ตอนที่ 7 ขอคิดดูก่อน
ลดาวัย์นอนคิดอยู่หลายสัปดาห์ กว่าจะตัดสินใจบอกนพรุจ ภาพผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา แต่ดูน่าเกรงขามในสายตาของเธอตอนนั้นผุดขึ้นมาในห้วงอารมณ์ของเธออีกครั้ง เขาเป็นผู้ชายที่เธอพยายามลืมตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาแต่เธอก็ทำไม่สำเร็จ คราแรกลดาวัลย์คิดแค่ว่ามันคงเป็นแค่ความชอบแบบที่เขาปลื้มดารากันทั่วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็ยิ่งคิดถึงผู้ชายคนนี้มากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นเพราะตอนนั้นเขามีภรรยาที่น่ารักอยู่แล้วเธอจึงไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับอิทธิพัทธ์ นอกเสียจากรอฟังข่าวคราวของเขาบ้างจากอาของเธออยู่เงียบๆ
เมื่อลดาวัลย์บอกนพรุจว่าจะลองคุยกับอิทธิพัทธ์ดูเขาจึงรีบต่อสายหาเพื่อนทันที
“มึงเอาเบอร์อ้อไป ว่างวันไหนค่อยโทรนัดคุยกันเอาเอง กูช่วยมึงได้แค่นี้แหละ ที่เหลือก็แล้วแต่ความสามารถของมึง”
“โว้ จริงดิ กูขอบใจมึงมากเพื่อน”
เสียงปลายสายมีความตื่นเต้นและรู้สึกโล่งอกอยู่ในที ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าคำตอบนั้นจะเป็นอย่างไรแต่เขาก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
เขาลืมลดาวัลย์หลานสาวของเพื่อนรักไปได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขานึกภาพเธอไม่ออกว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ที่จำได้ครั้งล่าสุดก็ทั้งอ้วนทั้งดำ แต่เขาไม่ได้สนใจในจุดนี้ถึงเธอจะหน้าตาอย่างไรก็ตามขอให้เธอยอมช่วยเหลือเขาก็พอ อิทธิพัทธ์รู้ว่าเธอชื่อลดาวัลย์ชื่อเหมือนดอกไม้ที่เขาชอบกลิ่นของมันซึ่งเขาเป็นคนนำมาปลูกไว้เอง ชายหนุ่มเดินออกมาจากบ้านแล้วหยุดยืนมองดอกลดาวัลย์สีขาวที่กำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อนๆอยู่ที่ซุ้มหน้าบ้าน จนเขาแอบเผลอคิดเล่นๆไม่ได้
‘จะสวยและหอมเหมือนดอกลดาวัลย์มั้ยนะ’
ภายในร้านกาแฟที่ใกล้กับสำนักงานของอิทธิพัทธ์และไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของลดาวัลย์มากนัก ร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวสีน้ำผึ้งกำลังนั่งจิบกาแฟอย่างใจเย็นรอหญิงสาวอยู่โต๊ะด้านนอก โดยรอบตกแต่งโทนสีขาวละมุน มีไม้ประดับไม้ดอกตกแต่งอยู่โดยรอบมองดูสบายตา
“อาอิทใช่มั้ยคะ” สาวสวยสวมชุดนักศึกษากระโปรงสั้นเหนือเข่าเข้ารูป ดูหน้าตาไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่เดินเข้ามาทักอิทธิพัทธ์
“สวัสดีครับ เอ่อคุณ…” อิทธิพัทธ์มองดูหญิงสาวรูปร่างสมส่วนเจ้าของดวงตากลมโตนัยน์ตาดำขลับตรงหน้าไม่วางตา มองไปมองมาจึงนึกขึ้นได้ แปดปีที่ไม่ได้เจอกันลดาวัลย์เปลี่ยนไปมาก เธอดูเป็นผู้ใหญ่และสวยขึ้นมาก
“อ้อไงคะ อาอิทจำไม่ได้เหรอคะ” อิทธิพัทธ์ดูหล่อและภูมิฐานมากขึ้นกว่าเดิมจากที่เธอเคยเจอครั้งล่าสุดตอนงานศพของพ่อกับแม่ ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่อายุจะเข้าใกล้วัยสี่สิบ ถ้าคนไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวคงคิดว่าเขาอายุแค่สามสิบต้นๆ
จะให้จำได้ในแวบแรกได้ยังไงล่ะ ตอนนั้นเด็กคนนี้ยังตัวดำเพราะเล่นน้ำคลองเยอะเกินไปแถมยังอ้วนอีกต่างหากไม่คิดว่าโตมาจะหน้าตาสวยละมุนขนาดนี้ แต่ถึงจะสวยอย่างไรก็ทำอะไรคนอย่างอิทธิพัทธ์ไม่ได้หรอก เขาเจอคนสวยมานักต่อนัก
“อ๋อครับ เชิญนั่งครับ อ้อสั่งอะไรก่อนมั้ย” อิทธิพัทธ์ยื่นเมนูให้กับหญิงสาว หญิงสาวจึงสั่งชามะนาวหวานน้อยมาหนึ่งแก้ว เจอกันครั้งแรกทั้งสองก็จะประหม่าหน่อยต่างคนต่างพูดน้อยลดาวัลย์จึงเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“อาอิทคุยธุระของอาอิทมาเลยค่ะ ถ้าอ้อพอจะรับได้อ้อก็จะช่วยค่ะ” อิทธิพัทธ์ไม่อ้อมค้อม จึงอธิบายทุกอย่างให้ลดาวัลย์ฟังทั้งหมด
“อ้อแค่แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับอา แต่เราจะไม่เกี่ยวข้องกันในทางพฤตินัย อาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอ้อทุกอย่าง และอ้ออยากเลิกกับอาตอนไหนก็ย่อมได้”
‘ถ้าจดทะเบียนสมรสเขาก็ไม่เรียกว่าแค่แล้วค่ะคุณอา’
“แค่นี้เหรอคะ”
“อ้ออยากจะได้อะไรอาหาให้ได้หมดทุกอย่าง อยู่บ้านเฉยๆก็ได้ แต่ถ้าจะเลิกกับอาจริงๆขอให้ผ่านหกเดือนไปก่อน เพราะถ้าเร็วเกินไปอากลัวว่าคุณพ่อกับคุณย่าจะสงสัย”
หกเดือนก็พอช่วยได้เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย ส่วนคำว่าอยากเลิกตอนไหนก็เลิกเธอไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัว เพราะถ้าเธอตัดสินใจแต่งงานกับเขานั่นก็แสดงว่ามันมาจากหัวใจไม่ใช่เพราะมาจากคำสั่งของใคร
ตลอดเวลาหลายปีที่เธอได้เจอและรู้จักผู้ชายคนนี้ เธอชอบในความมีน้ำใจดูเป็นสุภาพบุรุษและดูอบอุ่นในตัวเขาจนกลายเป็นแอบปลื้มผู้ชายคนนี้อยู่แบบเงียบๆ บ่อยครั้งที่เธอประหม่าเกินไปยามได้เห็นหน้าเขาเธอต้องพาตัวเองออกจากตรงนั้นเพราะเกรงว่าเขาจะอ่านแววตาใสซื่อของเด็กอย่างเธอออก เธอคงแปลกกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่มาแอบชอบผู้ชายที่แก่กว่าตัวเองเกือบยี่สิบปี
ลดาวัลย์พยายามที่จะหักห้ามใจตั้งแต่เธอเริ่มเรียนมัธยมปลายที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าเขา แต่ยิ่งห่างกันเท่าไหร่ภาพของเขาที่อยู่ในห้วงคำนึงของเธอมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มาเริ่มทำใจยอมรับได้บ้างตอนที่เขาแต่งงานมีครอบครัวตอนเธออายุสิบหกปีแต่มันก็ยังรู้สึกหน่วงนิดๆทรมานหน่อยๆ ใครบอกว่าการแอบชอบใครสักคนแล้วไม่เจ็บนี่ลดาวัลย์ขอเถียงขาดใจ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกชอบใครไม่ได้สักทีทั้งที่มีคนเข้ามาจีบเธอมากมาย เธอก็ยังไม่สามารถคบใครจนไปถึงขั้นเป็นแฟนได้แม้แต่คนเดียว
ตอนนี้มันคงเป็นโอกาสที่เธอจะได้เรียนรู้ตัวตนของเขาอย่างจริงจังสักที ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเธอก็จะไม่เสียใจ และการแต่งงานครั้งนี้เธอเองไม่ได้ดิ้นรนไปหาเขา แต่มันเกิดจากความเห็นดีเห็นงามจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย ทุกคนคงไม่แปลกใจถ้าเธอจะตัดสินใจแบบนี้ อย่างมากก็คงคิดว่าเธอเป็นคนมีน้ำใจหรือไม่ก็สงสารเพื่อนของอาตัวเองก็แค่นั้น
“อาทำให้อ้อลำบากใจมากใช่มั้ย” นพรุจเคยบอกว่าอิทธิพัทธ์ไม่ใช่ผู้ชายที่จะเลือกใครสุ่มสี่สุ่มห้ามาแต่งงานด้วยครั้งนี้เขาก็คงลำบากจริงๆถึงได้กล้ามาขอร้องให้เธอช่วย
“ถ้าอ้อพอจะช่วยอาอิทได้บ้าง อ้อก็จะทำค่ะ แต่อ้อขอให้คำตอบหลังสอบเสร็จได้มั้ยคะ” คำตอบเธอมีในใจอยู่แล้วแต่อยากให้แน่ใจขึ้นอีกก็แค่นั้น และที่มาวันนี้ก็เพียงแค่อยากเจอหน้าเขาหลังจากที่เฝ้าทนคิดถึงมานานหลายปี จนถึงตอนนี้หัวใจเธอก็ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจถ้าเขามีโอกาสได้จับมือเธอก็จะรู้ว่ามีเหงื่อออกมากแค่ไหน ดีที่เธอปัดแก้มมาอ่อนๆไม่อย่างงั้นเขาคงเห็นว่าหน้าเธอเห่อแดงขึ้นมาอย่างแน่นอน