บทที่ 2 ตัวปัญหา
“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังล่ะแดน มีเคสด่วนหรอ”
เสียงของ‘เอดิสัน คลินตัน’ประมุขของบ้านเอ่ยถามทันทีที่เห็นลูกชายเดินมาที่ห้องทานอาหาร ซึ่งเอดิสันชอบมานั่งจิบกาแฟตอนเช้า รอทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว
“ครับ ช่วงนี้มีเคสหนักติดต่อกันหลายวันเลย” ดานิเอลเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง ตอนนี้มีแค่เขากับบิดาแค่สองคน ส่วนมารดาและน้องสาวคาดว่าน่าจะกำลังอาบน้ำแต่งตัว
“ถ้ามันหนักมากก็ลาออกแล้วมาช่วยพ่อบริหารงานที่บ้านเถอะ พ่อกลัวว่าลูกจะเหนื่อย”
“ถ้าลาออกมีหวังไอ้หมอพีทเอาผมตายแน่ๆ แค่นี้คนไข้ก็แทบล้นโรงพยาบาลแล้ว”
“ก็ลูกทำหลายอย่างพร้อมกัน พ่อกลัวว่าจะไม่ไหว งานในโรงพยาบาลก็ว่าหนักแล้ว ยังต้องมาบริหารงานช่วยพ่ออีก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังหนุ่มยังแน่น แค่นี้สบายมาก”
‘หมอแดน’ หรือ นายแพทย์ดานิเอล คลินตัน วัย 30 ปี แพทย์ออร์โธปิดิกส์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกและข้อ พ่วงด้วยตำแหน่งรองประธานบริษัทคลินตันกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและนอกประเทศ เพราะต้องช่วยกิจการของครอบครัวด้วย ช่วยหนุ่มจึงเลือกรับแค่เคสหนักๆในโรงพยาบาล แม้ว่าอายุของเขายังน้อย แต่ประสบการณ์ด้านการผ่าตัดถือว่าเป็นนายแพทย์ที่มีฝีมือเลยทีเดียว เพราะเขา สำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทาลัยชั้นนำด้านการแพทย์ที่ประเทศเยอรมัน
เขาเป็นผู้ชายที่มีส่วนสูงถึง 189 เซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่งบวกกับเครื่องหน้าที่ชัดเจนอย่างกรอบหน้าได้มุมและคิ้วหนาเหนือดวงตาเรียวยาวคมกริบ มีจมูกโด่งปลายรูปหยดน้ำรับกับริมฝีปากหยักได้รูป ช่างดูน่าเกรงขามสะกดสายตาให้ทุกคนหยุดมอง ด้วยความที่เขาเป็นลูกครึ่ง ไทย-จีน-อังกฤษ ทำให้องค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้าผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มารดาของเขาเป็นลูกครึ่งไทย-จีน ส่วนบิดานั้นเป็นหนุ่มผู้ดีเมืองอังกฤษ
ด้วยความเพียบพร้อมทั้งหน้าตา การศึกษา รวมไปถึงฐานะ ทำให้เขากลายเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในและนอกโรงพยาบาล แต่ก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครองหัวใจดวงนี้นั่นก็คือ...ม่านมัสลิน แฟนสาวที่คบกันมานานหลายปีและมีแพลนว่าจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้
“สองพ่อลูกคู่นี้ทานข้าวไม่รอเดียร์น่าอีกแล้วนะคะ” เสียงของ‘เดียร์น่า’น้องสาวร่วมสายเลือดซึ่งมาอายุน้อยกว่า 5 ปีดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ หลังจากนั้น‘จารุภา’ภรรยาของเอดิสันก็ตามมาทีหลัง
กระทั่งตอนนี้ทั้งหมดนั่งร่วมโต๊ะรอรับประทานอาหารเช้าอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เอดิสันรู้สึกเหมือนว่าสมาชิกในบ้านยังไม่ครบ
“อ่าว แล้วหนูพราวล่ะ ไม่มาทานข้าวด้วยหรอ”
“โอ้ย! เมื่อไหร่พ่อจะเลิกพูดถึงแม่นั่นสักที รู้ไหมว่าหนูได้ยินพ่อเรียกชื่อมันทุกเช้าเลย อย่างกะมันสำคัญนัก” ชื่อของพราวตะวันที่หลุดออกจากปากบิดาดันไปขัดใจลูกสาวเข้า
“ไม่เอาน่าลูก ยังไงพราวตะวันก็คือสมาชิกในบ้านนะ ถ้าไม่ปรองดองกัน แล้วบ้านเราจะมีความสุขได้ยังไง”
“ก็แค่ใช้นามสกุลคลินตันด้วยกัน แต่มันไม่ได้คลานตามเดียร์น่ามาเกิดนี่คะ ทำไมพ่อต้องให้ความสำคัญกับมันขนาดนั้นด้วย ทั้งๆที่ลูกพ่อนั่งอยู่ตรงนี้”
“เพราะเขาไม่เหมือนเราไงลูก ลูกเกิดมาบนความเพียบพร้อม ลูกคงไม่เข้าใจ”
“เชิญคุณพ่อเข้าใจคนเดียวเถอะ ปกป้องกันซะขนาดนี้ หวังว่าพ่อคงไม่คิดอะไรเกินเลยกับมันนะ” หล่อนสะบัดหน้าหนีเหมือนโกรธที่บิดาสนใจคนอื่นมากกว่าลูกในไส้
ทางด้านจารุภาเอาแต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ ตั้งแต่มีพราวตะวันเข้ามา ที่บ้านก็ดูเหมือนไม่มีความสุขอีกเลยโดยเฉพาะเดียร์น่า หล่อนเองก็เคยปรึกษาเรื่องนี้กับสามีหลายต่อหลายครั้ง แต่เอดิสันก็ยังอยากให้พราวตะวันอยู่ที่นี่ต่อ
บรรยากาศบนโต๊ะเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ ดานิเอลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเดียร์น่าถอนหายใจพรืดใหญ่ เขาเห็นภาพที่น้องสาวกับบิดาทะเลาะกันบนโต๊ะอาหารจนชิน จากเมื่อก่อนที่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ จนตอนนี้กลายเป็นปัญหาภายในบ้านไปแล้ว
เพราะพราวตะวันคนเดียวที่ทำให้ครอบครัวของเขาไม่มีความสุข!
