BAD GUY - 11
ไรท์ต้องรีบไปบ้านแม่
เดี๋ยวมาตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ
—————
ฉันออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้าน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยได้ออกมาเดินเล่นแลบนี้เลยเพราะทำงานตลอดแทบจะทั้งวัน ป้าที่ทำให้ฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้คงกำลังใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่บ้าน
ประมาณยี่สิบนาทีได้ผู้หญิงคนนั้นก็กลับไป ไหนบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญทำไมถึงกับไปเร็วนักล่ะ ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นคุณเฟยกำลังคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียดสักพักก็วางสาย
“ฉันจะไม่มาที่นี่หนึ่งอาทิตย์ คงไม่ต้องให้ฉันสั่งว่าต้องทำอะไรบ้างเธอคงรู้หน้าที่ของตัวเองดีแล้วใช่ไหม”
“จะไปไหนหรอคะ”
“ธุระที่ต่างจังหวัด”
“ให้หนูตามไปดูแลคุณได้ไหมคะ หนูทำได้ทุกอย่างเลยนะทั้งยกของหนัก ช่วยถิอของให้ ทำความสะอาดแล้วก็…..”
“ไม่ได้” คุณเฟยพูดตัดบทเสียงแข็ง เขาน่ะจะกักขังฉันเอาไว้ที่บ้านหลังนี้ไม่ให้ออกไปไหนจริงๆ หรือไง
“คุณเฟยจะไปกับเลขาคนนั้นหรอคะ”
“จะไปกับใครแล้วทำไมฉันต้องบอกให้เธอรู้?”
“ชอบแบบนั้นใช่ไหมคะ หุ่นก็เอ็กซ์หน้าอกก็ใหญ่”
“ไม่ชอบ!” เขาตอบด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเพราะฉันถามมาก แต่ก็ดีที่ไม่ชอบฉันจะได้เดินหน้ายั่วตามแผน
ฉันฉีกยิ้มหวานแล้วเดินขยับเข้ามาใกล้ๆ เจ้านายที่ตัวสูงกว่า “ไม่ชอบแบบนั้นแปลว่าชอบแบบหนูใช่ไหมคะ ^_^”
คุณเฟยมองหน้าฉันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพ่นคำพูดที่ทำให้คนฟังจุกอกออกมา “ไม่เคยอยู่ในสายตา”
“ไม่อยู่ในสายตาถ้าอย่างนั้นหนูขอเข้าไปอยู่ในหัวใจของคุณเฟยได้ไหมคะ ^_^”
เมื่อพูดจบคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ พร้อมกับแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายฉัยเอามากๆ แล้วทำทีจะเดินหนี
“ที่บอกจะไปธุระหนูขอไปด้วยนะคะ นะคะ นะๆๆๆ หนูสัญญาว่าจะไม่พูดมาก จะปรนนิบัติรับใช้คุณเฟยทุกอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ขอหนูไป…..” คำพูดของฉันถูกอีกคนตัดบทอีกครั้งด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ “จะไปก็ไปแล้วก็เลิกพูดมากซะ”
“หะ ให้หนูไปจริงๆ หรอคะ” ความจริงก็ไม่คิดนะว่าคุณเฟยจะอนุญาตก็แค่ขอไปงั้นเอง มันน่าเหลือเชื่อจนฉันคิดว่าตัวเองคงหูฟาดไป
“ฉันให้เวลาเธอเก็บเสื้อผ้าแค่ห้านาที”
“ไปวันนี้หรอคะ”
“จับเวลา”
คุณเฟยไม่ตอบอะไรเลยแค่ให้ไปเก็บเสื้อผ้าแล้วจับเวลา รออะไรล่ะวิ่งสิคะ ถึงจะงุนงงสับสนแต่ตอนนี้ต้องรีบไปเก็บเสื้อผ้าก่อน
ใจมันก็กลัวๆ อยู่ว่าถ้าเก็บเสื้อผ้ามาแล้วคุณเฟยจะหนีไปก่อน แต่ก็ยังรออยู่แฮะแปลว่าเขาจะให้ไปด้วยจริงๆ
#สนามบิน
นักรถมาได้สักพักพี่คนขับก็เลี้ยวเข้ามาในสนามบินโดยที่คุณเฟยไม่ได้ค้านอะไร
“มาที่สนามบินทำไมหรอคะ” ฉันหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ขึ้นเครื่อง”
“…ขะ ขึ้นเครื่องบินไปหรอคะ” หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบ ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินสักครั้งเลยนะแล้วก็ไม่อยากขึ้นด้วย เห็นข่าวเครื่องบินตกแล้วใจคอไม่ดี พอรู้ว่าจะได้ขึ้นขามันก็เริ่มสั่น
“นะ….หนูว่าเรานั่งรถไปก็ได้….”
