บทย่อ
คำโปรย มหาเศรษฐีหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คิดว่าถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องแต่งงานเลยเปิดรับสมัครหาเจ้าสาว...ส่วนเธอสมัครเข้ามาเพราะอยากจะแอบเรียนรู้เส้นทางรวยจากเขา เพราะอยากเป็นเจ้าสัว อารัมภบท หลังจากถูกจัดอันดับให้ขึ้นแท่นเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่รวยที่สุดในโลก จากคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการทำงานมาตลอด คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องแต่งงานมีครอบครัวกับเขาสักที การประกาศรับสมัครเจ้าสาว จึงได้เริ่มต้นขึ้น... ส่วนเธอ หญิงสาวที่มีความฝันว่าสักวันจะสานต่อกิจการของบิดาให้ร่ำรวยเหมือนบริษัทอื่นเขาบ้าง พอได้ข่าวนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกทั้งๆ ที่เริ่มต้นจากการกอบกู้กิจการของครอบครัว เธอก็เลยอยากจะมีโอกาสได้เคล็ดลับจากเขา แต่จะเป็นทางไหนล่ะ เมื่อคนอย่างเขาไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อใดๆ เลย...จนเธอได้มาเห็นว่าเขาประกาศรับสมัครหาเจ้าสาว แม้จะไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวของเขาสักเท่าไหร่ แต่มันน่าจะเป็นทางเดียวแล้ว ที่ทำให้เธอได้มีโอกาสได้พบเจอตัวเขาแบบเป็นๆ “เอาก็เอา...สมัครก็สมัครวะ แต่ไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวนะ อยากเป็นเจ้าสัว!” เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป เธอจะได้เป็นเจ้าสัวอย่างที่ตั้งใจไหม...แล้วจะสมัครผ่านหรือเปล่า ? ฝากติดตามและให้กำลังใจเธอด้วยการเข้าไปติดตามในเรื่องได้เลยค่า เทพีปรัมปรา
1 อยากมีเมียว่ะ
“อยากมีเมียว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเชิงเรียบ หลังจากเมินรายการข่าวที่พูดถึงเรื่องเก่าวนซ้ำมาร่วมเดือน แค่ต่างบริบทกันออกไป
สีหน้าเรียบขรึมของหนุ่มเชื้อชาติจีนที่ยืนรอรับฟังคำสั่งอยู่เคียงข้าง เบิกดวงตารีเล็กของตัวเองขึ้นเล็กน้อย
“ครับ?” เฉิน เฟ่ย ไม่เชื่อหูตัวเองนัก ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินคือคำว่า ‘เมีย’ หรือ ‘เพลีย’ กันแน่
“ฉันอยากมีเมีย” หวัง ชุน หนุ่มลูกผสม จีน-ฝรั่งเศสและไทย ย้ำอีกครั้ง ในขณะที่สายตาเหลือบไปมองหน้าจอ ที่นักข่าวสาวชาวไทยกำลังอ่านข่าวกระแสของตัวเอง ที่เป็นไปในทิศทางชื่นชม
“วันนี้เหรอครับ?” ผู้ช่วยคนสนิทที่เป็นเหมือนเพื่อนและญาติพี่น้อง กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงประสาซื่อ ออกไปทางติดขัด กับคำสั่งที่ออกจากปากเจ้านายมา เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต
ยิ่งอยู่ๆ ก็พูดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งดูข่าวที่พูดถึงการจัดอันดับทรัพย์สินระดับโลก แล้วผู้เป็นเจ้านายได้ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก ในรอบหลายยี่สิบปี
เขาเดาทางไม่ถูกจริงๆ ว่าผู้เป็นเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ได้เหรอ” แม้จะเห็นว่าผู้ช่วยหนุ่มคนสนิท กำลังกังขาแค่ไหน แต่คนที่ชอบทำอะไรเรียบเรื่อยมาเสมออย่างเขา ยังคงไม่เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองพูด เป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด
“เมีย...ที่หมายถึงคู่นอน หรือคนที่จะแต่งงานด้วยเหรอครับ?” เฉิน เฟ่ย พยายามตั้งสติ และถามออกไปใหม่อีกครั้ง มองตามไปยังผู้เป็นเจ้านาย ที่ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง 180 กว่าเซนติเมตร ตามมาตรฐานคนที่มีสายเลือดฝรั่งเศส
ก่อนเดินไปยังกระจกใสที่รายล้อมห้องทำงาน บนชั้น 39 ของตึก WangC ที่มองเห็นทิวทัศน์ตึกเป็นบริเวณกว้าง
สายตาคมนิ่งของหวัง ชุน ทอดมองออกไปยังความสวยงามแต่กว้างใหญ่พวกนั้น อย่างไร้ความตื่นเต้น...
“วิวสวยไหม” ความประหลาดใจจากความอยากมีเมียของผู้เป็นเจ้านาย ยังไม่ทันได้รับคำตอบที่แน่ชัด คำถามที่สองก็ตามมาติดๆ
เฉิน เฟ่ย ขมวดคิ้วเข้า...หากแต่ก็ยังยั้งมือตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เอื้อมไปเกาหัวให้มันรู้แล้วรู้รอด
“วิวตึกนี่เหรอครับ ผมว่า...ยังไม่สวยเท่าไหร่ วันนี้ไม่มีเมฆขาวลอยมาตัด แดดจ้าเกินไป” และตอบหวัง ชุนไป ตามที่ตัวเองคิดจริงๆ
“แต่ฉันว่าสวยดีนะ สวยกว่าทุกวันเลย...” น้ำเสียงขรึมเรียบเรื่อย มีประกายบางอย่างคลุ้งขึ้นมา นัยน์ตาสีเทาอมน้ำตาลของเขา ฉายความรู้สึกอบอุ่นที่เฉิน เฟ่ย ไม่ทันได้สังเกตเห็น
“เหรอครับ...” ว่าพลางทอดสายตามองไปยังวิวตึกที่เห็นอยู่ทุกวันมาตลอดหลายสิบปี ด้วยความฉงน
มันสวยกว่าทุกวันยังไง?
“ฉันอยากมีภรรยา ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป ไม่ใช่แค่คู่นอน” หวัง ชุน พูดด้วยน้ำเสียงปกติอีกครั้ง แววตาที่ฉายขึ้นเมื่อครู่ ดับมอดลงไป ราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
“ภรรยา?” หนุ่มโสดที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน และทุ่มเทชีวิตให้กับงานและเจ้านายมาตลอดอย่างเฉิน เฟ่ย รู้สึกไปไม่เป็นไม่น้อย
“ภรรยา...ระ...เหรอครับ?” เขาอึกอัก ทั้งๆ ที่ไม่เคยอึกอักในคำสั่งใดมาก่อนในชีวิต
“ใช่ มันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว” หวัง ชุน ประธานบริหารสูงสุดของ MaKao เวปไซต์อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ที่กำลังมาแรงแซงทุกโค้ง เดินกลับมายังเก้าอี้ตำแหน่งของตัวเอง ด้วยแววตาที่ไม่ได้หวั่นไหว
ไม่ได้สนใจด้วยว่า ตอนนี้ลูกน้องคนสนิทกำลังทำความเข้าใจคำสั่งของตัวเองอย่างหนักอยู่
“แล้วผมต้องทำยังไงเหรอครับ ขอโทษ...เรื่องนี้ผมจนปัญญาจริงๆ” เฉิน เฟ่ย โค้งคำนับหวัง ชุน 3 ครั้งอย่างขอลุแก่โทษ จนรายนั้นต้องค่อยๆ หัวเราะออกมา
“ลืมไป ว่านายก็ไม่เคยมีแฟน” เท่านั้นแหละ หนุ่มเชื้อจีนแท้ก็ถึงกับทำหน้าค้อนใส่เขาเป็นวงใหญ่
เฉิน เฟ่ย เป็นคนน่ารัก มีนิสัยเรียบร้อย เข้ากับคนง่าย ทีท่าของเขาไม่ได้ดูเด็ดขาด แต่ทำงานไม่เคยพลาดเลยสักงาน เก็บรายละเอียดเก่ง ขยันมุ่งมั่นและความที่ดูเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้ลูกค้าหลายรายสยบให้แก่เขา มานักต่อนักแล้ว
“เถียงไม่ได้สักคำครับ” เขาว่าอย่างจนใจ แม้ว่าตัวเองจะรู้สึกชอบพอในตัวผู้หญิงเฉกเช่นหนุ่มเต็มวัยทั่วไป แต่ก็ไม่เคยได้มีเวลาหรือโอกาสในการสานสัมพันธ์สักที
“ตามหาภรรยาที่เหมาะสมให้กับฉัน” เฉิน เฟ่ย มองหน้าหนุ่มลูกผสม ที่ถูกผสมมาราวกับตวงสัดส่วนปริมาณเชื้อชาติมาอย่างดี ด้วยความฉงนอีกรอบ
“หาที่ไหนเหรอครับ?”
“สาวไทย ฉันชอบสาวไทย”
“คะ...ครับ แล้วหายังไงเหรอครับ หมายถึงวิธีไหน?” แววตาคมสีเทาอมน้ำตาลประกายเชิงคิดตามขึ้นเล็กน้อย คิ้วเข้มที่เรียงเป็นระเบียบอยู่บนใบหน้าขาว ขยับตามเล็กน้อย
หวัง ชุน เป็นหนุ่มลูกผสมที่มีความคมบนใบหน้าที่ได้สัดส่วน เหมือนหนุ่มไทย ความสูงสง่าโดดเด่น นัยน์ตาสีเทาอมน้ำตาลและจมูกโด่งพุ่งเหมือนฝรั่ง และสุดท้ายผิวขาวเนียนเหมือนหนุ่มจีน
“ทำเหมือนตอนที่เรากำลังตามหาสินค้าที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ามาขาย...”
คำตอบของผู้เป็นเจ้านายทำให้เฉิน เฟ่ย ค่อยๆ พยักหน้า แสงสว่างที่จุดประกายขึ้นที่ดวงตา...เป็นคำตอบว่า เขาพอจะนึกออกแล้ว
“เฮ้ย ระวังกันหน่อย...ไม่ใช่ราคาบาทสองบาทนะเว้ย” หัวหน้าคนงานตะโกนบอกเหล่าลูกน้องวัยรุ่น 4-5 คน ให้ระวังขณะเคลื่อนย้ายตู้ไม้โบราณที่มีกระจกล้อมรอบ
ความใหญ่และสูงของมันทำให้การเคลื่อนย้ายเป็นไปค่อนข้างทุลักทุเล ผู้รับผิดชอบงานนี้โดยตรงก็เลยค่อนข้างเป็นกังวลไม่น้อย
“ขนไปส่งลูกค้าแถวไหนเหรอพี่ แถวนี้หรือต่างจังหวัด” เสียงกังวานใส ของลูกสาวเถ้าแก่ ที่มักจะเข้ามาสำรวจงานในโกดังหลังร้านด้วยตัวเอง ทำเอาชัชวาล ตกใจไม่น้อย
“โถ คุณหมวย...ผมตกใจหมด ทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยล่ะครับ” ว่าอย่างเคยคุ้น หากแต่ก็ถอนหายใจอย่าง โล่งอก ไปด้วย
“ตกลงไปส่งที่ไหน ต่างจังหวัดหรือแถวนี้คะ?” ถามอย่างสนใจอีกครั้ง แววตาใสเป็นประกายจับจ้องไปยังตู้ไม้สักทองขนาดใหญ่ ที่ราคาน่าจะแรงพอสมควร
“เอ่อ...ต่างจังหวัดครับ” ชัชวาลบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก จนหญิงสาวเริ่มสงสัย
“จังหวัดอะไร” พอโดนจี้เข้าไป หัวหน้าคนงานที่อยู่ในสถานะลูกน้องก็ไปไม่เป็นขึ้นมา
“เอ่อ...คือว่า...”
