บทที่ 6 ไม่มีใครยอมรับ
“ผมกับเดียร์น่าไม่เห็นด้วยที่พ่อจะเอาเด็กคนนั้นเข้าบ้าน เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากไหนก็ไม่รู้ ทำอะไรก็น่าจะนึกถึงจิตใจของผมกับน้องบ้าง”
ในตอนนั้นดานิเอลวัย 16 ปีเพิ่งเข้าเรียนมัธยมปลาย ไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่บิดาจะพาใครก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งเขาและน้องสาวกลัวว่าเด็กคนนั้นจะมาแย่งความรักจากพ่อและแม่ไปเลยคัดค้านจนสุดเสียง
แต่เอดิสันก็ไม่ยอมฟังเสียงของลูกๆเพราะเขาตกลงกับกรองแก้วไว้แล้วว่าจะรับเลี้ยงพราวตะวัน
“เดียร์น่าก็ไม่เห็นด้วยค่ะ ถ้าคุณพ่อจะเอาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน หนูกับพี่แดนจะย้ายไปอยู่ที่อื่น!”
“ฟังพ่อก่อนสิเดียร์น่า”
“ไม่ฟัง! ยังไงหนูก็ไม่ยอมเด็ดขาด ไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดของคุณพ่อสักคน”
“แต่พ่อรับเขามาเลี้ยงแล้วนะลูก”
“รับมาเลี้ยงได้ ก็เอากลับไปส่งได้นี่คะ หรือคุณพ่อเห็นลูกคนอื่นสำคัญกว่าลูกแท้ๆของตัวเอง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ลูกไม่มีวันเข้าใจพ่อหรอก”
“พ่อบอกว่าอยากให้คนอื่นเข้าใจ แต่พ่อนั่นแหละที่ไม่เคยเข้าใจหนูเลย ฮึก!” เดียร์น่าตะคอกกลับด้วยความน้อยอกน้อยใจ ดวงตาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ หล่อนไม่มีทางยอมรับเด็กคนนี้หรอก ใครก็ตามที่เข้ามาแย่งความรักของพ่อกับแม่ไป หล่อนจะไม่มีวันญาติดีกับมัน
“เดียร์น่า พ่อขอล่ะ....อย่าทำให้พ่อหนักใจเลย”
“ก็ได้! ถ้าพ่อคิดจะเอาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน อย่าหวังว่าหนูจะยอมรับมัน”
“เลิกเอาแต่ใจได้แล้ว”
“คุณพ่อนั่นแหละที่เอาแต่ใจ!”
“พอทีเดียร์น่า!” ในที่สุดดานิเอลก็ทนไม่ไหวที่ต้องมาเห็นบิดากับน้องสาวยืนทะเลาะกัน เขาจะลองคุยกับท่านเอง เดียร์น่ายังเด็กยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ เผื่อพ่อจะยอมรับฟังเขา “เดียร์น่ากลับเข้าห้องเถอะ เดี๋ยวพี่จะคุยกับพ่อให้เอง”
ดานิเอลถอนหายใจพรืดใหญ่ด้วยความหนักใจ บิดาของเขาก็เป็นแบบนี้แหละ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของใครแม้กระทั่งภรรยา
“คุณพ่อก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่าเดียร์น่าไม่ยอม แต่พ่อก็ยังดื้อดึงจะพาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน”
“พ่อรู้ว่าเดียร์น่าเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เรื่องนี้พ่อตัดสินใจดีแล้ว พราวตะวันจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านและใช้นามสกุลคลินตัน”
“ว่าไงนะ! นี่พ่อบ้าไปแล้วหรอ นามสกุลเราจะไปให้คนอื่นใช้มั่วๆได้ยังไง ผมไม่ยอมเด็ดขาด!!”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะพ่อให้เลขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้ว”
“พ่อครับ!” ดานิเอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน ตอนนี้ยอมรับว่าโกรธมาก แค่พาเด็กคนนั้นเข้ามาเขากับเดียร์น่าก็แทบรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่นี่ถึงขั้นจะให้ใช้นามสกุลด้วย ท่านบ้าไปแล้วหรือไง! “ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าพ่อคิดอะไรอยู่ แค่พาเด็กนั่นเข้ามาผมก็แทบจะอาเจียนอยู่แล้ว เด็กบ้านนอกแบบนั้น ไม่ควรเข้ามาเหยียบบ้านเราด้วยซ้ำ!"
