BESIDE YOU #วอร์เคียงดาว

89.0K · จบแล้ว
ฅนบนดอย
51
บท
324
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘วีนัสของพ่อเป็นเจ้าหญิง ไม่ว่าลูกจะเลือกเดินทางไหนทุกทางก็มีแต่ความสุข เลือกเลยสิลูก จะให้พ่อเลี้ยงซ้ายหรือเลี้ยวขวาดี’ อนันดาเหลียวมองลูกสาววัยห้าขวบที่นั่งอยู่เบาะหลังกับพี่ชายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ‘วีนัสของแม่เลือกทางไหนก็โชคดีทั้งนั้น พี่เวกันด้วยนะลูก’ ‘ครับ’ เด็กชายตอบกลับแม่ด้วยรอยยิ้มแล้วกอดคอน้องสาว ชี้นิ้วไปข้างหน้า ‘วีเลือกสิ จะให้คุณพ่อขับรถไปทางไหนดี’ เด็กหญิงหันไปมองหน้าพ่อกับแม่ สายตาท่านทั้งสองมองมาที่เธอคล้ายว่าจะกดดันให้เลือกทางไหนสักทาง ‘วีเลือกทางซ้ายมือค่ะ’ ‘โอเคเลย งั้นพ่อเลี้ยวซ้ายนะ’ ‘ค่ะ’ ‘น้องพี่เก่งมากเลย’ เด็กชายชมน้องสาว ‘คุณคะ’ จู่ๆ รถก็เริ่มส่าย ‘คุณพ่อครับ’ ‘ไม่เป็นไรลูก ถนนมันลื่นนิดหน่อย’ ‘คุณคะ คุณ!!’ ‘กรี๊ดดดด!!!’ โคล่ม!! เฮือก! ร่างเล็กสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่ยังตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกคืนวัน ฝันร้ายที่ขโมยตัวตนและรอยยิ้มไปจากเธอ… ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูช่วยดึงสติวีนัสกลับมา เธอลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู “สวัสดีค่ะ” “อรุณสวัสดิ์” เวกัสส่งยิ้มหวานให้น้องสาวพลางเสยผมออกจากใบหน้าวีนัส “อย่าลืมว่าวันนี้เราต้องไปโรงเรียน” หมดเวลาของวันหยุดสุดสัปดาห์แล้วสินะ นาฬิกาปลุกที่เป็นทั้งชีวิตของเธอจึงเริ่มทำงานแต่เช้าตรู่แบบนี้ “ค่ะ” วีนัสตอบเสียงเรียบ “รับนมอุ่นหรือโอวัลติน” “โอวัลตินร้อนก็ได้ค่ะ” “โอเค” “พี่เวย์ไม่ต้องไปทำงานเหรอ” “วันนี้พี่หยุด แล้วเดี๋ยวไปส่งเราที่โรงเรียน” “วีไปเองได้” “พอดีพี่ว่าง” “พี่ไม่ต้องลงทุนหยุดงานเพื่อมาดูแลวีหรอก วีไม่ได้เป็นอะไร” “…” ผู้เป็นพี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปยิ้มให้น้องสาว “พี่หยุดจริงๆ” “วีจะเชื่อแล้วกัน” วีนัสหันหลังให้พี่ชายโดยไม่พูดอะไรต่อจากนั้น รู้ว่าเวกัสตั้งใจหยุดงานมาดูแลเธอ แต่ก็บอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร และดูแลตัวเองได้ “งั้นพี่ปิ้งขนมปังให้เราด้วยแล้วกันนะ” ผู้เป็นพี่ตะโกนบอกไล่หลังน้องสาวแล้วรีบไปเตรียมอาหารเช้า ด้วยเพราะเหตุการณ์ในอดีตทำให้เขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกัน หน้าที่หัวหน้าครอบครัวจึงตกอยู่ที่เขาและต้องดูแลน้องสาว เด็กหญิงที่มีรอยยิ้มหวานเป็นเสน่ห์ ใครเห็นก็ชมว่าน่ารักแต่รอยยิ้มนั้นถูกพรากไปกับเหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่เขาเองก็ไม่อาจลืม เสียงหัวเราะ รอยยิ้มและความสุขในแววตาวีนัสหายไปตั้งแต่วันนั้น เธอกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่มีโลกส่วนตัวสูง เย็นชาและไร้ความรู้สึก เธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่สมควรมีชีวิตร่าเริงตามวัยแต่เปล่าเลย วีนัสตรงกันข้ามทุกอย่าง “…” วีนัสเดินลงมาจากชั้นสองด้วยใบหน้านิ่งเรียบ เธอมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีทั้งแก้วโอวัลตินและจานขนมปังปิ้งทาแยมรสสตรอว์เบอร์รีที่พี่ชายเตรียมไว้ให้ “วีเกลียดแยมสตรอว์เบอร์รี” “พี่จำได้ว่าเราชอบกิน” เวกัสเลื่อนจานขนมปังปิ้งมาหาตัวเอง เขาไม่ได้มโนขึ้นเองว่าน้องชอบแยมสตรอว์เบอร์รี แต่จำได้แม่นว่าตอนเด็กวีนัสชอบขนมปังปิ้งทาแยมที่แม่ชอบทำให้กินจริงๆ “เรามีกันแค่นี้…อยากพูดอะไรก็พูดกับพี่ได้” “ไม่มีค่ะ” “รู้ไหมว่าสิ่งที่พี่พยายามมาตลอดคืออยากให้เราสองพี่น้องเปิดใจคุยกัน” “วีไม่มีเรื่องคุย” วีนัสตอบกลับอย่างเย็นชา เธอดื่มโอวัลตินในแก้วหมดแล้วก็ลุกออกไป คนเป็นพี่ก้มหน้าถอนหายใจออกยาวๆ สิ่งที่ยากที่สุดและล้มเหลวทุกครั้งคือการบอกให้วีนัสคุยกับเขาแบบเปิดอก “พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้ว” “คุณพ่อกับคุณแม่ก็เสียไปนานแล้ว ทำไมพี่เวย์ต้องรับช่วงทำธุรกิจผิดกฎหมายด้วย” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโน้มน้าวใจเวกัสให้เลิกทำธุรกิจผิดกฎหมายนี้ มรดกตกทอดจากรุ่นคุณปู่ หลังจากพ่อเสียไปเวกัสก็ต้องขึ้นมาทำธุรกิจนี้แทนพ่อทุกอย่าง “ถ้าพี่ไม่ทำ พี่จะเลี้ยงเราได้ยังไง” วีนัสเอี้ยวหน้ากลับมามองพี่ชาย “วีออกจากโรงเรียนก็ได้ ไม่เรียนแล้วก็ได้” “ได้ยังไง พี่ตั้งใจหาเงินส่งเราเรียนก็เพราะอยากให้เราได้มีความรู้ อยากให้เราเจอสังคมดีๆ” “สังคมดีๆ ที่พี่เวย์บอกมันคือสังคมขยะ” ยุคสมัยของการแบ่งแยกชนชั้น สูง เตี้ย สวย ขี้เหร่ ขาว ดำ รวย จน ตอนเด็กเธอคิดว่าการแบ่งชนชั้นเป็นเฉพาะในกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงาน ตอนนี้เธอรู้ซึ้งแล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับช่วงวัยและเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง “ใครทำอะไรเราหรือเปล่า” “…” วีนัสไม่สนใจตอบคำถามพี่ชาย เธอเดินออกมาหน้าบ้านและแหงนมองท้องฟ้า “ร่มยังจำเป็นสำหรับเราไหม” คล้ายว่าฝนตกห่าใหญ่ไม่ช้าก็เร็วนี้ “วี” “…” “อย่าลืมยิ้ม ยิ้มเยอะๆ” รอยยิ้มสุดท้ายที่เธอจำได้คือรอยยิ้มในวันที่แม่กับพ่อจากไป

