ตอนที่ 6 มีเรื่องให้ช่วย
คืนนั้นทั้งสองขึ้นบ้านนอนตอนไหนไม่ได้ดูเวลา อิทธิพัทธ์รู้เพียงว่าตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอเพื่อนแล้วเพราะต้องไปดูสวนแต่เช้า มีเพียงกับข้าวที่ธันยารัตน์ทำมาให้ในตอนเช้า แช่ไว้ในตู้เย็นแล้วก็มีข้อความจากเพื่อนทิ้งไว้
‘กับข้าวอยู่ในตู้เย็น อุ่นกินเองนะ ส่วนข้าวหุงไว้ให้แล้ว กลับตอนไหนบอกด้วย ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวกูช่วยมึงหาอีกที ขับรถดีๆล่ะ” ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ นพรุจมีครอบครัวที่น่าอิจฉา ลูกก็น่ารัก เมียก็เอาใจสารพัด ช่วยกันทำมาหากินขยันทั้งคู่ น้อยมากที่จะได้ยินข่าวว่าทะเลาะกัน
“พี่อิทมีปัญหาอะไรเหรอพี่” ธันยารัตน์เอ่ยถามสามีเมื่อทั้งสองนั่งพักเหนื่อยอยู่ใต้ต้นชมพู่
“หาเมียไม่ได้” นพรุจบอกกับภรรยาแล้วก็อดขำไม่ได้ ทั้งตลกทั้งสงสาร
“หือ??”
“หาเมียช่วยมันหน่อยดิ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” นพรุจบอกภรรยาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่ก็บ้า ใครจะไปหาได้ หาแฟนก็ว่ายากแล้ว นี่หาเมียนะพี่”
“พี่ก็คิดไม่ออกว่ะ ว่าจะแนะนำใครที่มันพอรู้จัก”
“แล้วพี่อิทลืมพี่ขวัญได้แล้วเหรอคะ” ธันยารัตน์รู้ดีว่าตอนที่อิทธิพัทธ์เลิกกับเมียคนแรกนั้นอาการหนักหนาแค่ไหน
“ยัง มันแค่จะหามาเพื่อหลอกคุณย่าของมันเฉยๆ”
“อ้าวเวรกรรม แล้วใครจะไปยอมแต่งด้วยล่ะคะ น่าสงสารนะคะหาเมียตอนแก่”
“อือ พี่ก็ไม่รู้จะหาจากที่ไหนเหมือนกัน ดูท่ามันคงพึ่งได้นอนเต็มที่ก็เมื่อคืนนี่แหละ ธันย์ไม่พอรู้จักใครบ้างเหรอลูกคนงานเราก็ได้ที่พอไปวัดไปวาได้น่ะ มีบ้างมั้ย”
นพรุจสังเกตเพื่อนว่าคงเครียดมาหลายวันก็เลยตื่นสาย ปกติอิทธิพัทธ์ถึงเมาแค่ไหนก็ตื่นเช้า แต่นี่เขาออกมาสวนแปดโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ตื่น ธันยารัตน์ยังไม่ทันได้ตอบเสียงเล็กหวานก็ตะโกนเรียกอาทั้งสองพอดี
“อารุจอาธันย์อยู่ไหนค้า” ทั้งสองหันขวับมองหน้ากันแล้วทำตาโตโดยไม่ได้นัดหมาย
“ยัยอ้อ!” ทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกันนัยน์ตาเป็นประกายฉายแววมีความหวังอยู่ในนั้น
“อยู่ทางนี้จ้า” ธันยารัตน์ลุกขึ้นโบกมือให้หลานสาว วันนี้เธอลืมไปเลยว่าเป็นวันเสาร์หลานสาวจะต้องกลับบ้านที่ราชบุรี
นพรุจจึงแยกย้ายไปทำงานปล่อยให้อาหลานเม้าท์มอยกันไปตามประสาผู้หญิงที่ได้เจอกันเพียงสัปดาห์ละครั้ง ในหัวนพรุจตอนนี้กำลังกังวลเรื่องลดาวัลย์
ทีแรกนพรุจก็ดีใจที่พอจะหาคนมาแต่งงานให้กับเพื่อนรักได้ แต่อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงหลานสาวไม่ได้ ถึงลดาวัลย์จะเป็นคนสบายๆ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนเด็กสมัยใหม่อย่างลดาวัลย์จะยอมรับมันได้หรือเปล่า แต่ถ้าเขาขอร้องเธอ เธอก็อาจจะยอมเพราะทั้งลดาวัลย์และอิทธิพัทธ์ก็เคยเจอกันอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
แต่ตอนนั้นดูท่าทางลดาวัลย์ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้อิทธิพัทธ์สักเท่าไหร่ ด้วยบุคลิกที่ไม่ค่อยพูดใบหน้าหน้าคมเข้มและสายตาดุของเขา ทำให้ลดาวัลย์เข้ามาทักทายแล้วก็หาเรื่องออกไปเล่นบ้านเพื่อน
“พี่รุจคิดว่ายังไงคะ” ธันยารัตน์เอ่ยถามสามีขณะที่ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน ถึงเธอจะคิดว่าลดาวัลย์เหมาะสมกับอิทธิพัทธ์มากแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของหลานสาวเพราะตัวเองก็เป็นแค่เพียงอาสะใภ้ แม้ลดาวัลย์จะสนิทกับธันยารัตน์เหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆก็เถอะ
“พี่จะลองคุยกับอ้อดูก่อน” นพรุจรู้สึกลังเลและสงสารทั้งสองฝ่าย จะช่วยก็สงสารหลานถ้าไม่ช่วยก็สงสารเพื่อน
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าอ้อตัดสินใจแล้วพ่อกับแม่ก็ไม่มีปัญหา” ธันยารัตน์เกรงใจพ่อกับแม่สามีเพราะท่านเป็นคนเลี้ยงดูลดาวัลย์มาตั้งแต่เด็กจะมาตัดสินใจเรื่องใหญ่แบบนี้แทนท่านทั้งสองก็คงจะดูไม่เหมาะไม่ควร
ภายในรั้วบ้านทรงไทยประยุกต์ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบง่ายและดูอบอุ่น ใต้ถุนยกสูงเล็กน้อย บริเวณบ้านกว้างขวางมีรั้วกั้นโดยรอบ นพรุจหาโอกาสที่จะคุยกับหลานสาวเพียงลำพัง เขานั่งอยู่ที่ซุ้มดอกสะบันงาที่ถูกตัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ตรงด้านหน้าทางเข้าประตูรั้วบ้าน
“อ้อ” นพรุจกวักมือเรียกหลานสาวที่พึ่งเดินลงมาจากบันไดบ้านที่มีเพียงไม่กี่ขั้น
“อารุจมีธุระอะไรแต่เช้าเหรอคะ”
“อามีเรื่องจะให้อ้อช่วย” หน้าตานพรุจดูจริงจังมากจนหลานสาวรู้สึกแปลกใจ ปกติครอบครัวนี้มีแต่เรื่องสนุกสนานไม่ค่อยจะมีเรื่องเครียดกันเท่าไหร่
ลดาวัลย์นั่งลงม้านั่งฝั่งตรงข้ามกับอาหนุ่มแล้วนพรุจก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหลานสาวฟัง เธอไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับอิทธิพัทธ์ได้ ในวัยเด็กเธอมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นและดูดีมากเวลาเจอหน้าเขาทีไรเธอรู้สึกประหม่าและใจเต้นแรงทุกที แต่หลังจากลดาวัลย์เข้าเรียนชั้นมัธยมปลายเธอก็ไม่ค่อยได้เจอกับเขาอีกเลย
อาจจะด้วยเวลาที่ไม่ตรงกันหรือเพราะอิทธิพัทธ์มีครอบครัวแล้วก็เป็นได้ แต่เขาก็มาหานพรุจอยู่บ่อยครั้งแต่เธอก็ติดเรียนตลอด มารู้เรื่องว่าเขากำลังหาผู้หญิงไปแต่งงานด้วยเวลาก็ผ่านไปตั้งแปดปีแล้ว
“เพื่อนอาคนนี้มันนิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษ อ้อช่วยมันแค่ปีเดียวก็ได้ อ้ออยากได้อะไรก็บอกมันและไม่ต้องห่วงเรื่องอย่างว่าเลย มันไม่มีทางล่วงเกินอ้อเด็ดขาด”
ถ้าเธอช่วยถึงหนึ่งปีมันก็ใช้คำว่าแค่ไม่ได้หรอกเพราะยังไงเธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าเคยมีสามีมาแล้วอยู่ดี เรื่องข้าวของเครื่องใช้เธอไม่ต้องการหรอกเพราะพ่อกับแม่และอาทั้งสองได้สร้างรากฐานไว้ให้หมดแล้ว ขอแค่เธอเรียนจบแล้วมาสานต่อแค่นี้ชีวิตก็ไม่ได้ลำบากอะไร
ลดาวัลย์ยังไม่ได้ให้คำตอบอาหนุ่มในตอนนั้น เพราะการตัดสินใจครั้งนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอมาก ถึงแม้นพรุจจะการันตีความดีของอิทธิพัทธ์มากแค่ไหน แต่นพรุจก็ไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกับเขาแบบจริงจังอยู่ดี ทุกอย่างเธอต้องเรียนรู้จากเขาใหม่ทั้งหมด