บทที่ 3
“จ้องหน้านานขนาดนั้น คงไม่บังเอิญเจอกันที่ไหนมาก่อนใช่ไหม”
“คิดว่าถ้าบังเอิญเจอ เราจะเจอกันที่ไหนเหรอคะ” วีนัสถามกลับ น้ำเสียงทุ้มต่ำของหญิงสาวทำเอาวอร์ลังเลใจอยู่ไม่น้อยว่าจะตอบคำถามนั้นดีไหม “แต่เราคงไม่เคยเจอกันมาก่อนหรอก” เธอก้าวลงจากเก้าอี้ หมุนตัวเดินออกไปจากหน้าบาร์
“น่าสนใจ…” ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจคนหนึ่ง
ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่า ๆ วอร์ขับรถพาวีนัสกลับคอนโดมิเนียมตัวเอง
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ในรถถูกปกคลุมด้วยความเงียบมานานหลายนาทีจนบางทีเขาก็รู้สึกอึดอัด ปกติผู้หญิงที่ขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับจะพูดเจื้อยแจ้วขอโน่นขอนี่เขาไม่หยุดปาก แต่เธอคนนี้แตกต่าง เธอไม่แม้จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเขี่ยเล่น และไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับเขา ทว่าคำถามนั้นเรียกความสนใจจากวีนัสอยู่
“อยากให้พูดเรื่องอะไรคะ วีไม่ถนัดเท่าไหร่”
“ก็พูดเรื่องอะไรก็ได้ เช่นแนะนำตัว”
“เหมือนจะบอกไปแล้ว”
“หึ…ไม่ใช่แบบนั้น แบบ…บอกอายุ ทำงานอะไร บ้านอยู่ที่ไหนอะไรแบบเนี่ย”
“รู้แค่ชื่อก็พอแล้วมั้งคะ เพราะวีไม่สะดวกบอกรายละเอียดส่วนตัวกับคนแปลกหน้า”
“เหอะ! น่าขำจริง ๆ”
“…”
“เธอบอกฉันเป็นคนแปลกหน้า แต่ก็ยอมมากับคนแปลกหน้าแบบนี้เนี่ยนะ”
“กับบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอกค่ะ แต่บางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรับรู้…ก็ไม่ควรรับรู้”
“จะว่าฉันเสือก?”
“ก็แล้วแค่จะคิดค่ะ”
วอร์กระตุกยิ้มร้าย มองริมฝีปากอวบอิ่มของคนข้างกายอย่างสนใจ
“ปกติก็ไปกับผู้ชายง่ายแบบนี้เหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วทำไมถึงมากับฉันง่าย ๆ”
“เหมือนยังติดใจอยู่กับการที่วีมากับคุณง่าย ๆ โดยไม่มีข้อกังขานะคะ” คราวนี้วีนัสหันมามองเขาซึ่ง ๆ หน้า “มีคำตอบไหม” เธอรอเขาอธิบายแต่อีกฝ่ายก็แค่มองหน้าแล้วละสายตาไปมองถนน
รถยุโรปหรูเคลื่อนเข้ามาจอดในลานจอดรถชั้นG ของคอนโดมิเนียมหรู
“…” วีนัสยังไม่เปิดประตูลงจากรถเพราะเธอกำลังกวาดสายตามองข้างนอก
“นึกกลัวขึ้นมาหรือยังไง” คำถามกลั้วหัวเราะไม่ได้เรียกความสนใจจากหญิงสาวสักนิด พอเธอสำรวจเสร็จเรียบร้อยก็เปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเอง วอร์ทำได้เพียงแค่นหัวเราะอย่างนึกขำแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถเช่นกัน “ตามมา” เขาเชิดหน้าไปที่ประตูทางเชื่อมต่อที่เข้าไปในโถงใหญ่เพื่อจะขึ้นลิฟต์
วีนัสเดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่ายกระทั่งเธอก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์
“จะไม่พูดหรือถามอะไรหน่อยเหรอ”
“แล้วอยากให้ถามเรื่องไหนคะ”
“ช่างเถอะ”
“เคยพาผู้หญิงขึ้นห้องกี่คนแล้วคะ” ในเมื่อเขาคะยั้นคะยออยากให้ถามมากนัก วีนัสจึงถามออกไปตรงๆ และมองหน้าสบตากับเขาเพื่อรอฟังคำตอบ
“เธอนี่ก็กวนประสาทใช่ย่อยเหมือนกันนะ”
“คุณอยากให้ถามนี่คะ ไม่ได้ระบุหัวข้อไว้ด้วย” ใบหน้ารูปไข่ก้มลงเล็กน้อย แสดงความฉงนใจที่ถูกอีกฝ่ายว่าแบบนั้น
“โอเค ฉันจะไม่ถามเธอ”
“ค่ะ มันน่าจะเป็นเรื่องดีหากคุณไม่คะยั้นคะยอให้ฉันพูด” พอลิฟต์เปิด วีนัสก้าวออกมาและหยุดยืนรอวอร์ “เชิญค่ะ” เธอไม่ได้มองหน้าเขาแต่สายตากำลังจ้องไปที่ประตูห้องพัก เป็นการบอกว่าให้เขาเดินไปเปิดประตูได้แล้ว เพราะทั้งชั้นนี้มีเพียงห้องพักเขาห้องเดียวเท่านั้น
วอร์ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้ามาด้านใน ภายในห้องปกคลุมด้วยความมืดสนิท ครู่หนึ่งไฟก็สว่างจ้าด้วยเพราะวอร์ปรบมือสั่งการด้วยเสียง
เมี๊ยว~
เสียงอ่อย ๆ ของเจ้าแมวเหมียวเรียกความสนใจจากวีนัส เธอเดินตามเสียงนั้นไปจนเห็นว่ามีแมวนอนร้องเหมียว ๆ อยู่บนโซฟา
“หนูดี”
“หนูดี?”
