ตอนที่ 5 เดือดร้อนพ่อ
“แต่ขวัญก็ทำให้มึงเห็นแล้วนี่ว่ามึงไม่ได้สำคัญอะไรกับเธอ” หลังจากที่ขวัญตาขอหย่ากับอิทธิพัทธ์เขาพยายามง้อทุกวิถีทางแต่เธอก็ยังยืนยันที่จะไป ต่อมาไม่ถึงสองเดือนอิทธิพัทธ์ก็ยอมไปเซ็นใบหย่าให้ซึ่งในวันนั้นเธอพาคนรักใหม่มาด้วย อิทธิพัทธ์จึงเป็นฝ่ายรอขวัญตาอยู่แบบเงียบๆ
“ช่างมันเถอะอย่าพูดถึงมันเลย ยังไงกูก็ยังไม่พร้อมที่จะมีคนใหม่อยู่ดี แล้วมึงมีคนรู้จักมาแนะนำให้กูมั้ยล่ะ กูขอคนที่คุยรู้เรื่องก็พอ แต่งไปให้มันจบๆ อยากได้อะไรกูหาให้ได้หมดขอแค่อย่ามาวุ่นวายอะไรกับชีวิตกูก็พอ แล้วก็ไม่ต้องมีสัญยงสัญญาอะไรทั้งนั้น อยากหย่ากับกูตอนไหนก็ได้ กูขอแค่นี้”
อิทธิพัทธ์พูดตัดบทเพื่อนเมื่อถูกพูดแทงใจดำและหมดปัญญาที่จะสรรหาผู้หญิงมาเป็นภรรยาตัวเองได้ ในบรรดาผู้จัดการสาขาส่วนใหญ่ก็มีลูกมีครอบครัวกันหมด อีกอย่างก็ไม่มีใครเข้าตาเขาสักคน
“มึงก็พูดง่ายเกินไปกูจะไปหาใครมาให้มึง” นพรุจสงสารเพื่อนจับใจแต่เขาก็จนปัญญา ถ้าเป็นสมัยเรียนก็ว่าไปอย่างสาวๆมีเยอะเต็มไปหมด เขารู้ดีว่าถ้าเพื่อนโดนบังคับแต่งงานมีหวังหลังแต่งงานไม่กลับไปนอนบ้านเป็นแน่ เพราะที่ไหนอยู่แล้วอึดอัดมากๆ คนอย่างอิทธิพัทธ์ไม่มีทางอยู่ด้วยแน่นอน ที่ซุกหัวนอนอาจจะเป็นสำนักงานของเขาหรือไม่ก็ร้านขายวัสดุก่อสร้างสาขาใดสาขาหนึ่ง เพราะในแต่ละสาขาจะมีห้องพักให้สำหรับเขาอยู่แล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นบ้านนพรุจเอง ที่เขาเคยมาค้างตอนที่หย่ากับภรรยาใหม่ๆ
“พี่อิท สวัสดีค่ะ” ธันยารัตน์พนมไหว้เพื่อนแฟนหลังจากกลับขึ้นมาจากสวน มาคราวนี้เธอดูอวบขึ้นเล็กน้อยตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นแถมยังมีลูกอีกหนึ่งคน
“หวัดดีครับ” อิทธิพัทธ์รับไหว้และยิ้มอ่อนให้ธันยารัตน์ที่เปรียบเหมือนเพื่อนรุ่นน้องของเขาอีกคน
“สบายดีนะคะ” ธันยารัตน์เอียงคอมองเพื่อนสามีอย่างล้อเลียน
“ตัวสบายแต่ใจไม่” นพรุจพูดดักขึ้นมาก่อนที่เพื่อนจะตอบ ธันยารัตน์มองหน้าอิทธิพัทธ์เห็นแววตาหงอยๆ
“มีเรื่องกันเหรอคะ” ทั้งสองไม่พูดอะไรแต่นพรุจพยักเพยิดหน้าให้ภรรยารับรู้
“ธันย์ไปทำกับแกล้มให้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะโทรไปบอกแม่ก่อนว่าไม่ต้องทำกับข้าวตอนเย็น เดี๋ยวธันย์ทำเข้าไปจะได้เผื่อพี่อิทด้วย” ธันยารัตน์บอกกับทั้งสองก่อนจะเดินไปเปิดไฟซุ้มให้แล้วเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อทำกับข้าว
ปกติกับข้าวตอนเย็นแม่สามีจะเป็นคนทำไว้ให้เพราะทั้งสองทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ปู่กับย่าถึงอายุจะอยู่ในวัยเลยหกสิบไปแล้วแต่สุขภาพก็ยังแข็งแรงมาก ส่วนลดาวัลย์หลานสาวคนโตจะกลับบ้านทุกๆวันหยุด บางครั้งถ้ามีงานในสวนที่เร่งรีบมากๆทั้งสองก็จะค้างที่บ้านสวนเป็นประจำ
หลังจากพ่อกับแม่ของลดาวัลย์เสียไปอาทั้งสองก็ลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำสวนสืบต่อจากพ่อแม่ของเธอครอบครัวของนพรุจจึงย้ายเข้ามาอยู่บ้านของลดาวัลย์ เพราะนพรุจต้องดูแลพ่อกับแม่ขณะที่ลดาวัลย์ไปเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก
ลดาวัลย์เรียนอยู่ปีสี่อีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่ชายของนพรุจ อาศัยอยู่กับอาทั้งสองและปู่กับย่า พ่อกับแม่จากไปตั้งแต่อายุสิบห้าปีด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่ขับรถขนผักและผลไม้เข้าไปขายส่งที่ตลาดในกรุงเทพฯ
แต่ก่อนพ่อกับแม่ของลดาวัลย์มักจะไปส่งผลผลิตเอง แต่ทุกวันนี้อาทั้งสองเลือกที่จะให้พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาเหมาที่สวนเองเลย หรือไม่อย่างนั้นก็ส่งแค่ตลาดในตัวเมืองและจังหวัดข้างเคียง บางครั้งใครอยากทานสดหน้าสวนก็ย่อมซื้อหาได้เช่นกัน
“กูเครียดแทนมึงเลยว่ะ กูขอไปนอนปรึกษาเมียก่อนนะ เผื่อเขาจะรู้จักผู้หญิงมากกว่ากู” นพรุจเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่เรื่องผู้หญิงเขาไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่เพราะงานสวนในส่วนของเขาส่วนมากคนงานก็เป็นผู้ชายจึงต้องอาศัยให้ภรรยาช่วย การแต่งงานในวัยนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องผิวเผินด้วยสิ ไม่ใช่เห็นแค่ว่าหล่อสวยก็จะแต่งกันได้เลย แต่เพื่อนก็ยังไม่อยากจะจริงจังกับใครแล้วเขาจะไปหาผู้หญิงคนนั้นจากที่ไหนล่ะ
“อือ ขอแค่คนๆนั้นกูพอรู้จักบ้างก็ยังดี” อิทธิพัทธ์พูดอย่างคนหมดหวัง ธันยารัตน์ยกกับแกล้มมาให้แล้วก็ไปทำงานบ้านรอสามีต่อสักพัก
“คืนนี้มึงนอนนี่แหละ ไม่ต้องขับรถกลับบ้านหรอก” นพรุจเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นว่าอิทธิพัทธ์เริ่มมีอาการมึนเมา
“ไม่เป็นไร กูขับได้” ความรั้นของเขาก็ไม่ค่อยแพ้ใครเหมือนกัน
“ตลอดล่ะมึงอะ เดี๋ยวกูนั่งดื่มเป็นเพื่อนมึงด้วย” นานๆทีได้เจอกันแถมเพื่อนมีปัญหาอีก นพรุจจึงใช้ไม้นี้เพื่อให้เพื่อนไม่ต้องขับรถกลับเอง
“ธันย์กลับก่อนพี่เลยนะ คืนนี้พี่จะนอนเป็นเพื่อนไอ้อิทมัน”
“จ้ะพี่ งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวคนที่บ้านโน้นรอ”