ตอนที่ 8 คิดดีแล้ว
หลังจากคุยกันเรียบร้อยอิทธิพัทธ์ชวนเธอไปทานอาหารเย็นต่อเพื่อให้ทั้งสองได้คุ้นเคยกันมากขึ้น ดูจากการพูดจาลดาวัลย์ก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าใจอะไรยาก ถ้าเธอยอมแต่งงานกับเขา เธอก็คงไม่ใช่ผู้หญิงประเภทงี่เง่าเอาแต่ใจมากนัก
“วันนี้ดูคุณอิทผ่อนคลายขึ้นนะคะ” ป้าน้อยมองดูอิทธิพัทธ์แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยนขณะที่เขาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เมื่อคืนเขากลับมาโดยไม่ได้ทานข้าวเย็นที่บ้านและตื่นมาในตอนเช้าด้วยหน้าตาที่สดใสขึ้น หลายวันก่อนใบหน้าของเขาหมองคล้ำเอาแต่ขมวดคิ้วเข้าหากันตลอด
“นิดนึงครับป้า แต่ก็ยังต้องลุ้นอยู่ดี” อิทธิพัทธ์นึกถึงใบหน้าสวยหวานคำพูดของหญิงสาวที่อายุร่นราวคราวหลานจะว่าอย่างงั้นก็ไม่ได้เพราะลดาวัลย์อายุเท่ากับปารเมศน้องชายต่างมารดาของเขาและยังเรียนที่เดียวกันอีก เธอทำให้เขารู้สึกวูบวาบได้อย่างที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำได้ในตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะเจอกันครั้งแรกก็เป็นได้ เพราะคนหน้าตาสวยเขาก็เห็นอยู่เกลื่อนไปหมด
“มีข่าวดีเหรอคะ”
“ไม่เชิงหรอกครับป้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย”
“ป้ารู้จักมั้ยคะคุณอิท” ป้าน้อยรู้ทันทีว่าเขาหมายความถึงอะไร
“ป้ายังไม่เคยเห็นหน้าครับแต่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล”
“ชักอยากจะรู้จักแล้วสิคะ” ป้าน้อยรู้สึกตื่นเต้นกับเจ้านายคนใหม่ทั้งๆที่รู้ว่าทุกอย่างเป็นแค่การแสดง ใจจริงเธอก็อยากมีนายหญิงของบ้านแม้อิทธิพัทธ์จะไม่ยินดีก็ตาม ชีวิตเขาทำแต่งานเกินไป กลับถึงบ้านก็ทำงานต่อจนดึกดื่น เสาร์อาทิตย์ไม่เคยหยุดพักเหมือนทำงานเพื่อให้ลืมใครสักคน จนทุกวันนี้เขาแทบจะไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับผู้หญิงคนไหนเลย
“รอให้เขาตอบกลับมาก่อนนะครับ ถ้าเธอตกลงยังไงป้าก็ได้เจอแน่นอน” อิทธิพัทธ์ก็อยากให้เธอตกลงเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดหาใครอีก แต่ก็ไม่อยากกดดันเธอเกินไปเพราะเขาเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้ตอบตกลงแต่งงานกับใครง่ายๆ ขณะที่เขาเดินออกมานอกบ้านก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเผลอมองดอกลดาวัลย์อีก
‘ขอให้หอมเหมือนดอกลดาวัลย์ทีเถอะนะ’
ทั้งที่ไม่ได้คิดจริงจังกับเธอแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้แอบภาวนาอยู่ในใจแบบนั้น
ภายในบ้านทรงไทยประยุกต์ทุกคนต่างกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
“อ้อ คิดดีแล้วเหรอลูก” ย่าชมเอ่ยถามเมื่อรู้ว่าหลานสาวตกลงจะแต่งงานกับเพื่อนของลูกชาย ด้วยความเป็นห่วงหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตลอดตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอจากไปพร้อมกัน ย่าชมรักและห่วงใยยิ่งกว่าลูกในไส้ เธอเติบโตมาอย่างสวยงามแต่ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดและเป็นเด็กไม่ติดเที่ยว จึงยังไม่ประสากับเรื่องผู้ชายนัก จะมีที่เคยพามาบ้านสักหนก็แค่เพื่อนสนิทคนเดียวเท่านั้น
“ค่ะคุณย่า” ลดาวัลย์พึ่งตอบตกลงอิทธิพัทธ์ไปหลังจากเธอสอบปลายภาคของเทอมสุดท้ายเสร็จ
“ปู่ว่าเขาก็ดูนิสัยดี น่าจะดูแลหลานปู่ได้ดี” ถวัลย์ผู้เป็นปู่มองอิทธิพัทธ์จากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน และพอดูออกว่าเขาเป็นคนดีในระดับหนึ่ง ติดที่วัยค่อนข้างห่างกันเกินไป