นิยายรักโรแมนติกนักศึกษารักแรกพบโรแมนติก18+

บทนำ

‘วีนัสของพ่อเป็นเจ้าหญิง ไม่ว่าลูกจะเลือกเดินทางไหนทุกทางก็มีแต่ความสุข เลือกเลยสิลูก จะให้พ่อเลี้ยงซ้ายหรือเลี้ยวขวาดี’

อนันดาเหลียวมองลูกสาววัยห้าขวบที่นั่งอยู่เบาะหลังกับพี่ชายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

‘วีนัสของแม่เลือกทางไหนก็โชคดีทั้งนั้น พี่เวย์กันด้วยนะลูก’

‘ครับ’ เด็กชายตอบกลับแม่ด้วยรอยยิ้มแล้วกอดคอน้องสาว ชี้นิ้วไปข้างหน้า ‘วีเลือกสิ จะให้คุณพ่อขับรถไปทางไหนดี’ เด็กหญิงหันไปมองหน้าพ่อกับแม่ สายตาท่านทั้งสองมองมาที่เธอคล้ายว่าจะกดดันให้เลือกทางไหนสักทาง

‘วีเลือกทางซ้ายมือค่ะ’

‘โอเคเลย งั้นพ่อเลี้ยวซ้ายนะ’

‘ค่ะ’

‘น้องพี่เก่งมากเลย’ เด็กชายชมน้องสาว

‘คุณคะ’ จู่ ๆ รถก็เริ่มส่าย

‘คุณพ่อครับ’

‘ไม่เป็นไรลูก ถนนมันลื่นนิดหน่อย’

‘คุณคะ คุณ!!’

‘กรี๊ดดดด!!!’

โคล่ม!!

เฮือก!

ร่างเล็กสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่ยังตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกคืนวัน

ฝันร้ายที่ขโมยตัวตนและรอยยิ้มไปจากเธอ…

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูช่วยดึงสติวีนัสกลับมา เธอลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู

“สวัสดีค่ะ”

“อรุณสวัสดิ์” เวกัสส่งยิ้มหวานให้น้องสาวพลางเสยผมออกจากใบหน้าวีนัส “อย่าลืมว่าวันนี้เราต้องไปโรงเรียน” หมดเวลาของวันหยุดสุดสัปดาห์แล้วสินะ นาฬิกาปลุกที่เป็นทั้งชีวิตของเธอจึงเริ่มทำงานแต่เช้าตรู่แบบนี้

“ค่ะ” วีนัสตอบเสียงเรียบ

“รับนมอุ่นหรือโอวัลติน”

“โอวัลตินร้อนก็ได้ค่ะ”

“โอเค”

“พี่เวย์ไม่ต้องไปทำงานเหรอ”

“วันนี้พี่หยุด แล้วเดี๋ยวไปส่งเราที่โรงเรียน”

“วีไปเองได้”

“พอดีพี่ว่าง”

“พี่ไม่ต้องลงทุนหยุดงานเพื่อมาดูแลวีหรอก วีไม่ได้เป็นอะไร”

“…” ผู้เป็นพี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปยิ้มให้น้องสาว “พี่หยุดจริงๆ”

“วีจะเชื่อแล้วกัน” วีนัสหันหลังให้พี่ชายโดยไม่พูดอะไรต่อจากนั้น รู้ว่าเวกัสตั้งใจหยุดงานมาดูแลเธอ แต่ก็บอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร และดูแลตัวเองได้

“งั้นพี่ปิ้งขนมปังให้เราด้วยแล้วกันนะ” ผู้เป็นพี่ตะโกนบอกไล่หลังน้องสาวแล้วรีบไปเตรียมอาหารเช้า

ด้วยเพราะเหตุการณ์ในอดีตทำให้เขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกัน หน้าที่หัวหน้าครอบครัวจึงตกอยู่ที่เขาและต้องดูแลน้องสาว เด็กหญิงที่มีรอยยิ้มหวานเป็นเสน่ห์ ใครเห็นก็ชมว่าน่ารักแต่รอยยิ้มนั้นถูกพรากไปกับเหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่เขาเองก็ไม่อาจลืม เสียงหัวเราะ รอยยิ้มและความสุขในแววตาวีนัสหายไปตั้งแต่วันนั้น เธอกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่มีโลกส่วนตัวสูง เย็นชาและไร้ความรู้สึก เธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่สมควรมีชีวิตร่าเริงตามวัยแต่เปล่าเลย วีนัสตรงกันข้ามทุกอย่าง

“…” วีนัสเดินลงมาจากชั้นสองด้วยใบหน้านิ่งเรียบ เธอมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีทั้งแก้วโอวัลตินและจานขนมปังปิ้งทาแยมรสสตรอว์เบอร์รีที่พี่ชายเตรียมไว้ให้ “วีเกลียดแยมสตรอว์เบอร์รี”

“พี่จำได้ว่าเราชอบกิน” เวกัสเลื่อนจานขนมปังปิ้งมาหาตัวเอง เขาไม่ได้มโนขึ้นเองว่าน้องชอบแยมสตรอว์เบอร์รี แต่จำได้แม่นว่าตอนเด็กวีนัสชอบขนมปังปิ้งทาแยมที่แม่ชอบทำให้กินจริงๆ “เรามีกันแค่นี้…อยากพูดอะไรก็พูดกับพี่ได้”

“ไม่มีค่ะ”

“รู้ไหมว่าสิ่งที่พี่พยายามมาตลอดคืออยากให้เราสองพี่น้องเปิดใจคุยกัน”

“วีไม่มีเรื่องคุย” วีนัสตอบกลับอย่างเย็นชา เธอดื่มโอวัลตินในแก้วหมดแล้วก็ลุกออกไป คนเป็นพี่ก้มหน้าถอนหายใจออกยาว ๆ สิ่งที่ยากที่สุดและล้มเหลวทุกครั้งคือการบอกให้วีนัสคุยกับเขาแบบเปิดอก

“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้ว”

“คุณพ่อกับคุณแม่ก็เสียไปนานแล้ว ทำไมพี่เวย์ต้องรับช่วงทำธุรกิจผิดกฎหมายด้วย” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโน้มน้าวใจเวกัสให้เลิกทำธุรกิจผิดกฎหมายนี้ มรดกตกทอดจากรุ่นคุณปู่ หลังจากพ่อเสียไปเวกัสก็ต้องขึ้นมาทำธุรกิจนี้แทนพ่อทุกอย่าง

“ถ้าพี่ไม่ทำ พี่จะเลี้ยงเราได้ยังไง” วีนัสเอี้ยวหน้ากลับมามองพี่ชาย

“วีออกจากโรงเรียนก็ได้ ไม่เรียนแล้วก็ได้”

“ได้ยังไง พี่ตั้งใจหาเงินส่งเราเรียนก็เพราะอยากให้เราได้มีความรู้ อยากให้เราเจอสังคมดีๆ”

“สังคมดีๆ ที่พี่เวย์บอกมันคือสังคมขยะ” ยุคสมัยของการแบ่งแยกชนชั้น สูง เตี้ย สวย ขี้เหร่ ขาว ดำ รวย จน ตอนเด็กเธอคิดว่าการแบ่งชนชั้นเป็นเฉพาะในกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงาน ตอนนี้เธอรู้ซึ้งแล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับช่วงวัยและเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง

“ใครทำอะไรเราหรือเปล่า”

“…” วีนัสไม่สนใจตอบคำถามพี่ชาย เธอเดินออกมาหน้าบ้านและแหงนมองท้องฟ้า “ร่มยังจำเป็นสำหรับเราไหม” คล้ายว่าฝนตกห่าใหญ่ไม่ช้าก็เร็วนี้

“วี”

“…”

