ไม่มีอีกแล้วสตรีที่รักท่าน

29.0K · จบแล้ว
ม่านซู
29
บท
351
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพื่อเขาแล้วนางยอมละทิ้งทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง เขาแต่งอนุเข้าจวนเรื่องนี้นางไม่เคยขัดข้อง มิหนำซ้ำยังยินดีที่เขามีสตรีเคียงข้างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ทว่าผู้ใดเล่าจะรู้ว่าวันที่นางตายร่างอันไร้วิญญาณของนางยังไม่ทันถูกดินกลบเสียด้วยซ้ำ เขากลับยกอนุผู้นั้นขึ้นเป็นฮูหยินเอกแทนนาง ครั้นนางได้มีโอกาสได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้งถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความรักที่มอบให้สามีไร้ใจเช่นเขาช่างโง่งมนัก เพราะเขาไม่มีวันรักนางตอบ พอกันทีกับการทุ่มเททั้งกายใจเพื่อบุรุษเช่นนั้น ต่อแต่นี้ไม่มีอีกแล้วสตรีที่รักท่าน

นิยายจีนโบราณนิยายรักดราม่าจีนโบราณโรแมนติกนิยายย้อนยุค

เจ้าสาวทั้งสอง

ท่านโหวหนุ่มขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาที่จวนของตน ทว่าแทนที่ใบหน้าของเขาจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดีที่ได้ออกเรือนกับสตรีคู่หมั้นหลังจากได้หมั้นหมายกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ใบหน้าเจ้าบ่าวกลับเรียบเฉยราวกับถูกบังคับก็มิปาน

ครั้นเดินทางมาถึงหยางเฟยหลงได้ลงจากหลังม้าแล้วอุ้มเจ้าสาวผ่านพ้นประตูจวนตามขนบธรรมเนียมจากนั้นจึงได้เข้าไปในงานเลี้ยงที่มีแขกเหรื่อมากมายมาร่วมแสดงความยินดีกับงานแต่งงานครั้งนี้ ในขณะที่สาวใช้นำทางฮูหยิน หมาด ๆ ไปที่เรือนหอ หากแต่มิได้มีเพียงเท่านี้เพราะยังมีเกี้ยวของสตรีอีกผู้เดินทางมาถึงเช่นกัน ภายใต้ผ้าแดงสีมงคลที่ปกคลุมใบหน้านวลเอาไว้เต็มไปด้วยความแค้นเคืองไม่พอใจอยู่เต็มอก เพราะตนไม่อาจใช้ประตูใหญ่ได้ มีเพียง ฮูหยินเอกเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ ทำให้คนแบกเกี้ยวต้องเลี้ยวไปเข้าประตูเล็กข้างจวนที่อยู่อีกฝั่งแทน

"คุณหนู ถึงแล้วเจ้าค่ะ" เสียงสาวใช่เอ่ยบอกเจ้านายของตน

"คุณหนู"

"ข้ารู้แล้ว!" จ้าวซูลี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนโผล่หน้าออกมาพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเกี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์ หากมิใช่เพราะนางรักเขาคงไม่ยอมแต่งมาเป็นอนุเช่นนี้แน่ แม้จะอับอายที่ตนเป็นถึงบุตรสาวคนเดียวของใต้เท้าจ้าวต้าชุนแต่กลับต้องมาเป็นอนุเล็ก ๆ ให้ผู้คนติฉินนินทา ทว่าพอนึกบางเรื่องขึ้นริมฝีปากของนางถึงได้ยกยิ้มขึ้นมาได้บ้าง แค่ทนอีกนิด...ทุกสิ่งทุกอย่างของสกุลหยางจะต้องตกเป็นของนาง สตรีอื่นก็แค่เม็ดฝุ่นที่รอวันปัดทิ้ง

กระทั่งเวลาได้ล่วงเลยจนเริ่มดึกสงัดงานเลี้ยงถึงได้เลิกรา เมื่อส่งแขกกลับจวนไปจนหมดหยางเฟยหลงถึงได้เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนหอ ร่างสูงหยุดชะงักในระหว่างที่เดินมาถึงทางแยกระหว่างเรือนหอทั้งสองเรือนที่ตั้งอยู่คนละฟากฝั่ง เขายืนครุ่นคิดอยู่นานจนบ่าวรับใช้คนสนิทถามขึ้นว่า

"ท่านโหว คืนนี้ท่านจะเข้าหอกับผู้ใดหรือขอรับ"

"ไม่ต้องตามข้ามา" เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่ไล่ให้เสี่ยวลู่กลับไปพักผ่อน จากนั้นได้เลือกก้าวเท้าไปที่เรือนฝั่งตะวันตกที่จ้าวซูลี่นั่งรออยู่แทนที่จะเป็นเรือนฝั่งตะวันออก

"บ่าวนึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว" เมิ่งหรานเอ่ยเมื่อเห็นร่างสูงของท่านโหวหนุ่ม

"นางล่ะ" เขาถามหาคนที่อยู่ด้านใน

"คุณหนูนั่งรอท่านอยู่หลายชั่วยามแล้ว ท่านรีบเข้าไปเถิดเจ้าค่ะ"

สิ้นคำพูดของสาวใช้ เขาเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าจ้าวซูลี่นั่งนั่งรออยู่บนเตียง

"มาแล้วหรือเจ้าคะ" นางถาม หลังจากได้ยินฝีเท้า หนัก ๆ เดินเข้ามาใกล้

"ลำบากเจ้าแล้ว" ว่าพลางเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก

ทางด้านของเจียหรงที่นั่งรอสามีมาเปิดผ้าคลุมหน้าออกเฉกเช่นเดียวกัน นางนั่งรอผู้เป็นสามีอย่างไม่ไหวติงจนกระทั่งได้ยินเสียงสาวใช้คนสนิทที่ยืนเฝ้าหน้าประตูร้องบอก น้ำตาของนางได้ไหลรินอาบแก้มทั้งสองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและผิดหวังในตัวคนรัก

"คืนนี้ท่านโหวไปค้างที่เรือนฝั่งตะวันตกเจ้าค่ะ ฮูหยิน ท่านก็เข้านอนเถิด" น้ำเสียงของเจาฝางสั่นไม่น้อยเพราะนางเองก็รู้สึกสงสารเจ้านายของตัวเองจับใจที่คืนเข้าหอคืนแรกกลับถูกสามีทิ้งร้างให้อยู่ตามลำพัง

ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นหลิวเจียหรงนั่งจิบชาระหว่างรอให้อนุภรรยาที่แต่งเข้าจวนมาพร้อมนางมาคารวะ ทว่ารอเกือบหนึ่งชั่วยามก็ยังไร้ซึ่งเงาของจ้าวซูลี่

"ฮูหยิน"

"มีอะไร"

"อนุจ้าวให้สาวใช้มาบอกว่าไม่ค่อยสบาย วันนี้ไม่สามารถมาคารวะท่านตามธรรมเนียมได้"

"งั้นหรือ นางเป็นอันใดมากรึไม่"

"ท่านไม่โกรธนางไม่พอ ยังจะเป็นห่วงคนที่เรือนฝั่งตะวันตกอีกหรือเจ้าคะ" เจาฝางถามด้วยความไม่เข้าใจ

"ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องเมื่อคืนใช่ว่านางเป็นคนบังคับท่านโหวเสียเมื่อใด เป็นเขาเองที่ไปค้างคืนกับนาง ตอนนี้ข้าเป็นนายหญิงของสกุลหยางแล้วต้องรู้จักใจกว้างมิใช่หรือ อีกอย่างเรื่องที่สามีข้ารับอนุเข้าจวนมาล้วนเป็นเรื่องธรรมดา มีขุนนางใดบ้างที่ไม่มีอนุภรรยา"