บท
ตั้งค่า

EP.7 พิพากษา

[ข้าวฟ่าง]

...6 เดือนต่อมา...

"ทำไม...ทำไมถึงเลือกวิธีนี้" พี่เวย์ร้องไห้ออกมาตลอดทางที่ขับรถมาส่งฉันมาฟังคำพิพากษาจนถึงลานจอดรถ

"ฟ่างทำให้พี่เป็นพี่ชายที่แย่มาก ๆ เลยรู้ไหม" เขาปาดน้ำตาและมองทางฉันด้วยความรู้สึกผิดต่อฉันมาก ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องนี้มันไม่มีใครผิดเลย ไม่มี...

"เวลากำลังเริ่มเข้าโรงเรียน ส่วนวายุก็เพิ่งจะขวบกว่า ๆ " ฉันโผเข้าไปกอดพี่ชายตัวเองเอาไว้แน่น

"พี่ทับทิมดูแลพวกเขาตามลำพังไม่ไหวหรอกนะคะ" ฉันพยายามอย่างข่มเสียงให้ดูปกติมากที่สุด และไม่ร้องไห้ต่อหน้าพี่ชายตัวเอง

"ถ้าไม่มีพี่เวย์...ครอบครัวของเราจะเดินต่อยังไง" ฉันลูบแผ่นหลังของเขาอีกครั้งและแอบปาดน้ำตาตัวเองเบา ๆ หน้าที่การงานของพี่ชายฉันกำลังไปได้ด้วยดี ไหนจะลูก ๆ ของเขาอีก

ส่วนฉันต่อให้ไม่ติดคุกสามปีห้าปี ก็คงไม่สามารถสร้างอนาคตที่ดีและดูแลครอบครัวได้ดีเท่ากับพี่เวย์แน่ ๆ เด็กจบใหม่อย่างฉันจะไปเทียบอะไรกับหมออนาคตไกลอย่างเขาได้

"พี่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย" พี่เวย์ยกมือปิดหน้าตัวเอง และร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจจะฝืนเก็บความรู้สึกไว้ได้เลย

สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นตัดสินให้ฉันถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีเลย เพราะโจทย์ฝั่งโน้นไม่ยอมความ ไม่มีท่าทียอมความใด ๆ เลย และทนายของเขาก็เก่งกว่าเรามาก ๆ ด้วย

แต่ยังดีที่ทางทนายของเราขอประกันตัวฉันออกมาเพื่อสู้คดี โดยการยื่นอุทธรณ์ไปก่อน...และวันนี้คือวันที่ตัดสินเรื่องราวทั้งหมด

"ขอบคุณนะหมอแอล ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ " พี่เวย์พูดกับใครบางคนทางโทรศัพท์ทันทีที่เราเดินไปหยุดตรงทางเข้า ฉันก็เพิ่งเห็นว่าเราเปลี่ยนทนายคนใหม่ และทนายคนนี้เดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ พร้อมกับบีบไหล่ของพี่เวย์เบา ๆ

"เรามีโอกาสชนะเกือบ 80% เลย...หมอไม่ต้องกลัวนะ" ทนายคนนั้นกระซิบบอกกับพี่เวย์เบา ๆ และมองฉันด้วยสายตาที่เอ็นดู

"พี่ไม่มีวันส่งเธอเข้าคุกแน่" พี่เวย์เดินจูงมือของฉันเดินเข้าไปฟังคำพิพากษาในศาล ไม่มีวินาทีไหนเลยที่พี่ชายจะปล่อยมือของฉัน

ระหว่างการนั่งรอฟังคำพิพากษาสุดท้าย ทนายคนใหม่ของฝั่งเรายื่นเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติมไปมากมาย แต่ตอนนี้ในใจของฉันมันว่างเปล่ามากจริง ๆ ทุกคำพูดโต้เถียงกันไปมาในชั้นศาลแทบไม่มีประโยคไหนเข้าหูของฉันเลย

ฉันนั่งเหม่อลอยอย่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของฉันกำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน

‘ไม่ว่าอะไรจะเกิด จำไว้ว่าเธอตัดสินใจถูกที่สุดแล้ว’ ฉันพูดกับตัวเองภายในใจก่อนจะหันไปมองหน้าของพี่ชายตัวเองอีกครั้งแบบชัด ๆ แต่พอเหลือบมองตรงไปอีกฝั่งหนึ่ง

ฉันก็ต้องสะดุดกับสายตาดุดันของชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้องพิจารณคดีเป็นคนสุดท้าย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเครา ขอบตาดำคล้ำ ตัดกับสีผิวขาว ๆ ของเขา