“ไม่ได้จริงจังขนาดนั้นหรอกครับคุณพ่อคุณแม่” นพรุจเกรงว่าทุกคนจะอินกับงานแต่งครั้งนี้จนเกินไปจึงเอ่ยขัดขึ้นมา
“แม่รู้ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี แต่งแล้วก็จะต้องย้ายไปอยู่กับพ่ออิทเขา แม่ก็คงคิดถึงอ้อมาก” อิทธิพัทธ์คุ้นเคยกับครอบครัวนี้มานานไม่อย่างงั้นปู่กับย่าเธอคงไม่ยอมเป็นแน่
“พี่อ้อจะมีครอบครัวแล้วเหรอคะ” นาราลูกสาววัยสิบห้าของนพรุจเอ่ยถามพี่สาวที่เหมือนเป็นพี่แท้ๆของเธอ
“อือ ฮึ” ลดาวัลย์พยักหน้าตอบนารา ผู้เป็นน้องทำหน้าตาเหงาๆ แต่ดีหน่อยที่ตอนนี้เธอเริ่มโตเป็นสาวแล้วไม่ค่อยติดพี่เท่าไหร่ไม่อย่างงั้นก็คงมีงอแงบ้าง นารารู้ว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่จึงไม่ซักถามต่อให้มากความ
“อ้อจะให้อาอิทพามาเยี่ยมบ้านเราบ่อยๆนะคะ”
“แล้วอ้อจะไปลองชุดวันไหน”
“ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้นเลยค่ะ แต่อาอิทให้คุณย่าบงกชไปหาฤกษ์รอไว้แล้วค่ะ” ฤกษ์แต่งงานถึงจะรีบแต่งแค่ไหนแต่ลดาวัลย์ก็บอกกับอิทธิพัทธ์ว่าให้จัดขึ้นหลังจากที่เธอพ้นจากการเป็นนักศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยก่อนซึ่งเขาเองก็รับปาก แค่เธอตอบตกลงเขาก็ดีใจมากแล้ว
ภายในบ้านรัตนโสภา ทุกคนต่างมีความยินดีที่คนที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้คือคนที่รู้จักกันดี บงกชไม่ต้องวิ่งหาให้เมื่อยอีกต่อไป
“แม่ตื่นเต้นอยากเห็นหน้าหลานสะใภ้เต็มที” บงกชบอกกับทุกคนขณะที่นั่งรวมกันอยู่ภายในบ้านใหญ่
“ใครเหรอครับคุณย่า” ปารเมศเกิดความสงสัยว่าทำไมพี่ชายหาได้เร็วจังแต่อิทธิพัทธ์ก็ไม่ยอมบอกว่าใคร ยังไงทุกคนก็ต้องรอเพราะรอบนี้เขายอมแต่งงานให้ก็บุญโขแล้ว
“สวยมั้ยคะคุณย่า สาวหรือแก่” ปรางทิพย์หลานคนเล็กของบ้านถามขึ้นอย่างตื่นเต้น ทุกคนต่างลุ้นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร หน้าตาท่าทางเป็นแบบไหน อิทธิพัทธ์ถึงยอมที่จะแต่งงานด้วย
“นั่นน่ะสิ ย่าก็ไม่ได้ถามพี่อิทด้วยสิ”
“ชอบให้ลุ้นอีกละ”
“เถอะน่า รออีกไม่กี่วันตาอิทก็จะพามาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักแล้วน่า”
วิมลกับอรรถได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้ม รู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากที่ทุกคนได้รู้ข่าวดีจากอิทธิพัทธ์ ถึงอรรถจะยังไม่วางใจว่าการแต่งงานในครั้งนี้จะไม่มีลับลมคมในก็ตาม
ในวันที่ไปลองชุดแต่งงานกลายเป็นว่าลดาวัลย์ต้องเป็นฝ่ายจัดแจงเลือกชุดเองทุกอย่างแม้กระทั่งของอิทธิพัทธ์ด้วย
“อาแล้วแต่อ้อเลยนะ จะเอาแบบไหนก็ได้อาไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไหร่” ไม่สันทัดก็ควรออกความเห็นบ้างเพราะเธอเองก็ไม่เคยเหมือนกัน เธอเริ่มมองเห็นอนาคตของตัวเองขึ้นมาลางๆ ว่าเขาอาจจะไม่ได้มาใส่ใจชีวิตเธอหลังแต่งงานมากนัก แต่เธอก็ไม่หวั่นถ้าอย่างนั้นก็จัดตามใจเธอทุกอย่างแล้วกัน
“เอาสี่ชุดนี้ค่ะ” ลองกันอยู่นานในที่สุดเธอก็ได้ชุดที่ถูกใจสักที รู้อยู่ว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเพราะเหตุผลอะไรเพราะฉะนั้นเธอก็จะไม่เรียกร้องอะไรจากเขาซึ่งอิทธิพัทธ์ก็ตามใจเธอทุกอย่าง ยกเว้นเขาต้องเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด
“วันนี้อ้อว่างทั้งวันใช่มั้ย” อิทธิพัทธ์เอ่ยถามหลังจากขับรถออกมาจากร้านที่ไปลองชุด
“ใช่ค่ะ อาอิทมีอะไรหรือเปล่าคะ”