และแล้วตัวปัญหาก็โผล่หน้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือที่พร้อมเสิร์ฟทุกคนบนโต๊ะ พราวตะวันพยายามไม่มองหน้าดานิเอลเพราะกลัวคนในบ้านรู้ถึงความสัมพันธ์
“มานั่งทานข้าวด้วยกันสิหนูพราว” เอดิสันชักชวน
“เอ่อ...ไม่ล่ะค่ะคุณเอดิสัน พราวทานอิ่มแล้วค่ะ”
“ฉันเคยบอกหนูพราวไปแล้วไม่ใช่หรอ ว่าให้รอทานข้าวด้วยกัน ถ้าจำไม่ผิด หนูพราวไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะนานแล้วนะ”
“อะ...เอ่อ...” พราวตะวันพูดไม่ออก ปรายตามองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขานิ่งมาก นิ่งจนดูน่ากลัว ลึกๆแล้วเขาคงไม่อยากให้เธอนั่งร่วมโต๊ะด้วย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเอดิสัน พราวเป็นคนทานข้าวเช้ามาก เผื่อคุณ...เอ่อ...คุณดานิเอลกับคุณเดียร์น่ายังไม่หิว”
“ถ้างั้นเราจะทานข้าวเช้าเร็วขึ้น เพื่อให้หนูพราวได้นั่งร่วมโต๊ะด้วย”
เคร้งง!!
“คุณพ่อ!!” ในที่สุดเดียร์น่าก็หมดความอดทน กระแทกช้อนลงบนจาน ก่อนจะหันไปทางบิดาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมต้องให้เดียร์น่าตื่นเช้าเพื่อลงมาทานข้าวกับมันด้วย นี่คุณพ่อชักจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ”
“พ่อแค่อยากให้หนูพราวมานั่งทานข้าวพร้อมเรา ก็เท่านั้นเอง”
“แต่หนูไม่! หนูจะไม่ยอมทานข้าวพร้อมมันเด็ดขาด แค่เห็นหน้ามันหนูก็แทบจะอ้วกแล้ว ถ้าคุณพ่อยังทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ หนูจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว!!” พูดจบหล่อนก็ลุกขึ้นแล้วเดินหนีทันที ทำให้ดานิเอลถึงกับหมดอารมณ์ทานข้าวไปเลย
“คุณพ่อครับ เราเคยคุยกันเรื่องนี้ไม่ใช่แล้วหรอ ถ้าแม่นั่นทานข้าวเช้ามากก็ให้ไปทานคนเดียวสิครับ”
“แต่พราวก็คือสมาชิกในบ้านนะลูก เราควรจะเห็นใจกันนะ น้องหนีร้อนมาพึ่งเย็น”
“น้องของผมมีแค่เดียร์น่าคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่น...” ดวงตาดุจัดตวัดมองตัวเจ้าปัญหา หล่อนก้มหน้างุดเหมือนคนมีความผิด “เป็นได้แค่กาฝากเท่านั้นแหละ”
“นี่แดนไปมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“ผมขอตัวนะครับ วันนี้คงทานข้าวไม่ลงแล้ว เหม็นขี้หน้าใครบางคน”
พูดจบเขาก็ลุกจากเก้าอี้ทันที แต่ก็ไม่วายตวัดสายตาดุจัดมองพราวตะวันอย่างไม่พอใจ ก่อนที่คำพูดทิ่มแทงใจจะดังขึ้น
“อย่าให้รู้นะว่าเธอกับของพ่อฉันแอบทำอะไรลับหลังกัน ไม่งั้นเธอได้ตายคามือฉันแน่พราวตะวัน!”
ดวงหน้างามนั้นสลดลงทันใดหลังโต๊ะทานข้าวเหลือแค่คุณจารุภาและคุณเอดิสันสองคน
“ฉันคงต้องคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะค่ะ คุณเอดิสัน”