และเพียงแค่สบตากัน ฉันก็จำได้ทันทีว่าเขาคือสามีของผู้หญิงที่เสียชีวิตคนนั้น คนที่ขู่จะฆ่าฉันทันทีที่เจอหน้ากันอีก

"เฮือก!" ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเผลอสบสายตาดุดันคู่นั้น แต่ความตกใจของฉันถูกกลบด้วยเสียงเคาะเบา ๆ ของผู้พิพากษา ก่อนที่พี่เวย์จะจับมือของฉันให้ยืนขึ้นเพื่อฟังคำตัดสิน

"ตามคำพิพากษามีดังนี้ เนื่องจากจำเลยขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท" เสียงของผู้พิพากษาประกาศลั่นห้องอย่างชัดเจน

"เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน อีกทั้งกระทำไปโดยไม่ได้เจตนา ไม่หลบหนี และสารภาพผิด ถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี"

"ศาลจึงตัดสินให้โทษจำคุกรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี แต่คุมประพฤติ 4 ครั้ง ในเวลา 1 ปีตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านคำพิพากษา และทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 48 ชม. และให้ชำระค่าปรับแก่ศาลจำนวนเงิน 10,000 บาท "

"รับทราบค่ะ" ฉันเอ่ยตอบไปตามที่ทนายบอกให้พูดทุกอย่าง

"เรารอดแล้ว รอดแล้วนะฟ่าง" พี่เวย์หันมาบอกกับฉัน พร้อมกับดึงฉันเข้าไปสวมกอดและร้องไห้ออกมาในทันที ฝ่ามืออบอุ่นของพี่ชายลูบหัวของฉันอย่างปลอบโยน

แม้ว่าในตอนนั้นสมองของฉันมันว่างเปล่าไปหมด ฉันยืนนิ่งอยู่แบบนั้นเกือบ ๆ ห้านาทีได้หลังจากที่ทุกอย่างจบลง ซึ่งพอพี่เวย์คลายอ้อมแขนออกมา

พอหันกลับไป ฉันก็ไม่เจอกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเดินออกไปตอนไหน เมื่อไหร่ แต่ภายในใจของฉันทำได้แค่ภาวนาซ้ำ ๆ ว่า... ‘อย่าให้ฉันได้เจอเขาอีกเลย’

[ข้าวฟ่าง : END]

——————

...หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...

ณ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง

"ถ้าไม่ได้ครูฟ่างในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สุดท้ายก็คงไม่มีใครติวหนังสือให้เด็ก ๆ สอบใหญ่แน่ ๆ" ครูใหญ่พูดขึ้นพร้อมกับยื่นเอกสารเกี่ยวกับการบำเพ็ญประโยชน์คืนให้กับเธอ

"เด็ก ๆ ที่นี่น่าสงสารมากนะ อุปกรณ์การเรียนก็ไม่ครบเหมือนที่อื่น ๆ ครูคนหนึ่งก็ต้องแบ่งสอนหลายชั้น หลายวิชา แต่เวลาสอบใหญ่ ๆ ทีก็ต้องใช้ข้อสอบเดียวกันทั้งประเทศ...บอกเลยว่าเด็ก ๆ ที่นี่เรียนจบประถมศึกษาได้ก็เก่งมากแล้ว" ครูใหญ่พูดตัดพ้อขึ้นอย่างสงสารเด็ก ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้

"ความเหลื่อมล้ำของประเทศเรา...มันน่ากลัวจริง ๆ ค่ะ" ข้าวฟ่างพยักหน้าตามอย่างเข้าใจคำพูดของครูใหญ่ เพราะโรงเรียนวัดแห่งนี้ แตกต่างจากโรงเรียนในเมืองมาก ๆ และครูคนหนึ่งก็ต้องทำงานหนักมากเช่นกัน

"แต่ยังไงฟ่างต้องขอบคุณทางโรงเรียนมาก ๆ เลยนะคะ ที่ให้โอกาสฟ่างได้มาบำเพ็ญประโยชน์ที่นี่" หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้คุณครูใหญ่อย่างอ่อนน้อม

"ครูก็ต้องขอบคุณครูฟ่างแทนเด็ก ๆ ด้วยเหมือนกันนะ...ที่เข้ามาเป็นจิตอาสาได้ทันเวลาพอดีเลยแถมยังทำงานเกินเวลาอีกต่างหาก" ครูใหญ่ถอนหายใจและเดินออกมาส่งข้าวฟ่างถึงด้านหน้าของโรงเรียน

"ครูอังกฤษคนเก่า พอได้งานโรงเรียนเอกชนที่ใหม่ ก็มาเก็บของและยื่นใบลาออกกะทันหันเลย เขาไม่ได้สนใจเลยว่าเด็ก ๆ จะสอบผ่านหรือไม่ผ่าน" ครูใหญ่ระบายความทุกข์ใจของเธอให้ข้าวฟ่างฟัง

"หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย" ครูใหญ่บ่นพร้อมกับทอดสายตามองไปยังลานกว้าง ๆ ของโรงเรียน ที่ว่างเปล่า เพราะวันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรกของพวกเด็ก ๆ เลยทำให้โรงเรียนวัดแห่งนี้เงียบเหงามาก ๆ

กริ๊ง... เสียงกระดิ่งบอกเวลาเลิกเรียนยังคงดังขึ้นซ้ำเวลาเดิมทุก ๆ วัน

"เดี๋ยวครูต้องขอตัวก่อนนะครูฟ่าง พอดีวันนี้วันเกิดคุณสามีที่บ้านน่ะ ต้องรีบกลับไปเตรียมเค้กให้สักหน่อย"

"ค่ะครูใหญ่ ตามสบายเถอะนะคะ เดี๋ยวฟ่างขอเดินเล่นรอบ ๆ โรงเรียนสักหน่อย แล้วอีกสักพักก็จะกลับแล้วค่ะ" ข้าวฟ่างเดินไปส่งครูใหญ่ขึ้นรถพร้อมกับยกมือไหว้ท่านด้วยความเคารพ

"ได้จ้ะ ๆ ยังไงถ้าเหงา หรือคิดถึงเด็ก ๆ ครูฟ่างกลับมาเยี่ยมโรงเรียนเราได้ทุกเมื่อเลยนะ" ครูใหญ่รับไหว้และบีบไหล่ของเธอด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขับรถออกไปช้า ๆ

หลังจากที่ครูใหญ่ขับรถออกไปไกลสุดสายตาแล้ว ข้าวฟ่างก็เดินไปหยิบไม้กวาดมายืนกวาดลานหน้าอาคารเรียน ที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งที่ปลิดปลิวหล่นลงมามากมาย

‘ทุกความดีที่ฉันได้ทำ ฉันขอให้มันส่งไปถึงคุณด้วยนะคะ...คุณแพรชมพู’ ในตอนที่ข้าวฟ่างยืนระลึกถึงหญิงสาวคนนั้น จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของเครื่องยนต์รถที่เร่งเครื่องหนักมากขึ้น มันเริ่มใกล้เข้ามา ๆ มากขึ้นทุกที ๆ และ...

บรื้นนน... พอจังหวะที่เธอหันหน้ากลับไปทางเสียงนั้น เสียงคำรามของรถก็อยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว

"มะ...ไม่!" หญิงสาวร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจ เมื่อรถสีดำคันหรูขับพุ่งตรงเข้ามาหาเธอเหมือนตั้งใจจะชน

ตุ้บ! ร่างบางเสียหลักล้มลงกับพื้น รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเกือบปะทะเข้ากับร่างของเธอ

และ...

เอี๊ยดดด... เสียงล้อรถบดกับพื้นหินดังสนั่น ภาพสุดท้ายที่เธอมองเห็นเป็นเพียงแค่ไฟรถที่ส่องเข้ามาในตาของเธอ ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มพร่ามัวและเบลอ เหมือนสติของเธอมันใกล้จะวูบดับลงไปทุกที

ร่างบางหงายหลังล้มลงไปนอนกับพื้น นัยน์ตาของเธอมองเห็นเป็นท้องฟ้าที่เลือนรางก้อนเมฆสีขาวบนท้องฟ้าสีส้มแดงในยามเย็น ก่อนที่จะมีใบหน้าของชายคนหนึ่งชะโงกเข้ามาตรงหน้าของเธอ และเขาก็คือ...สามีของคุณแพรชมพู

"ในเมื่อกฎหมายทำอะไรเธอไม่ได้...ฉันเนี่ยแหละจะพิพากษาเธอเอง!" ร่างสูงย่อตัวนั่งลงข้างเธอ และพูดออกมาด้วยแววตาที่อาฆาตแค้น

"คะ...คุณ" ข้าวฟ่างขมวดคิ้วมองไปทางเขา ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไปหลังจากนั้น

"อย่าเพิ่งตาย... นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น!"

——————

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel