EP.3 วีรินทร์ x สมุทร
เสียงนี้เธอจำได้ ไอ้คนนิสัยไม่ดี หัวโจกในห้องเรียน และเป็นคนบังคับให้ทุกคนลากพาเธอมาด้วย เขาทำแบบนี้บ่อยมาก
“ไอ้บ้านี่ แกทำของ ๆ ฉันแตกนะ”
“ถ้าชอบขนาดนั้น ซื้อใหม่ก็ได้” เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร
“ฉันไปไหนไม่ได้เลยนะ จะกลับบ้านยังไง” ร่างบางรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่เจอ ไม่อยากจะต่อสู้ให้เปลืองพลังงานกับคนที่ไม่มีจิตสำนึกดี ๆ ต่อผู้อื่น
“ก็ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวพาไปส่ง”
เขาดันปลายจมูกชิดเธอ จนหญิงสาวเบือนหน้าหนี สายตากำลังมองไปที่พื้น แต่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขนาดที่สว่าง ๆ ยังมองเป็นภาพเบลอไร้เส้นขอบใด ๆ แล้วที่มืด ๆ แบบนี้ เธอคงกลับออกจากร้านโดยเดินเหมือนคนตาบอดแหละ
“แล้วจะไปเรียนยังไง ขึ้นรถยังไง จะบ้าเหรอ”
“ขาดฉันไม่ได้แล้วสินะ”
“ฮื้อออ อยากจะร้องไห้จริง ๆ โว้ย” วีรินทร์พูดออกมาด้วยเสียงเหนื่อยเหมือนจะร้องไห้
“งี่เง่า แว่นอยู่นี่ นั่นแว่นฉันที่แตก” เมธัสรีบหยิบแว่นจริง ๆ ของเธอออกมา ส่วนอันที่หล่นแตก คือแว่นแฟชั่นราคาแพงของเขาเอง
“ฮะ!!...อ้าว...” คนที่มองไม่เห็นสีหน้าคนอื่น ก็ไม่รู้ว่าเขาแกล้งเธอ จึงได้แต่อึกอักที่ตัวเองไปว่าเพื่อนเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งเมื่อกี้ และในใจอีกหลายคำที่ไม่กล้าด่าออกเสียงออกมา
“อยากได้มั้ย”
“เอาคืนมาสิ นั่นมันชีวิตเลยนะ”
“จูบก่อน ขอดี ๆ ทำดี ๆ แล้วจะคืนให้”
“ไปจูบกับรองเท้าแกเถอะไอบ้า”
วีรินทร์โมโหจนเดินหนีแต่ก็ลืมว่ามองไม่เห็น
หมับ!
ตึง!
วีรินทร์ถูกกระชากกลับ เมธัสจับเธอขึงติดกำแพงที่เธอเคยยืนพิงเมื่อครู่ ขาแว่นในมือเมธัส เกี่ยวโดนแขนเล็ก ทำให้รู้ว่าเขาเก็บแว่นเธออยู่ตรงไหน
ก่อนจะกดปากลงที่ใบหน้าตื่นตกใจนั้นอย่างช้า ๆ
“โอ๊ย!”
เธอกัดปากเขา
“แกล้งอะไรก็ให้มีขอบเขตหน่อย เอาแว่นมา”
ร่างสูงที่มัวแต่เจ็บอยู่นั้น เผลอตัวแป๊บเดียวก็โดนฉกแว่นที่ถือไว้ในมือกลับไป
ร่างบางในชุดเด็กวัยรุ่นที่มองก็รู้เลยว่า เสื้อข้างในคือเสื้อนักศึกษาที่ถูกซ่อนไว้ด้วยแจ็กเก็ตคลุมเก๋ ๆ
“โต แล้ว ไม่รู้จักโต ไอ้พวกบ้า”
หมับ!