“อาหมวย ลื้อไปวุ่นวายอะไรอยู่ตรงนั้น” เสียงเข้มของผู้มีอำนาจสูงสุด ทำให้หมวยหรืออัจฉรา พิกุลไพศาล ต้องรีบวิ่งเข้าไปประจบบิดา เพื่อไม่ให้ถูกตำหนิ
“ก็มาช่วยตรวจงานไงป๊า วันนี้ม๊าบอกว่าป๊ามีประชุมกับผู้ถือหุ้นที่เป็นเพื่อนๆ ป๊า หมวยก็เลยถือโอกาสมาดูหน้างานที่โกดังแทนป๊าให้” สาวใบหน้ารูปไข่ ตาหยี ฉบับสาวไทยเชื้อสายจีนแท้ ผมดำขลับยิ้มจนตาปิดส่งให้ผู้เป็นบิดา แต่รายนั้นก็ยังปั้นหน้ายักษ์ใส่
“ไม่ใช่ธุระอะไรของลื้อ ไปหางานหาการทำเถอะ เรียนจบมาตั้งหลายเดือนแล้ว เมื่อไหร่จะได้งาน” พูดพร้อมเดินไปดูตู้ไม้สักทองที่ถูกนำขึ้นรถบรรทุกคันใหญ่เรียบร้อย ด้วยแววตาที่ไร้ความหมายใด
“โถป๊า หมวยเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าพ่อเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ทั้งคนเลยนะ ป๊าจะไล่หมวยให้ไปเป็นลูกน้องคนอื่นเขาทำไม” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อัจฉรา พยายามเกลี้ยกล่อมบิดา ให้ท่านยอมให้เธอมารับช่วงต่อ
แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ เมื่อได้โอกาสครั้งไหน ก็จะพยายามพูดเกลี้ยกล่อมและพิสูจน์ตัวเองให้ท่านยอมรับมาเสมอ
“หมวยรู้นะป๊า ว่าหมวยไม่ใช่ลูกชายที่เก่งกาจ แต่ หมวยก็เป็นลูกสาวที่แกร่งและถึกมากนะ ถ้าป๊ายอมสอนงาน หมวย...หมวยสัญญาเลย ว่าหมวยจะคว้าคำว่าเจ้าสัวนำหน้ามาให้ได้ กิจการของป๊าจะรุดหน้าไปไกล...ไปสู่ตลาดโลกเลยคอยดู!”
ความสดใสและไม่ย่อท้ออะไรง่ายๆ ของบุตรสาว ทำเอาแววตารีเล็กชั้นเดียวคงมั่น วูบไหวเล็กน้อย...
“อาชัช...อีกล็อตหนึ่ง ออกวันนี้ทันไหม” แต่เฉลียง พิกุลไพศาล ก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินเข้าไปสอบถามงานลูกน้องต่อ ปล่อยให้อัจฉราถึงกับต้องถอนหายใจออกมา
“แบบนี้ทุกทีเลยสินะ เป็นลูกสาวของคนจีนนี่มันยากจริงจริ๊ง!” หญิงสาวบุ่นอุบ หากแต่ก็ไม่เดินตามบิดาไป เดี๋ยวท่านจะหาว่าเธอยุ่งวุ่นวายไม่เข้าเรื่องอีก
“เอ๊ะ...” แต่ในขณะที่เธอจะเดินกลับไปยังประตูทางออกของโกดัง สายตาก็ดันสะดุดเข้าที่อะไรบางอย่างเข้าซะก่อน