“อย่าลืมยิ้ม ยิ้มเยอะ ๆ”

รอยยิ้มสุดท้ายที่เธอจำได้คือรอยยิ้มในวันที่แม่กับพ่อจากไป

“ค่ะ” เธอตอบพี่ชายแล้วไปรอเวกัสในรถ ทันใดฝนก็กระหนำลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำกลุ่มใหญ่ วีนัสมองสายฝนผ่านกระจกรถก่อนที่มุมปากจะกดลึกเป็นรอยยิ้มบางๆ เธอชอบเวลาที่ฝนตกเพราะเสียงของมันช่วยกลบความคิดในหัว

“อา! ฝนบ้ามาตกเอาตอนเช้า” เวกัสบ่น เขายื่นร่มพับอันเล็กลายการ์ตูนให้น้องสาว “เอาใส่กระเป๋าไว้เลยนะ เผื่อฝนตกอีก”

“…” วีนัสรีบร่มจากมือพี่ชายมาถือไว้ ก่อนที่เวกัสจะขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียน

“อย่าเดินตากฝนเข้าใจไหม"

“ค่ะ” วีนัสมองแผ่นหลังพี่ชายที่เดินกางร่มออกไปหลังจากเดินมาส่งเธอถึงใต้ถุงอาคารเรียน วีนัสก้มหน้าเดินขึ้นไปที่ห้องเรียน

15:00

หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ใต้ถุนอาคาร มือเรียวยื่นออกไปรับน้ำฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ฝนตกตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ซาลง

วีนัสก้มมองร่มคันที่พี่ชายให้มาในมือตัวเอง

“วี~” เสียงหวานใสของซาร่าเพื่อนสนิทคนเดียวของวีนัสดังมาแต่ไกล ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาถึงตัววีนัส “ใครมารับเหรอ”

“คนขับรถ” วีนัสตอบ

“แล้วมายัง กลับพร้อมกันไหมเดี๋ยวฉันให้คนไปส่งที่บ้าน"

“ไม่” เธอปฏิเสธเพื่อน ก่อนที่จะกางร่มแล้วเดินออกมาจากตัวอาคารโดยที่ซาร่าร้องเรียกเธอก็ไม่หันกลับไปมอง

พอเดินพ้นประตูโรงเรียนแล้ววีนัสหุบร่มทันที เธอเงยหน้ารับสายฝนพร้อมแย้มริมฝีปากยิ้มบางๆ แล้วเดินฝ่าสายฝนไปตามฟุตพาท

ชุดนักเรียนสีขาวเปียกปอนรวมถึงกระเป๋านักเรียนด้วย ผู้ปกครองที่กางร่มลงจากรถเดินผ่านวีนัสไปรับบุตรหลานในโรงเรียนต่างหันมองเธอ บ้างก็ให้ร่มแต่วีนัสปฏิเสธและเดินตากฝนต่อ

“เธอ” เสียงคนที่เดินตามหลังมาเอ่ยเรียก วีนัสหยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง ร่มคันหนึ่งถูกยัดใส่มือเธอโดยคนแปลกหน้า หญิงสาวมองร่มในมือแล้วเงยหน้ามองเจ้าของร่มคันนี้ “เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“…”

แจ็ตเก็ตหนังสีดำคลุมลงบนศีรษะวีนัส จากนั้นเขาก็วิ่งไปขึ้นรถหรูที่จอดอยู่อีกฟากของถนนแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว

วีนัสมองตามรถหรูจนลับตาเธอค่อยๆ ก้มมองของที่ชายหนุ่มให้มาด้วยแววตาเรียบร้อย น้ำฝนเกาะที่แพขนตาหยดลงบนร่ม เผอิญว่ามีชื่อภาษาอังกฤษปักอยู่ที่ร่มเธอจึงอ่านเสียงเบา

“วอร์...”

วีนัสพึมพำอ่านชื่อ

“วอร์…ที่แปลว่าสงครามน่ะเหรอ”