บท
ตั้งค่า

4 ข้อมูลที่หาไม่ได้

เสียงรื้อเอกสารที่ปริ๊นออกมากองใหญ่ ค้นหนังสือเล่มหนา เล่มบาง นิตยสาร รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ดังระงมไปทั่วห้องนอนเล็ก ที่เจ้าของไม่ชอบจัดระเบียบมันสักเท่าไหร่

ยิ่งในช่วงเวลาที่เธอกำลังค้นหาบางอย่างทั้งวันทั้งคืนมาสามวันติด มันยิ่งรกเข้าไปใหญ่...

“สาบาน...” อัจฉราบ่นงึมงำให้กับข้อความที่พยายามไล่อ่าน และถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ ก่อนจะนอนแผ่หลาเอนกายลงไปบนที่นอนที่ผ้าปูยับย่น

ผ้าห่มที่กองอยู่อีกฟากของเตียง ถูกดึงมาห่มเรือนร่างที่อยู่ในชุดนอนสบายๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตั้งแต่เมื่อคืน จนตอนนี้สายแล้ว เธอก็ยังไม่ทีท่าว่าจะขยับไปอาบน้ำ

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นมา ตามด้วยเสียงมารดา ที่เหมือนจะเอาอาหารมาส่งเธอถึงหน้าห้อง เหมือนสองวันที่ผ่านมา

“จ้าแม่!!!” เธอขานรับอย่างกระตือรือร้น วิ่งไปเปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มแฉ่ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้แปรงฟันนั่นแหละ

“กะจะไม่ออกไปไหนเลยเหรอ อาบน้ำอาบท่าบ้างนะ...เหม็นหึ่งไปหมดแล้ว...” ก่อนที่คำบ่นของมารดาจะพ่นท่วมหัวท่วมหาง คนฉลาดเอาตัวรอดก็รีบฉวยหอมแก้มมารดา พร้อมรับเอาจานข้าวที่ราดกับข้าวแบบพูนๆ มาให้อย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณมากนะจ๊ะแม่จ๋า!” และเธอก็ชิงปิดประตูลง จนอรอุมา ไม่อาจบ่นต่อจนจบได้

“ลูกคนนี้นี่...” แต่กระนั้นเสียงของท่านก็ยังคงบ่นตามหลังมาให้ได้ยินพอแว่วๆ เมื่อประตูปิดลงแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอไปโกหกบิดามารดาว่า ตัวเองกำลังเตรียมอ่านหนังสือสอบข้าราชการของหน่วยงานหนึ่ง และเตรียมที่จะสมัครทำงานที่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่สำรองไว้ด้วย

พวกท่านคงไม่ยอมให้เธอ ได้ทำแบบนี้แน่!

อัจฉราจัดการรับประทานอาหารที่มารดายกขึ้นมาให้จนอิ่มหนำ ก่อนที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เพราะรู้สึกเหม็นตัวเองอย่างที่มารดาว่า...

“เป็นนักธุรกิจหรือเจ้าพ่อมาเฟียเนี่ย ทำไมถึงไม่ได้มีข้อมูลหรือประวัติส่วนตัวอะไรเลย” เธอพลิกหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษและภาษาจีนบางส่วนไปมา ในขณะที่แปลข่าวไปด้วย

เธอเป็นคนที่พอจะพูดจีนได้เล็กน้อย แต่การอ่านการเขียนถือว่าไม่ผ่านเลย ก็เลยต้องพยายามมากหน่อย เพราะคิดว่าเขาน่าจะเคยให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศบ้านเกิดตัวเองบ้าง

“เป็นลูกผสม พ่อเป็นลูกครึ่งจีน-ฝรั่งเศส ส่วนแม่เป็นคนไทย...อื้อ คนไทยเหรอ ชื่ออะไรนามสกุลอะไรก็ไม่บอก...” อัจฉราเอามือเกาหัวตัวเองแกรกใหญ่ หลายที ก่อนที่จะเขย่าหนังสือธุรกิจในจีนของบิดา ที่เธอแอบย่องไปเอามา เพราะท่านก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีนคนหนึ่ง ที่สนใจทำธุรกิจกับประเทศจีนมาเสมอ

เธอคิดว่าตัวเองพอจะได้ทราบอะไรเกี่ยวกับบรรพบุรุษของ ‘หวัง ชุน’ บ้าง เพราะตามข่าวที่กำลังดัง ใครก็เล่นประเด็นที่ว่า หวัง ชุน กอบกู้ธุรกิจที่ล้มของบิดา ให้กลับมารุ่งเรืองและรุ่งโรจน์แซงหน้าทุกโค้งไป แบบไม่มีใครฉุดอยู่

แต่เขาไม่เคยที่จะให้สัมภาษณ์ในสื่อไหน สัมมนาใดที่เธอพอจะจ่ายเงินไปเข้าร่วม ก็ไม่เคยถูกจัดขึ้นมาก่อน ทั้งๆ ที่เขาก็ประสบความสำเร็จมาหลายปีแล้ว แม้จะยังไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกเหมือนตอนนี้ก็ตาม

“เอ๊ะ...” แต่แล้ว สิ่งที่ร่วงออกมาจากหนังสือเล่มนั้น ก็ทำเอาเธอตกใจ หยิบขึ้นมาดูทันที

