ไม่เคยขัดข้อง
คราแรกที่เขาบอกนางว่าจะรับอนุเข้าจวนเรื่องนี้นางไม่เคยขัดข้อง มิหนำซ้ำยังยินดีที่เขามีสตรีเคียงข้างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง แล้วเหตุไฉนตอนนี้นางกลับไม่ได้รู้สึกยินดีเหมือนวันวาน เขาไม่ได้รักนางจริง ๆ หรือ ยิ่งคิดยิ่งพาลทำให้สับสัน
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เหตุใดใจเขาถึงได้เปลี่ยนผันรวดเร็วถึงเพียงนี้
สาวใช้รีบคาบข่าวมาบอกจ้าวซูลี่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนใหญ่ ใบหน้างามสะคราญยิ้มกว้างขึ้นทันใด เมื่อคิดว่าเจียหรงรู้สึกเช่นไรที่ถูกบุรุษที่ตัวเองรักเอ่ยวาจาเช่นนั้นให้นางได้ยิน
"ท่านโหวพูดแบบนี้จริงหรือ"
"จริงเจ้าค่ะ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างได้ยินกันหมด"
"แล้วสีหน้าของสตรีแซ่เจียล่ะ นางคงไม่กล้าออกมาสู้หน้าใครแล้วกระมัง ช่างสะใจนัก!"
"เห็นว่านางมีอาการตกใจจนหน้าซีดเผือด อุตส่าห์หมั้นหมายกับท่านโหวมาตั้งนาน แต่ใจของท่านโหวกลับมีแต่ท่านผู้เดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งสะใจนะเจ้าคะ"
"คนอย่างนางน่ะหรือจะเทียบเคียงข้าได้ รอดูต่อไปเถิดว่าข้าจะทำอะไรนาง" บอกด้วยน้ำเสียงมาดร้าย
"อ้อ บ่าวมีอีกเรื่องที่ต้องรายงานท่าน"
"ว่ามา"
"ท่านโหวบอกว่าอีกสองวันข้างหน้าจะมาค้างที่เรือนเจ้าค่ะ"
"งั้นรึ ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องไปเลือกอาภรณ์สวย ๆ สักสองสามชุดแล้วกระมัง ท่านโหวจะได้มาหาข้าบ่อย ๆ ว่าแต่เขาจะไปหาสตรีผู้นั้นด้วยรึไม่" ท่ายประโยคมิวายหันมาถามสาวใช้เสียงเขียว
"จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร นอกจากท่านโหวจะไม่ไปเหยียบที่เรือนฝั่งตะวันออกแล้ว ยังบอกอีกว่าไม่ให้นางเจ้ากี้เจ้าการ บ่าวว่านางคงต้องนอนเหี่ยวเฉาไปจนแก่แน่ ๆ เพราะฉะนั้นนายหญิงวางใจเถิดเจ้าค่ะ" เอ่ยเอาอกเอาใจ
"ใครว่าล่ะ ข้าน่ะหรือจะยอมเป็นอนุนานถึงเพียงนั้น ไม่ช้าเร็วก็ต้องลงมืออยู่ดี"
"ที่ท่านพูดหมายความเช่นไร"
"ของสิ่งนั้นที่ข้าให้เจ้านำมาด้วยยังอยู่ดีหรือไม่ เห็นทีในเร็ววันนี้คงต้องเอาออกมาใช้แล้วกระมัง"
หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าอีกไม่นานจะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าตนได้แต่งเข้าจวนสกุลหยางร่วมสามเดือนได้แล้วกระมัง ครั้นกำลังคิดว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วยิ่งนัก สาวใช้คนสนิทได้เดินเข้ามาพร้อมกับผ้านับสิบพับเพื่อให้นายหญิงของตนเลือกสรรเพื่อนำไปตัดชุดที่จะใส่ในฤดูหนาวอันใกล้จะถึงนี้
“ฮูหยิน จวนของเราเพิ่งซื้อผ้าลายใหม่มาหลายพับ บ่าวเลยให้คนนำมาให้ท่านเลือกดูเจ้าค่ะ อีกอย่างนี่ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้วท่านควรมีชุดหนา ๆ หลายชุดเอาไว้ใส่บ้าง”
“เหตุใดผ้าที่เจ้านำมาถึงได้สีสดเช่นนี้” ถามด้วยความแปลกใจ เจาฝางย่อมรู้ดีกว่าผู้ใดว่านางไม่ชอบใส่อาภรณ์สีสันจัดจ้านแล้วทำไมวันนี้ถึงได้นำผ้าพวกนี้มาให้นางเลือกกัน
“บ่าวพยายามเลือกผ้าที่สีไม่ฉูดฉาดเกินไปนำมาให้ท่านดูก่อนจะนำไปตัดชุด ที่โกดังล้วนมีแต่ผ้าสีสันเช่นนี้” เจาฝางอธิบาย
“งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าเอาผ้าพวกนี้กลับไปเถิด ข้าจะไปเลือกซื้อจากร้านผ้านอกจวนเอง”
“จะดีหรือเจ้าคะ หากท่านโหวรู้เข้าคงคิดว่าท่านไม่พอใจของเดิมที่มีอยู่ในจวน”
“เรื่องนี้ข้าจะไปบอกเขาด้วยตัวเอง ข้าจะได้ถือโอกาสตัดชุดหน้าหนาวให้ท่านโหวด้วย”
“นายหญิง ท่านยังมีกระจิตกระใจเป็นห่วงนายท่านอีกหรือเจ้าคะ เขาไม่เคยแยแสท่านด้วยซ้ำ” ท้ายประโยคเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ
“ข้าเป็นฮูหยินของเขาก็ควรจะดูแลสามีมิใช่หรือ”
“บ่าวไม่เถียงกับท่านแล้วเจ้าค่ะ” ว่าแล้วขอตัวพร้อมกับให้สาวใช้อีกคนช่วยถือผ้าที่นำมากลับไป
เจียหรงเดินมาที่เรือนใหญ่ด้วยตัวเองเพื่อบอกกล่าวและขออนุญาตนำเสื้อผ้าของเขาไปเป็นตัวอย่างในการตัดชุดใหม่ให้เขา ภาพเบื้องหน้าที่นางเห็นทำให้ฝีเท้าของนางหยุดชะงักลงจากใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มค่อย ๆ หุบลงกลายเป็นนิ่งเฉยเมื่อเห็นว่าบุรุษที่ตนรักกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับสตรีอีกนาง
