บทที่ 1 คนไร้ค่า
‘พี่เอกอย่าเอาเงินฉันไป สงสารฉันกับลูกเถอะนะ แค่นี้เราสองคนก็แทบจะไม่มีกินอยู่แล้ว’
‘อย่าพูดมากอีเดือน รู้ไหมตอนนี้กูกำลังจะลงแดงเพราะไม่ได้แดกเหล้า ถ้ามึงไม่เอาเงินมาให้กู วันนี้กูฆ่าลูกมึงแน่!!’
‘ไม่นะพี่เอก ถือว่าฉันขอร้องล่ะ ยังไงยัยพราวก็คือหลานของพี่นะ ฮื้อๆๆ’
‘เป็นแค่หลานแต่ไม่ใช่ลูกกูโว้ย! มึงอย่าพูดมาก เอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้อีเดือน!!’
‘ไม่!! ฉันรู้ว่าพี่จะเอาเงินไปซื้อยามาเสพ ฉันไม่ให้พี่หรอก’
‘ไม่ให้ใช่ไหม...ได้!!’
‘กรี๊ดดด!!! พี่เอกจะทำอะไร อย่าเอาลูกของฉันไปนะ!!’
‘ก็ถ้ามึงไม่ให้เงินกู กูก็จะเอาลูกมึงไปขายไง!!”
…
‘ฉันฝากลูกหน่อยนะครูกรองแก้ว เด็กคนนี้ชื่อว่า'พราวตะวัน'เป็นลูกของแม่เดือน ฉันคงไม่สามารถเลี้ยงเด็กคนนี้ได้อีกแล้ว ฮื้อๆๆ’
‘ฉันป่วยเป็นโรคเรื้อรัง และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่ ถ้าพราวยังอยู่กับพี่เอก ลูกของฉันต้องแย่แน่ๆ’
‘ฝากเลี้ยงลูกแทนฉันด้วยนะ เพราะฉันคงไม่มีโอกาสได้ดูเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แม่ขอโทษนะลูก....ฮึก....หลังจากนี้ขอให้ลูกโชคดีนะ แม่รักหนูที่สุดเลย"
พรึ้บบ!!
“แม่!!!”
ร่างเล็กที่กำลังนอนหลับใหลสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย พอโตขึ้นเธอมักจะฝันถึงเรื่องนี้เป็นประจำ อาจเป็นเพราะมันคือความทรงจำครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับมารดาที่ยังพอจำได้ ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ยังจำอะไรไม่ค่อยได้ รู้แค่ว่ามารดานำเธอมาฝากมาไว้กับ ‘ครูกรองแก้ว’ ที่บ้านเด็กกำพร้า แล้วหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยเจอแม่แท้ๆอีกเลย
แต่เสียงร้องของเธอดันไปปลุกปีศาจที่กำลังนอนหลับใหลเข้า เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงอันน่ารำคาญดังขึ้นในยามวิกาล ใบหน้าหล่อสลักตวัดมองอย่างเอาเรื่อง เห็นร่างเล็กกำลังลุกขึ้นนั่งในสภาพหอบเหนื่อย
“ทำบ้าอะไรของเธอพราวตะวัน!!”
“พะ...พราวขอโทษนะคะที่ทำให้คุณตื่น พอดี...เอ่อ...พราวฝันร้ายค่ะ” หญิงสาวก้มหน้างุดเหมือนกำลังหนีความผิด เธอไม่ได้ตั้งใจปลุกให้เขาตื่นเพราะรู้ว่าช่วงนี้ชายหนุ่มค่อนข้างพักผ่อนน้อย เนื่องจากมีเคสหนักที่โรงพยาบาลแทบทุกวัน
“…” ร่างสูงสลัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่พอใจเมื่อโดนปลุก หางตาดุจัดตวัดมองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังห้อง บอกเวลาตีสี่นิดๆ เพียงเท่านั้นสันกรามหนาก็ขบแน่นทันที “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าอยู่ในห้องนี้จนถึงเช้า หรือเธออยากให้คนในบ้านรู้ว่าฉันลดตัวลงมาเอาเธอ!”
มือแข็งปานคีบเหล็กนั้นคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเรียวเล็ก แล้วกระชากร่างบางเข้าหาตัว เพียงเท่านั้นหยาดน้ำตาก็รื้อขึ้นเต็มดวงตากลมโตทันที แต่เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะปล่อย
“พราวขอโทษค่ะ พะ...พราวไม่ได้ตั้งใจ พราวแค่ฝันร้าย”
“จะฝันร้ายหรืออะไรมันก็เรื่องของเธอ แต่กฎของฉันก็คือ...อย่าอยู่ในห้องนี้จนถึงเช้า เพราะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าแล้วฉันจะซวยเอา เธออยากให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นเลยหรอว่าเราสองคนมีอะไรกัน"
“เปล่านะคะ เมื่อคืนพราวแค่เหนื่อย ก็คุณ...เอ่อ...ทำพราวจนเกือบถึงตีสาม พราวได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวเอง”
“จะนอนหรือไม่ได้นอนมันก็เรื่องของเธอ เพราะหน้าที่หลักของเธอมันก็คือเรื่องบนเตียงอยู่แล้วนี่ เวลาที่ฉันเครียดก็ต้องให้ฉันเอา และพึงสำนึกไว้ด้วยว่านามสกุลที่เธอใช้อยู่คือนามสกุลของใคร!”
“พราวรู้ค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างกล้ำกลืน ยอมรับในโชคชะตาของตัวเอง เธอมันก็เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ครอบครัวของเขารับอุปการะ ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น ไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง แม้กระทั่งเรื่องบนเตียง...เธอก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้
“ถ้ารู้แล้วก็ออกไปสิ หอบเอาร่างกายเน่าๆของเธอออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้”
“ค่ะ พะ...พราวขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้คุณตื่น”
เมื่อมือใหญ่คลายต้นแขนออก หญิงสาวก็รีบลนลานลงจากเตียงขนาดคิงไซส์ทันที เธอกระวีกระวาดหยิบเศษเสื้อผ้าที่ขาดกระจัดกระจายเนื่องจากฝีมือของชายหนุ่มขึ้นมาใส่ และใส่ให้รวดเร็วที่สุดเพราะกลัวคนในห้องจะรำคาญ
ก่อนออกไปก็ไม่ลืมชำเลืองมองซ้ายมองขวาด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวจะมีใครมาเห็นเข้า
ภายหลังที่หญิงสาวออกไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะล้มหัวลงนอนต่อ เพราะวันนี้มีเคสผ่าตัดใหญ่ การนอนให้เต็มอิ่มจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
หลังจากที่หญิงสาวพาร่างกายอันบอบช้ำมาถึงห้องนอนขนาดเล็กที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน เธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีพร้อมกับเสียงร้องไห้ระงมดังทั่วห้องแต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะมีเสียงของสายฝนดังกลบ
ร่างบอบนอนบางห่อตัวเข้าหากัน กอดตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะกอดได้ ท่ามกลางความอุ่นอบจากบ้านคลินตันแต่เธอรู้สึกกลับโดดเดี่ยวเหลือเกิน เด็กที่ถูกรับอุปการะจากบ้านเด็กกำพร้า เหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่เพียงความสุขชั่วคราว เพราะทันทีที่เธอก้าวเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้ ก็เห็นถึงสายตาแห่งความเกลียดชังจากลูกชายและลูกสาวของบ้าน พวกเขาดูถูก เหยียดหยามทั้งสายตาและคำพูด หาว่าเธอเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า ซ้ำร้าย...พอบรรลุนิติภาวะได้ไม่นาน เธอก็ตกเป็นของลูกชายเจ้าของบ้านอย่างสมบูรณ์
เด็กกำพร้าอย่างเธอก็แค่ต้องการชีวิตใหม่ มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีที่พักพิงที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ไม่ได้ขออะไรไปมากกว่านี้เลย
“ฮึก~ คุณใจร้าย คุณดานิเอลใจร้ายเหลือเกิน ฮื้อๆๆ”
เธอตกอยู่ในสภาพนี้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว ผู้ชายคนนั้นพรากความบริสุทธิ์ไป หนำซ้ำเขายังตีราคาให้เธอเป็นแค่เพียงที่ระบายความใคร่ ห้ามไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด
แต่สิ่งที่อยู่ในใจกลับเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนห้ามความรู้สึกไม่ได้
ใช่...เธอหลงรักลูกชายของเจ้าของบ้าน รักมานานแล้ว แต่ก็ทำได้แค่เก็บงำความรู้สึกนี้เอาไว้ เพราะคนต่ำต้อยอย่างเธอไม่มีสิทธิ์รักเขาเลยด้วยซ้ำ และความเจ็บปวด ความทรมานที่เจออยู่ถูกกดด้วยความว่า‘บุญคุณ’มาตลอด แม้เจ็บปวดเจียนตายก็ต้องยอม
“สักวันพราวจะเลิกรักคุณ ฮึก! สักวันพราวจะเลิกรักคุณให้ได้ ฮื้อ...”