แรงดึงแขนนั้นทำให้ต้องวิ่งตามเลยทีเดียว
“เธอมากับฉัน” เสียงผู้ใหญ่พูดขึ้น
“พี่คือใครคะ ปล่อย ๆ ๆ ๆ”
“ฉันคือเจ้าของร้านนี้” คำตอบนั้น ทำเอาวีรินทร์สะอึกเลยทีเดียว มืออีกข้างดันแว่นเข้าที่ให้มองเห็นภาพได้ชัดเจน
“เจ้าของร้าน!? หนูทำอะไรผิดเหรอ”
“ไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แล้วพี่ลากหนูมาทำไม มันเจ็บนะ น่ากลัวด้วย” เธอบอกตามจริง
“เธอสนใจมาทำงานกับฉันมั้ย” เขาปล่อยคนที่ถูกลาก ไม่ใช่เพราะเธอบอกว่าเจ็บ แต่เพราะถึงจุดที่จะคุยได้
“ทำไรคะ”
“รับรองแขกไง”
“รับรองแขกเหรอ” วีรินทร์ทวนคำพูดของเขา และพยายามนึกตาม
“ชาวต่างชาติ เงินดีนะ”
“เหมือนพวกงาน global summit เหรอ”
วีรินทร์ เด็กศิลปศาสตร์ มักสมัครไปทำงานพิเศษตามงานประชุมนานาชาติที่บางครั้งก็รัฐ บางครั้งก็เป็นเอกชนที่จัดขึ้น โดยงานแบบนี้มักต้องการสตาฟมาดูแลแขก หรือมาช่วยรับรองแขกชาติต่าง ๆ เด็กนักศึกษาที่เรียนหรือมีความถนัดด้านภาษาต่างประเทศ มักจะสมัครไปเพราะเงินดี บางครั้งก็ดีใจที่ได้เข้างานฟรี เพราะค่าบัตรงานประชุมเหล่านี้ ราคาระดับ 40,000-100,000 บาทก็มี
“Global อะไร!? เธอรับหมดเลยเหรอ นานาชาติงี้เหรอ” สมุทรถลึงตาพูดกับเด็กตรงหน้า เธอคนนี้ไม่ธรรมดา
ร่างบางทำหน้างง มาชวนทำงาน แต่ตกใจที่เธอทำงานระดับ Global Summit มาแล้วเหรอ แสดงว่างานที่เขาว่านี้เป็นงานเล็กกว่าแน่นอน
เจ้าของร้านที่มองเห็นความช่ำชองของเด็กคนนี้ผ่านจอมอนิเตอร์
“เมื่อกี้ที่โต๊ะ เธอทำแบบนั้นโดยไม่กลัวใครเลยสินะ” เขาพูดถึงความกล้าบ้าระห่ำของหญิงสาว ถึงขนาดลงใช้ปากให้ผู้ชาย ไม่กลัวเลยว่าใครจะเห็น
คนแบบนี้แหละมืออาชีพที่ควรจ้างมาทำงาน
“กลัวทำไม สิทธิ์ของเรา” วีรินทร์ตอบอย่างมั่นใจ จะหาของสำคัญ ถ้ามัวกลัวเลอะ กลัวคนจะแซวก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ขนาดเธอไม่ใช่ประเภทยอมคน ก็ยังโดนแกล้งตลอด เพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นคนเจี๋ยมเจี้ยม เนิร์ด ๆ
“นั่นเพื่อนก็ทำให้แบบนั้นเหรอ” เขาถาม เพราะดูเหมือนเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
“หึ...หนูไม่นับว่าพวกนั้นเป็นเพื่อนหรอก แค่มาทำงาน(กลุ่ม)”
“โอ้โหแฮะ ไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นลูกค้าเหรอ”
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้นะ ไอ้พวกบ้า จ่ายแต่เงิน แรงไม่ลง อยากตัดให้ขาดก็ไม่ได้ โดนบังคับตลอด” เธอบอกเขา
“ใครบังคับเธอ”
“อาจารย์ แต่ช่างเถอะค่ะ ทำ ๆ ไปให้จบ คนเราเลือกอะไรไม่ได้หรอก” วีรินทร์รู้ว่า การเรื่องมากเรื่องทำงานกลุ่มสุดท้ายก็จะยิ่งโดนบูลลี่หนักกว่าเดิม
“ทำแบบนี้มานานยัง” เขาอยากรู้ว่าเธอชำนาญพอจะมาเป็นนางนกต่อให้เขาได้มั้ย หรือเพิ่งจบวิชาจากซ่องสักแห่งมา
แปลกอย่างหนึ่ง เธอแต่งตัวแปลก ๆ
“ก็นานแล้ว”
“นี่เธอแต่งตัวอะไร โคฟเวอร์เป็นนักศึกษา หรือเป็นจริง ๆ”
“เป็นจริงสิคะ”
“อ่อ” สมุทรเข้าใจแล้ว เด็กนี่คือนักศึกษาที่ขายบริการไปด้วย คงหาเงินเติมเต็มชีวิตสินะ ก็ดี เงินมางานเดิน
“ร้อนเงินมั้ย”
“ไม่ร้อนค่ะ”
“แล้วทำแบบนั้นกลางร้าน แถมตรงห้องน้ำก็ด้วย ทำงานเหมือนร้อนเงินนะ” เขาเห็นทั้งจากนอกจอและในจอ ฉากเลิฟซีนเร่าร้อนที่มุมมืดเมื่อกี้ยิ่งย้ำชัด เด็กคนนี้มีวิธีเรียกเป้าหมายให้ตามมาหาตัวเอง
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คนบางคนก็ชอบใช้ความรุนแรงเพื่อสนองความต้องการตัวเอง หนูหนีแค่ไหน เขาก็ตามมาอยู่ดี ไม่ทำตรงนั้นก็ไปทำที่อื่นอีก” เธอหมายถึงที่โดนแกล้งแบบนั้นมันเลือกสถานที่ไม่ได้
“มาทำงานกับฉัน ฉันอยากได้เด็กแบบเธอนี่แหละ”
“ไม่ใช่งานในร้านใช่มั้ยคะ” เธอถามเพื่อเช็กความเข้าใจว่ารับรองแขก ไม่ใช่สาวนั่งดริ้งนะ
เธอหมายถึงงานรับรองแขกจริง ๆ ที่คอยดูแลแขกที่มาร่วมงานต่าง ๆ แขกไทย แขกต่างชาติ ที่ต้องการคนช่วยดูแลให้ตลอดทั้งงาน ให้ได้รับความสะดวกสบาย โดยเฉพาะการต้องเจรจาหรือแปลภาษาต่างประเทศ เขาน่าจะถามเธอหน่อยนะว่า พูดได้กี่ภาษา
ส่วนสมุทรนั้น ไม่ได้ต้องการเด็กนั่งดริ้งธรรมดา เขาต้องการนางนกต่อที่ทำงานได้ทุกรูปแบบ
“หึหึ...รับงานหลายที่สินะ เลือกซะด้วย” เขาแอบพูดเบา ๆ ก่อนจะให้คำตอบ
“ไม่ใช่ในร้าน แต่ถ้าเธอรับงานฉัน ก็ไม่ต้องทำงานที่อื่นอีก”
“หมายถึงงานพิเศษทั้งหมดเหรอคะ ทำไมล่ะ” เธอรับจ๊อบเรื่อย ๆ เสียด้วยสิ
สมุทรสังเกตเห็นอีกฝ่าย หน้าตาตื่นเลยสินะ กลัวขาดรายได้รึเปล่าสาวน้อย ชายหนุ่มแสยะยิ้ม ปลาติดเบ็ดแล้ว