“ฉันมีธุระด่วนต้องไปจัดการ ถ้ามีปัญหามากก็กลับไปที่บ้าน เสียเวลา!!”
“ขึ้นเครื่องก็ได้ค่ะ” ฉันแอบทำหน้ามุ้ย เจ้านายอะไรไม่รู้เอะอะไรก็เอาแต่ขู่ฉัน
ที่สนามบินคนค่อนข้างพลุกพล่านมีคนจากหลากหลายประเทศเดินไปมา ฉันได้แต่ภาวนาในใจขณะที่เดินตามคุณเฟยเข้ามาภายในสนามบินว่าอย่าให้เกิดอะไรขึ้นขณะที่เครื่องลอยขึ้นฟ้า
เพราะมีนคือครั้งแรกจึงทำอะไรไม่ถูกพอถึงเวลาที่จะต้องเดินขึ้นเครื่องขามันก็ยิ่งสั่นจนต้องหยุดแล้วหายใจเข้าลึกๆ
“ยืนอยู่ทำไมรีบๆ ขึ้นมาสิ”
ยืนได้แค่แป๊บนึงคุณเฟยก็เรียกให้รีบขึ้นเครื่องเสียงดุ ฉันก็เลยหลับตาปี๋แล้วรีบวิ่งๆๆๆๆ จนเข้ามาภายในห้องโดยสารของเครื่องบิน
เมื่อลืมตาขึ้นก็ต้องแปลกใจที่ไม่มีคนอื่นเลยนอกจากฉันกับคุณเฟย หันซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อสำรวจว่ามีใครอยู่หรือเปล่าก็ไม่เห็นใครเลยสักคน
“คนอื่นยังไม่มาขึ้นเครื่องกันหรอคะ”
“ไม่มีคนอื่น” คุณเฟยตอบแล้วเดินไปนั่ง ซึ่งที่นั่งบนเครื่องมันดีมากๆ ต่างจากที่ฉันเคยเห็นในภาพ
เพราะไม่รู้ว่าต้องไปนั่งตรงไหนก็เคยเลือกนั่งใกล้ๆ กับคุณเฟย แต่แค่หย่อนก้นนั่งลงก้ถูกจ้องเขม็ง
“นั่งตรงอื่นก็ได้ค่ะไม่เห็นต้องมองแรงขนาดนั้นเลย” ฉันรีบเปลี่ยนมานั่งตรงอื่นแทนแต่ก็อยู่ไม่ไกลคุณเฟยมาก
“ใส่เข็มขัดให้รีบร้อยก่อนเครื่องจะขึ้น”
“เข็มขัดอะไรหรอคะ แล้วต้องใส่ยังไง” ฉันก้มมองหาเข็มขัดใหญ่เลย ไม่รู้ว่าคุณเฟยเดินมาตั้งแต่เมื่อไร “ฉันไม่น่ายอมให้เธอตามมา รู้ไหมว่าเป็นภาระขนาดไหน”
“ก็หนูเป็นเด็กบ้านนอกนี่คะไม่เคยขึ้นเครื่องบินจะมาว่ากันได้ไงล่ะ”
จู่ๆ คุณเฟยก็โน้มใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ เขาทำแบบนี้อีกแล้ว “ยะ อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้แบบนี้สิคะ”
“ไหนบอกว่าจะยั่วฉัน แค่นี้ก็กลัวแล้ว?”