“เฮ้ย...นี่มันคนเดียวกับรูปที่เราเห็นในโกดังนี่” เธอรีบลุกขึ้นไปหยิบรูปภาพนั้นในลิ้นชักขึ้นมาดู เพื่อเปรียบเทียบกัน

ภาพนั้นเป็นภาพชายไร้ผม หน้ากลม ยิ้มจนตาปิด ใส่เสื้อยืดสีขาว ดูใจดีแต่ไม่น่าจะใช่นักธุรกิจอะไร...แต่ภาพผู้ชายคนเดียวกันในรูปใหม่ที่เธอเจอ ชายคนนี้อยู่ในชุดสูทเรียบโก้ แต่รอยยิ้มแล้วแววตาของเขายังเหมือนเดิมทุกประการ

‘ลื้อจะไม่มีวันแพ้ ถ้าลื้อเชื่อว่าลื้อจะชนะ-หลีอื้อชิง’

ข้อความข้างหลังภาพ ทำให้อัจฉราใจเต้นแรงขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนว่าได้รับกำลังใจก้อนใหญ่ เหมือนชายในภาพกำลังสื่อสารข้อความพวกนี้กับเธอ

ความยอมแพ้ที่เริ่มเกาะกินใจ ตั้งแต่ที่ได้พยายามตามสืบเรื่องราวของผู้ชายที่เธอคิดว่าจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ เหมือนได้รับการกะเทาะออกไป เพียงเพราะเธอได้อ่านข้อความนี้เท่านั้น

“หลีอื้อชิง?” เธอกลับไปอ่านชื่อเขาคนนั้นอีกครั้ง พร้อมยิ้มให้กับเจ้าตัวในภาพ

“ขอบคุณนะคะ คุณหลีอื้อชิง...” ขณะที่เธอบอกเขาแบบนั้น ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบทำการพิมพ์ค้นหาชื่อของเขาในระบบการค้นหาที่รวดเร็วที่สุดในอินเตอร์เน็ต

“นักธุรกิจยุคเก่าที่ทำเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์เหรอ...เหมือนป๊าเลย หรือว่าเขาจะเป็นบรรพบุรุษของป๊า” เธอก็พยายามอ่านหรือค้นหา ข้อมูลส่วนใหญ่กลับกลายเป็นภาษาจีนเป็นหลัก

“กดแปลภาษาเอาก็ได้วะ...” เธอรีบทำแบบนั้น แต่การแปลที่มั่วมาก ทำให้เธออ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะจับใจความได้ ว่าเขาเคยให้สัมภาษณ์และจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจให้กับคนในยุคนั้น

“ห้าสิบปีมาแล้วสินะ...” อัจฉราถอนหายใจออกมา ก่อนหยิบรูปภาพของเขาขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนมองไปที่ใบหน้าของนักธุรกิจลึกลับ ที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของตัวเองกับใคร

ใบหน้าคมคร้ามที่มีการผสมกันอย่างลงตัวของความเป็นฝรั่ง ปนไทย และจีน แบบไม่มีเชื้อชาติไหนโดดเด่น เหมือนมีคนตวงเชื้อชาติทุกเชื้อชาติแบบคำนวณมาอย่างดีแล้ว ก่อนที่จะประกอบร่างขึ้นมาเป็นเขา

“หรือว่าคุณหลีอื้อชิงจะเป็นบรรพบุรุษของคุณ...” เธอรีบส่ายหน้า เพราะดูจากธุรกิจที่หวัง ชุน ทำอยู่และหลีอื้อชิงเคยทำนั้น แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย

หวัง ชุน ทำธุรกิจเกี่ยวกับเวปไซต์อีคอมเมิร์ซ MaKao ที่เป็นตัวกลางในการซื้อสินค้าและธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีอื่นๆ ในเครือของของเขา ที่ทำเอาไว้อย่างหลากหลายและแทบจะ คลอบคลุมทุกเรื่อง ที่รวมเรียกว่า MK.Group

“แค่หน้าตาก็ไม่เหมือนกันแล้ว...ต่างกันอย่างลิบลับ” เธอล้มเลิกความจินตนาการนั้นของตัวเองลง พร้อมพลิกรูปของชายที่ชื่อหลีอื้อชิงไปทางด้านหลัง

ข้อความนั้นให้พลังกับเธออีกครั้ง

“หมวยจะไม่มีวันแพ้ ถ้าหมวยเชื่อว่าหมวยจะชนะ...สู้ต่อโว้ย!” เธอตะโกนออกมาดังๆ ด้วยความเชื่อมั่นและหาทุกช่องทางที่จะได้พบกับเคล็ดลับความสำเร็จของหวัง ชุน ให้ได้!

ตื๊ดดดดด...

ตื๊ดดดดดดดด...

แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรต่อ เสียงเรียกเข้าทำนองสั่นก็ดังขึ้นมาซะก่อน ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้เธอรีบกดรับในทันที

“ว่า...” เธอกรอกเสียงใสกังวานเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองลงไป

‘มีข่าวดี! ข่าวใหญ่! มาบอก!’ น้ำเสียงตื่นเต้นจากปลายสาย ทำเอาเธองงใจ แต่ก็อยากรู้มากว่ามันคือข่าวอะไรกันแน่

“ข่าวอะไร รีบพูดมาสิ!”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel