะมาไม่ทัน ลูกค้าอาจจะไม่รอและเดินทางกลับไปแล้ว
วินเซ่ไม่ได้ตอบคำถามอะไรเขา แต่ทำหน้าพยักเพยิดไปบนเวที สายตาคมเข้มมองตามไปยังจุดหมาย
“โน่นค่ะ อยู่บนเวที” วินเซ่บุ้ยหน้าไปบนเวทีให้ชายหนุ่มมองตาม ภาพที่เห็นคือ ลูกค้าขึ้นไปร้องเพลงคาราโอเกะบนเวที แบล็คได้แต่ส่ายหน้าปวดหัวกับสิ่งที่วินเซ่ทำ นี่เธอจะทำให้เสียลูกค้าหรือจะได้ใจลูกค้ากันแน่นะ
“ก็คุณมาช้านี่คะ รอนานๆ กลัวลูกค้าจะเบื่อ เลยหาอะไรให้ทำ ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะคะ”
“มีประชุม วันนี้ไม่มีคุยงานกับลูกค้า” แบล็คเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตานิ่ง เขาขยับเก้าอี้นั่งลงข้างๆ เอาแขนพาดไปกับพนักพิงของเก้าอี้เธอด้วยท่าทางสบายใจ
“อ้าว พี่ตาบอกให้วินซ์ เอ้ย หนูนัดลูกค้าให้คุณนี่คะ ไม่เห็นบอกว่าคุณมีประชุม แล้วคุณประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ?” ร่างบางหันขวับไปมองหน้าคนนั่งข้างๆ
“ยัง หนีมา” เขาตอบหน้าตายเหมือนไม่ยี่หระกับการหนีประชุม เหมือนว่าการประชุมไม่สำคัญเท่าคุยงานลูกค้า
“อ้าววว”
“หลายอ้าวแล้ววันนี้” เขาอมยิ้มเล็กน้อย แอบแซวคนตัวเล็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าตัวเองโดนแกล้ง ได้แต่ร้องอ้าวๆ แปลกใจในความจริงที่เขาบอก
“ก็หนูแปลกใจนี่คะ ไม่เห็นเหมือนที่พี่ตาสอนสักอย่าง”
“แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นของเธอสิ”
“ชื่อหนู?” วินเซ่ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง แบล็คพยักหน้ารับเป็นคำตอบ
“ดูน่ารักกว่าแทนตัวเองว่า หนู อีก” คำพูดของเขา คนพูดคิดอะไร แต่คนฟังคิดไกลไปนอกอวกาศแล้วนะ ทำเอาหน้าตาหญิงสาวเป็นสีแดงระเรื่อลามไปยันหู
“เอิ่มมม หนู เอ่อ วะ...วินซ์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนิดหนึ่งนะคะ ก่อนลูกค้าจะลงมา คุณคุยงานไปก่อนเลยนะคะ” เธอพูดจบไม่รอคำอนุญาต รีบลุกออกไปเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแดงๆ ของเธอ
“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ เอ็นดูกับท่าทางของคนตัวเล็ก
“น่ารักใช่ไหมครับนาย” เมื่อคนตัวเล็กลุกไปแล้ว ไม้โทที่ยืนเฝ้ารักษาความปลอดภัยของเจ้านายเอ่ยถามแบบแอบแซวนิดๆ เมื่อเห็นนายของตัวเองหัวเราะอมยิ้มแบบที่น้อยนักที่เขาจะได้เห็นแบบนี้
“ยุ่ง!!” เขาตวัดสายตาเข้มไปยังลูกน้อง
“อ้าวววว” ไม้โทอุทานแค่นั้น แล้วอมยิ้มหันไปทางอื่นก่อนจะกลับไปยืนท่าเดิม
“เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย”
“ลูกค้ามาโน่นแล้วครับ” ไม้โทบอกเจ้านายตัวเอง ‘รอดแล้วกู’ เขาคิดในใจ แอบโล่งใจ ลูกค้ามาช่วยไว้ทันพอดี
“สวัสดีครับคุณแบล็ค”
“สวัสดีครับคุณบัญพจน์ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พอดีผมติดประชุม” แบล็คทักทายลูกค้าก่อนยืนขึ้น ยื่นมือไปจับเพื่อเป็นการทักทาย
“คุณแบล็คเลยส่งเลขามาก่อนใช่ไหมครับ คุณวินเซ่น่ารักมากครับ บริการ ดูแลผมดีเลย” บัญพจน์เอ่ยชื่นชมวินเซ่ ถ้าหากเขาตกลงทำธุรกิจร่วมกับบริษัทของแบล็ค อยากให้แบล็คยกความดีความชอบนี้ให้กับวินเซ่
“วินเซ่ไม่ใช่เลขาของผมครับ” แบล็คบอกปฏิเสธกับลูกค้า ทำให้บัญพจน์ถึงกับทำหน้าฉงนแปลกใจ
“ถ้าไม่ใช่เลขา แล้วคือใครล่ะครับ”
“วินเซ่คือคู่หมั้นของผมครับ” แบล็คเกอร์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หน้าตาจริงจัง
“โอ้ ยินดีด้วยนะครับคุณแบล็ค มีข่าวดีวันไหนอย่าลืมเชิญผมด้วยนะ ผมตกลงร่วมโปรเจ็คนี้กับคุณนะครับ”
“เชิญแน่นอนครับ ขอบคุณครับ” แบล็คเกอร์ยืนขึ้นยืนมือไปจับเพื่อแสดงความขอบคุณ
การคุยงานวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แบล็คเกอร์และบัญพจน์ได้ร่วมกันทำโปรเจ็คใหญ่ ผลพลอยได้มาจากการดูแลลูกค้าของวินเซ่ในวันนี้...