“พ่อว่าลูกโตพอที่จะคิดอะไรได้แล้วนะ หนูพราวจะเข้ามาอยู่ในฐานะบุตรบุญธรรมของพ่อไง”
“บุตรบุญธรรมที่แม้แต่ลูกแท้ๆก็ยังไม่ยอมรับ พ่อเคยนึกถึงความรู้สึกของผมกับน้องบ้างไหม”
“ลูกไม่ใช่หนูพราว ลูกไม่มีวันเข้าใจหรอก”
“ครับ ผมไม่ใช่เด็กคนนั้น ผมไม่ใช่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า เป็นแค่เด็กบ้านนอกแต่อยากมาใช้นามสกุลคลินตัน พ่อไม่อายหรอ”
“ทำความดีไม่จำเป็นต้องอาย ตอนนี้ลูกอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่โตขึ้นลูกจะเข้าใจว่าพ่อทำไปทำไม”
“ผมไม่มีวันเข้าใจความคิดบ้าๆของพ่อหรอก คอยดูนะ ถ้าเด็กคนนี้เข้ามาสร้างปัญหา ผมจะเป็นคนพาเธอกลับไปส่งบ้านเด็กกำพร้าเอง ในเมื่อพ่อไม่ยอมฟังเสียงข้างมาก ก็อย่าคิดว่าเด็กคนนั้นจะอยู่อย่างมีความสุข!”
“แดน...” เอดิสันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความลำบากใจ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่าลูกทั้งสองคิดอะไรอยู่ ตอนนี้อาจจะไม่มีใครเห็นด้วย แต่เขาเชื่อว่าในอนาคตทุกคนจะยอมรับในตัวของพราวตะวัน เพราะเขาเชื่อว่าเธอเป็นคนดี “พ่อรู้ว่าลูกกับเดียร์น่ากำลังน้อยใจ แต่ครั้งนี้ถือว่าพ่อขอนะ พ่อคิดว่าหนูพราวเป็นเด็กดี ในอนาคตแกจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวของเราอย่างแน่นอน”
“พ่อมั่นใจได้แค่ไหน ลูกเสือลูกตะเข้ จะแว้งมากัดตอนไหนก็ไม่รู้”
“พ่อเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง”
“งั้นผมจะรอดู รอดูวันที่เด็กคนนั้นเข้ามาทำลายครอบครัวของเรา แล้ววันนั้นพ่อจะรู้สึก!!”
เอดิสันค่อยๆหลับตาลง กล้ามเนื้อบนใบหน้าออกอาการเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ความคิดมากมายกำลังวนเวียนอยู่ในหัว บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้จริงๆ เขาก็เชื่อว่าพราวตะวันเป็นเด็กดี เขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง แววตาของเด็กคนนี้สะท้อนเรื่องราวบางอย่างในตัวของเขา
“ไปกันเถอะหนูพราว”
เอดิสันเดินเข้าไปหาพราวตะวันที่นั่งรอด้วยความไร้เดียงสาอยู่บนโซฟา เขาจะเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้เอง แม้ใครจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
“แล้วพี่ชายกับพี่สาวคนนั้นล่ะคะ” เด็กน้อยเอ่ยถาม ดวงตาใสแจ๋วนั้นมองหาแต่ดานิเอลกับเดียร์น่า
“ไปเรียนแล้วล่ะ”
“แล้วหนูจะได้เจอพี่ชายกับพี่สาวอีกไหมคะ”
“ต้องได้เจอสิ เพราะเขาคือพี่ชายกับพี่สาวของหนูนะ”
เอดิสันลูบศีรษะเล็กของเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู เธอยังเด็กมาก ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะเธอจะได้ไม่ต้องมารับรู้ปัญหาภายใน
ตอนนี้อารมณ์ของคนในบ้านยังร้อนอยู่ แต่เขาเชื่อว่าสักพักทุกคนจะยอมรับในตัวของพราวตะวันมากขึ้น
...เขาเชื่ออย่างนั้น
“หนูดีใจที่สุดเลย หนูจะมีพี่สาวกับพี่ชายแล้ว”
--------------