เดิมทีตำแหน่งนี้ไม่ใช่ของนาง
แต่การจะเข้ามาเป็นแม่ทัพไม่ใช่เรื่องง่ายมิหนำซ้ำทั้งบิดาและมารดาของเขาไม่สนับสนุนเพราะกลัวว่าเขาจะตายในสนามรบไปอีกคน จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนบิดาและมารดาได้เสียชีวิตลงเพราะโรคระบาดเขาถึงได้คิดกลับมาทำตามความฝันของตัวเองอีกครั้ง
“ท่านโหว คิดอะไรอยู่หรือขอรับ บ่าวเห็นท่านเอาแต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่นานแล้ว” บ่าวรับใช้คนสนิทเอ่ยถาม ทำให้คนที่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้สติกลับมา
“ข้าแค่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น ว่าแต่เจ้าเข้ามาให้ข้ามีเรื่องใดจะมารายงานรึ”
“พอเห็นท่านเอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ บ่าวไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่”
“พูดมาเถิด”
“นี่ก็นานแล้วที่ท่านไม่ได้ไปหาฮูหยินกับอนุจ้าว”
“เจียหรงให้คนมาบอกเจ้างั้นรึ” เขาปรายตาถาม เมื่อคิดว่านางคงสั่งให้สาวใช้ที่เรือนมาคะยั้นคะยอให้เขาไปค้างคืนกับนาง
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกขอรับ”
“ถ้าไม่ได้เป็นเหมือนที่ข้าคิดแล้วยังจะเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือ ให้คนไปบอกนางที่เรือนเสียว่าข้าไม่ว่าง หากข้าอยากไปจะไปเองไม่ต้องให้นางมาเจ้ากี้เจ้าการ”
“แล้วอนุจ้าวล่ะขอรับ”
“ให้คนไปบอกนางว่าตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่ อีกสองวันข้างหน้าข้าจะไปนอนค้างที่เรือนฝั่งตะวันตก”
“ทำแบบนี้จะดีหรือขอรับ”
“เจ้ามีปัญหาอันใดงั้นหรือ” หยางเฟยหลงถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่วันนี้เสี่ยวลู่เอาแต่ถามเซ้าซี้ไม่เลิก
“ท่านโหวยังไม่เคยร่วมหอกับฮูหยินเลยนะขอรับ มีแต่อนุจ้าวที่คืนแต่งงานท่านไปเข้าหอกับนาง อย่างน้อยท่านก็ควรเห็นแก่อดีตอันเก่าก่อนรึไม่”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เดิมทีงานแต่งงานครั้งนี้ข้าไม่ได้อยากให้เจียหรงมาเป็นภรรยาเสียด้วยซ้ำ หากมิใช่เพราะเห็นแก่สัญญาหมั้นหมายระหว่างสองตระกูล ตำแหน่งฮูหยินนี้ต้องตกเป็นของจ้าวซูลี่”
“แต่ถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้นางก็กลายเป็นฮูหยินของท่านแล้วนะขอรับ”
เจียหรงที่ตั้งใจมาหาสามีพร้อมกับตุ๋นรังนกร้อน ๆ มาให้เขาด้วยเพราะเป็นห่วงร่างกายของชายหนุ่ม ทว่ากลับมาได้ยินคำพูดเสียดแทงใจจากปากบุรุษที่ตนรักทำให้มือที่ถือถาดหมดแรงเสียดื้อ ๆ
เคร้ง! เสียงถ้วยกระเบื้องกระทบกับพื้นแตกกระจายจนของที่บรรจุไว้ข้างในหกเลอะไปทั่วบริเวณ
“ฮูหยิน ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” เจาฝางถามขึ้นด้วยความตกใจ
เสียงดังจากด้านนอกดังเข้ามาถึงด้านในทำให้ท่านโหวหนุ่มที่พูดวาจาร้ายกาจออกไปถึงกับลุกขึ้นยืนเมื่อรู้ว่าผู้ใดยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของตัวเอง แทนที่เขาจะรีบพูดแก้ต่างแต่กลับผินหน้าหนีไปอีกทางจนกระทั่งทุกอย่างเงียบสงบลงดังเดิม
ตั้งแต่กลับมาถึงเรือนเจียหรงเอาแต่นั่งเหม่อลอยประหนึ่งคนสิ้นสติ ขณะเดียวกันกับที่เจาฝางนำน้ำแข็งมาประคบเย็นให้เพื่อลดอาการบวมช้ำที่มือขวาของนาง
"ฮูหยิน ท่านเจ็บรึไม่"
"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าก็ออกไปเถอะ"
"ถ้าอย่างนั้นบ่าวไม่รบกวนท่านแล้ว" ตอบอย่างว่าง่าย เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนตรงหน้าดีว่ารู้สึกเช่นไรที่ถูกสามีที่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็กสาดคำพูดร้ายกาจออกมาทำร้ายจิตใจคนฟังทั้งที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้ จนกระทั่งเริ่มเข้ารับราชการถึงได้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
เมื่ออยู่คนเดียวตามลำพังหยาดน้ำตาที่นางกลั้นไว้ได้ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม ก่อนที่มือเล็กจะปาดน้ำตาของตัวเองออก เดิมทีนางคิดว่าสองปีให้หลังมานี้ที่เขามีท่าทีเปลี่ยนไปคงเป็นเพราะต้องให้ความสำคัญกับงานที่ตนได้รับมอบหมายจนบางครั้งถึงได้เย็นชาใส่นาง ทว่าตอนนี้นางกลับไม่มั่นใจเสียแล้ว ด้วยคำพูดนั้นของเขาทำให้หัวใจของนางบอบช้ำเหมือนกับถูกหอกทิ่มแทงก็มิปาน