“ชื่อแมว”
“ค่ะ” วีนัสจ้องเจ้าแมวตัวอ้วนที่นอนหงายท้องรอเธอเกาพุงให้ด้วยท่าทางออดอ้อน ทว่าในตอนที่ยื่นมือไปกลับถูกหนูดีข่วนจนได้แผลแต่ไม่ลึกมากนัก
“หนูดี!” วอร์รีบวางแก้วไวน์แล้วเดินมาหาวีนัส เขาจับมือหญิงสาวขึ้นมาดูรอยข่วน แม้จะไม่ลึกมากแต่ก็มีเลือดออก “นิสัยไม่ดีนะเรา นี่แขกพ่อนะ” เขาดุแมวตัวเองแล้วพาวีนัสไปล้างแผล
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น” หญิงสาวชักมือกลับ
“อย่าอวดดีไปหน่อยเลย แผลแค่นี้ก็ทำคนตายมาแล้วนะ”
“ใครเหรอคะที่ตาย”
“ยกตัวอย่าง”
“ก็แสดงว่ายังไม่มีใครตายจริง ๆ”
“มีแน่ถ้าเธอยังอวดดีอยู่แบบนี้”
“ไม่ได้อวดดี แต่พิจารณาทางสายตาแล้วว่ามันไม่น่าจะตายเพราะแผลแมวข่วนแค่เล็กน้อยนี้ได้ ล้างแผลแล้วก็ทายาน่าจะดีขึ้นเองตามลำดับ” วีนัสละสายตาจากใบหน้าชายหนุ่มก้มมองแมวตัวอ้วนที่เดินมาคลอเคลียขาเธอราวกับว่ามันรู้สึกผิดกับการกระทำตัวเอง และกำลังขอโทษ
“มันคงรู้สึกผิด” วอร์เอ่ยพลางเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องเอาไปเก็บให้เรียบร้อย
“ฉันรู้ว่าแกไม่ได้ตั้งใจ” การมีเลี้ยงสัตว์เป็นของตัวเองเป็นอีกหนึ่งความฝันของเธอ วีนัสนั่งลงและลูบหัวหนูดีด้วยความเอ็นดู ทว่าคำพูดของเวกัสผุดขึ้นมาในหัวเธอ
‘ถ้าแค่อยากเลี้ยงเพราะไม่ได้รักมันก็อย่าเอามาเลี้ยง สัตว์เลี้ยงทุกตัวมีหัวใจและต้องการความรัก เฉกเช่นคนที่ต้องการทั้งไออุ่นและความรักและความเอาใจใส่’
วอร์หยุดยืนอยู่หลังโซฟา มองวีนัสที่นั่งกอดเข่าตัวเองลูบหัวหนูดีด้วยอาการเหม่อลอย ไหล่มนคู้ลงจนหมดความสง่าราวกับแบกรับเรื่องราวอันหนักอึ้งไว้
“ไวน์หรือเหล้าดี”
“…”
วอร์เลิกคิ้วถามอีกครั้งเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ไวน์ค่ะ”
ไวน์รสชาติดีถูกรินใส่แก้วสองแก้ว บรรยากาศตอนนี้น่าดื่มไวน์ที่สุด
“นี่”
“ขอบคุณค่ะ” วีนัสรับแก้วไวน์มาจิบเล็กน้อย
“เธอดูไม่มีความสุข” แววตาแห้งผากไร้ความรู้สึกนั้นฉายชัด ไม่มีตอนไหนเลยที่เขาเห็นเธอยิ้ม “เพิ่งเลิกกับแฟนมาหรือไง”
“แฟน...วีว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ”
“หึหึ คิดเหมือนกัน”
“คุณเองก็ยังไม่เคยมีแฟนเหรอ"
“ฉันรู้สึกว่าการมีแฟนมันไร้สาระ ไม่ชอบให้ใครมาเป็นเจ้าชีวิตและไม่ชอบความวุ่นวาย”
“ทำไมไม่หนีไปบวชล่ะคะ"
วอร์ชะงักที่จะจิบไวน์ คำเหน็บแนมหลุดออกจากปากหญิงสาวขณะที่เธอมองเขาด้วยสีหน้าใสซื่อ
“กลัวทำศาสนาเสื่อม"
“…” มุมปากเธอกดลึกคล้ายว่ายิ้มอย่างผิวเผิน
“เคยนอนกับผู้ชายไหม"
“วันไนท์สแตนด์เหรอคะ"
“ประมาณนั้น"
“ไม่เคยค่ะ"
“ยังซิง?"
“อืม...ไม่เคยนอนกับผู้ชายก็แสดงว่ายังซิง"
“แล้วเคยอยากลองไหม” วอร์ยกยิ้มมุมปากถาม ครู่หนึ่งเขาเห็นความลังเลใจในดวงตาแห้งผากไร้ความรู้สึกนั้น
“แล้วถ้าอยากลอง...คุณจะช่วยเป็นหนูทดลองให้วีเหรอคะ” เธอดูอยากรู้อยากลองจนเก็บอาการไว้ไม่มิด
“หึหึ”
“ถ้าวีบอกว่าอยากวันไนท์สแตนด์กับคุณ...คุณจะยอมไหม”