“ก็เพราะฉันเงินหนา ถ้าทำที่เดียวอย่างทุ่มเท ก็สบายแล้ว ไม่ต้องวิ่งรอกให้เหนื่อย”
“งานรับรองแขกน่ะเหรอ ก็ดีนะคะ หนูชอบงานที่ใช้ความสามารถเยอะ ๆ ได้ฝึกด้วย”
วีรินทร์นึกภาพว่าตัดงานพิเศษอะไรออกบ้าง งานแปลเป็นงานสบายสำหรับเธอ อย่างนี้งานพิเศษที่ห้องสมุดกับงานรับสอนพิเศษก็ไม่ต้องทำ ก็ดีนะ โชคดีจัง
“โอ้! มีไฟดี (ชอบฝึกด้วยแฮะ) “ สมุทรอึ้งในคำตอบของเด็กสาว
“ต้องทำไรบ้างคะ”
“ก็แค่ติดตามไปกับพวกเขาตลอดทั้งงาน คอยดูว่าเขาต้องการอะไร บริการดูแลเหมือนที่เธอทำปกติน่ะ”
“จัดงานที่ไหนคะ”
“งานเลี้ยงที่โรงแรม ถ้างานแรกผ่าน ฉันจะป้อนงานให้เธออีกเยอะ ๆ แต่เธอต้องรู้จักเอาตัวรอดนะ”
“เรื่องนั้นหนูรู้ค่ะ ก็เหมือนที่เคยทำ...” วีรินทร์รู้ว่าการเป็นล่ามในงานอีเวนต์นั้นต้องมีทักษะเอาตัวรอดสูง ทั้งการจดจำหน้าคน การรู้ภาษาเทคนิค แถมหลายครั้งผู้ใหญ่ก็คาดหวังให้ช่วยเหลือเป็นเหมือนเลขาน้อย ๆ ด้วย ก็ต้องคล่องตัวระดับหนึ่ง
“เท่าไรคะ ค่าจ้าง”
“ห้าหมื่น”
“กี่วันคะเนี่ย” ที่เคยทำอย่างมากก็สี่วัน วันละสองพันกว่าบาทเอง เธอไม่ใช่ล่ามจากสถานทูต หรือเป็นนักแปลที่มีชื่อเสียง นี่แค่เด็กศิลปศาสตร์ ปี 2 เองเด้อ
“วันเดียว แล้วพอดูแลเขาเสร็จ เธอก็มารายงานฉันทุกอย่างว่าได้ยิน ได้เห็นอะไรมาบ้าง”
“อ่อได้ค่ะ ทำเป็นรายงานมั้ยคะ” เด็กเรียนรีบถาม เงินห้าหมื่นนี่เก็บทั้งปียังไม่ถึงเลย ในหัวเธอกำลังจดจำคำสั่งทุกอย่าง บันทึกลงสมองที่มีรอยหยักเยอะมาก ๆ
“พูดเฉย ๆ ก็พอ”
“ทำไมพี่...เอ่อ คุณ นายจ้าง ถึงรู้ล่ะว่าหนูรับงานแบบนี้”
“เห็นเธอทำที่โต๊ะก็รู้แล้ว...ใจถึงดี”
“อ่อ พวกนั้นมัน...ไม่อยากพูดถึง หงุดหงิด!”
“ใช่ เธอหงุดหงิด และเธอเดินออกมา ไม่ทำลายข้าวของสักอย่าง เธอคุมอารมณ์ได้ดี”
“ค่ะ เริ่มงานเมื่อไรคะ จ่ายมัดจำด้วยนะ กลัวโดนหลอก”
“เริ่มเลย อีกสิบห้านาที แต่เธอต้องเปลี่ยนชุด ไอ้เด็กพวกนั้นรสนิยมแปลกชะมัด” เขาพิจารณาบุคลิกภายนอก แก๊งนั้นน่าจะชอบสาวเฉิ่มเหรอ เนิร์ดมาก มีอารมณ์กับเด็กเรียนอย่างนี้เหรอ
“แปลกจริงค่ะ ชอบทำอะไรแปลก ๆ ด้วย”
“ถ้ามีใครทำอันตรายเธอ เราจะมีบอดีการ์ดของร้านเข้าไปช่วยทันที โอเคมั้ย”
“เยี่ยมค่ะ”