บทย่อ
( เจคอป x ข้าวฟ่าง ) ทุกอย่างเริ่มต้น...ด้วยการแก้แค้น ( เจคอป ) ทายาทคนโตของเจ้าของธนาคารคาเวนดีนกรุ๊ป อายุ : 29 ย่าง 30 ปี เพราะการสูญเสียในครั้งนั้น...เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นซาตานในคราบมนุษย์ นิสัยส่วนตัว : ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวด! "แค่ตาย...มันง่ายไป" ( ข้าวฟ่าง ) เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น...เปลี่ยนชีวิตที่สงบสุขของเธอไปตลอดกาล อายุ : 22 ปี นิสัยส่วนตัว : รักครอบครัว เสียสละ ยอมคน อดทนเก่ง "ฆ่าฉันเถอะค่ะ...ได้โปรด" หนังสือนิยายออนไลน์เล่มนี้ เนื้อหาทุกตัวอักษรและรูปภาพฉากประกอบ ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน : อยู่ในตะเกียงแก้ว ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ หรือทำซ้ำ ดัดแปลง**ทั้งสิ้น สามารถดำเนินการตามกฎหมาย คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา พ.ร.บ ลิขสิทธิ์ 2537 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ Do not Copy, Reproduce, Plagiarism Trigger Warnings Toxic relationships/อาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตัวละคร/การใช้ความรุนแรง มีฉากร่วมเพศ(รุนแรง/ไม่สมยอม) SM25++ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากไม่ชอบแนวนี้ไม่แนะนำนะคะ
EP.1 เจคอป คาเวนดีน
(มีภาพประกอบ)
โคร่ม!
….
..
.
[เจคอป คาเวนดีน]
ณ เพนต์เฮาส์หรูใจกลางกรุง
"ทำไมเราต้องเลื่อนงานแต่งออกไปด้วยล่ะเจค" ชมพูเดินตรงเข้ามาพูดใส่ใบหน้าของผมด้วยท่าทางไม่พอใจ
ที่ผมได้ประกาศขอเลื่อนงานแต่งออกไปอย่างไม่มีกำหนดต่อหน้าทุกคนในครอบครัว และคนอีกมากมายในคืนวันนี้
"นี่เราเลื่อนงานมาสองรอบแล้วนะ เจคเคยคิดถึงหน้าชมพู หน้าครอบครัวของชมพูบ้างไหม" ชมพูที่เห็นว่าผมไม่ตอบโต้กลับ เธอก็ยิ่งแผดเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่เธอพยายามนั่งเงียบมาตลอดทางกลับคอนโด ตอนนี้เธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมาใส่หน้าของผมจนหมด
"ไว้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ" ผมถอนหายใจและพยายามเลี่ยงการปะทะกันระหว่างเราสองคน
ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก...
เสียงกระแทกเท้าของเธอดังก้องไปทั่วห้อง ร่างบางเดินตามหลังผมมาติด ๆ
ในขณะที่ผมยังคงยืนก้มหน้า ปลดกระดุมเสื้อสูทสีดำสนิทออกอย่างช้า ๆ และพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
"สรุปว่าจะแต่งหรือไม่แต่งกันแน่ ฮะ?" ชมพูเดินอ้อมมาหยุดที่ข้างหน้าอีกครั้ง และยังคงถามเซ้าซี้ไม่เลิก
"ถ้าไม่พร้อมจะหยุด แล้วมาขอฉันแต่งงานทำไมอะ" เธอเดินมาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"....." ผมสูดลมหายใจเข้าและออกซ้ำ ๆ อยู่นานเกือบสามสิบวินาทีได้
"ว่าไงอะเจค" ชมพูแผดเสียงลั่น พร้อมกับเขย่าแขนของผมเพื่อเค้นเอาคำตอบให้ได้
"งานศพย่าก็ยังไม่ทันจะได้เผาเลยชมพู จะให้เตรียมจัดงานแต่งตอนนี้เนี่ยนะ" ผมกระแทกเสียงตอบกลับไปด้วยความโมโหไม่ต่างกันเลย
"มันไม่เหี้ยไปหน่อยรึไงวะ" ผมขมวดคิ้วก้มหน้าลงมองเธอ และสบถออกไปอย่างลืมตัวด้วยความโมโหสุดขีด
ในตอนนี้ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเธออยากจะรีบแต่งอะไรกันนักหนา ทั้ง ๆ ที่วันนี้เราสองคนก็เพิ่งไปงานสวดอภิธรรมศพคุณย่าของผมมาแท้ ๆ ทุกคนในงานกำลังโศกเศร้า และผมเองก็เพิ่งจะสูญเสีย แต่ชมพูกลับมาไม่พอใจที่ผมเลื่อนวันแต่งงานของเราออกไปก่อนแบบนี้เนี่ยนะ
‘เดี๋ยวก็ป่วย เดี๋ยวตาย... คุณย่าเนี่ยขัดขวางความรักของเราทั้งตอนเป็นและตอนตายเลยจริง ๆ เนอะ' ชมพูขมุบขมิบริมฝีปากของเธอบ่นออกมาเบา ๆ ทั้งน้ำตา
"....." ผมกำหมัดแน่นและหลับตาลงพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด
"เจคจะถือว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ชมพูดออกมาแล้วกันนะ" ผมกัดฟันแน่น เอ่ยบอกกับเธอไปด้วยความใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ผมคงยกฝ่ามือตบปากฉีกไปแล้ว แต่เพราะเป็นเธอ ผมเลยทำได้แค่เพียงปล่อยผ่าน ไม่ใส่ใจ ทำเป็นไม่ได้ยินไป
ชมพูเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเธอ และกดโทรหาคนขับรถที่บ้านของตัวเอง
"ลุงเพิ่มวนรถมารอที่หน้าเพนต์เฮาส์ได้เลยนะคะ...ชมกำลังจะเดินลงไป" เธอกดวางสายและยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะเดินตรงออกไปจากห้องของผมในทันที
"อย่าไป!" ผมเดินไปยืนขวางที่หน้าลิฟต์เพื่อหวังจะรั้งเธอเอาไว้
ฟุ่บ! เธอสะบัดมือของผมทิ้งอย่างแรง
"ชมทนเพื่อเจคมามากแล้วเหมือนกัน เจคจะนอกกาย มีกิ๊ก ไปมั่วกับดาราที่ไหน ชมก็อดทนได้เสมอ... แต่ชมขอแค่ให้เราแต่งงานกันตามพิธี ขอแค่เจคให้เกียรติชมบ้าง มันยากมากใช่ไหม" ชมพูเดินตรงเข้ามาพูดใส่หน้าผมทั้งน้ำตา และผลักแผ่นอกของผมอย่างเต็มแรง
"มันไม่ใช่แบบนั้น มีเหตุผลหน่อยสิ" ผมยืนกุมขมับ ทำได้แค่มองดูเธอเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงจริง ๆ
วันนี้ทั้งวันผมยุ่งกับเรื่องงานศพของย่า ดูแลแขก และแทบไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน ผมไม่มีแรงจะเถียงอะไรกับเธอแล้ว
ในตอนที่ชมพูเดินกระแทกไหล่ของผม ตรงเข้าไปอยู่ในลิฟต์ด้านนอกห้องรับแขก ผมเดินตามเธอไปและใช้มือดันประตูเอาไว้ เพื่อถามเธออีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย
"ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว เธอรออีกแค่ห้าถึงหกเดือน ให้เรื่องงานของย่าผ่านไปสักพักก่อนไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ" ผมเอ่ยถามต่ออย่างไม่เข้าใจเลยว่า แฟนตัวเองคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
"ไม่ได้!" ชมพูตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
"ทำไม" ผมยังไม่ทันจะถามต่อ เธอก็กดปิดประตูลิฟต์ซ้ำ ๆ จนทำให้ผมต้องดึงมือออกจากขอบประตูก่อน
"เจคดูแคร์คนตายมากจริง ๆ เลยนะ...ไว้ถ้าชมตายบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าเจคจะไว้อาลัยนานเท่าย่าคุณไหม" ชมพูกระแทกเสียงตอบกลับผมอย่างประชดประชัน
"ชม...ทำไมพูดแบบนี้อะ" ผมถามเธอกลับไปอย่างใส่อารมณ์
ในวินาทีที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลงอย่างช้า ๆ ชมพูถอดแหวนที่ผมขอเธอแต่งงานออกมาจากนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
"ถ้าไม่แต่งภายในสามเดือนนี้...เราก็เลิกกันไปเลย!" เธอปาแหวนมากระแทกเข้ากับ
แผ่นอกของผม ก่อนจะเอ่ยคำขาด แล้วจึงกดปิดประตูลิฟต์ในทันที
...ห้าชั่วโมงหลังจากที่ทะเลาะกันไป...
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด เสียงโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นอีกครั้ง
สายเรียกเข้า : MY LOVE
"ฮัลโหล...ไง...ใจเย็นลงแล้วใช่ไหม" ผมที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พอเห็นเบอร์คนที่โทรมาก็กดรับสายและอมยิ้มขึ้นมาทันที แต่ปลายสายยังคงเงียบไม่ได้ตอบกลับใด ๆ
"เอาไงที่รัก...ให้ฉันขับรถไปรับเธอกลับตอนนี้เลยไหม" ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคดี
(ฮัลโหล...ฮัลโหลครับ...) ก็มีเสียงของชายนิรนามคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา ทำเอาผมจากที่งัวเงียอยู่กลายเป็นตื่นขึ้นมาในฉับพลัน
"นั่นใคร" ผมกระแทกเสียงถามกลับไปอย่างไม่พอใจ พร้อมกับลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าทันที
(ผมเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยนะครับ) พอปลายสายบอกว่าเป็นกู้ภัย ใจของผมมันก็รู้สึกสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลย
(คุณเป็นญาติของเจ้าของเครื่องนี้ใช่ไหมครับ)
"ใช่ ๆ ผมเป็น...สามีของเขา" ผมรีบเดินไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเงิน เตรียมจะเดินออกไปจากคอนโด
(คือ...ผมจะโทรมาแจ้งให้คุณทราบว่า...)
(เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ หรือภรรยาของคุณน่ะครับ... เธอเสียชีวิตแล้ว)
——————