บทที่ 2 ยมทูตสุดหล่อ (2)
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มาริสาก็เลิศเฉิดฉายในชุดนำสมัย เสื้อแขนกุดลายสก็อต กางเกงยีนขายาวเอวสูง ส่งผลให้เธอดูรูปร่างเพรียวสวยมากยิ่งขึ้น ผมม้วนเป็นลอนสยายเต็มแผ่นหลัง สวมแว่นตาดำ รองเท้าส้นสูงปรี๊ด ขับรถราคา 8 หลักมาจอดที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง
แน่ล่ะว่าเธอต้องโดดเด่นสะกดทุกสายตา ถ้าไม่เด่นก็ไม่ใช่มาริสาแล้ว
เธอเลื่อนแว่นขึ้นไปคาดไว้กลางศีรษะ กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะทักทายเสียงดังเมื่อเห็นเพชรวดีนั่งรออยู่ที่โต๊ะหนึ่ง
“โย่วเพชร” เดินฉับๆ ไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม “สั่งอะไรมากินหรือยัง”
“ยัง รอเธอนั่นแหละ”
อันที่จริงมาริสาไม่ค่อยคุ้นกับร้านริมทางนัก แต่เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวฐานะยากจน คงจะปฏิเสธแน่ๆ ถ้าชวนเข้าร้านหรู แม้ว่าเธอจะอาสาเลี้ยงเองก็ตามที
“งั้นสั่งให้ฉันด้วย ฉันกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“ตกลง” เพชรวดีลุกไปสั่งก๋วยเตี๋ยวสองชาม ก่อนจะตักน้ำมาเผื่อมาริสาด้วยแก้วหนึ่ง ซึ่งฝ่ายเพื่อนก็รับแก้วไปสำรวจราวกับจะมองหาคราบสกปรก ก่อนจะดึงกระดาษชำระบนโต๊ะมาเช็ดขอบแก้วให้สะอาด ยกแก้วขึ้นดมฟุดฟิดว่ามีกลิ่นแปลกปลอมไหม ก่อนจะตัดสินใจจิบเล็กน้อย
เพชรวดีมองพฤติกรรมนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างระอาใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มาริสาก็ยังคงเป็นมาริสาคนเดิมอยู่วันยังค่ำ
“นัดฉันมาเนี่ยมีธุระอะไรเหรอหนูเม่น”
“แหม จะเจอเพื่อนทั้งทีต้องรอให้มีธุระด้วยงั้นเหรอจ๊ะ”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ฉันกำลังหางาน เงินเก็บกำลังจะหมดแล้ว”
มาริสามีสีหน้าเห็นใจ “ก็บอกแล้วว่าจะช่วยเอง เธอก็ทิฐินักนี่”
“หนี้ฉันเป็นคนก่อ จะให้เธอมาช่วยได้ยังไง”
“ไอ้ศักดิ์ศรีของเธอน่ะเพลาๆ ลงบ้างได้ไหม ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน ฉันรู้ว่าเธอมีความจำเป็นถึงต้องเป็นหนี้ท่วมหัวอย่างนี้”
“ฉันล้มแรงมากหนูเม่น กู้เงินไปรักษาพ่อเป็นแสนๆ แถมพ่อยังมาตายจากอีก ต้องกู้เงินเพิ่มมาจัดงานศพอีก เฮ้อ”
“ก็ฉันเตือนเธอแล้วนี่เพชรว่าพ่อเธอถึงเวลาต้องจากโลกนี้แล้ว อย่าได้พยายามยื้อยุดเลย ฉันเห็นผู้ชายตัวใหญ่ในชุดสีดำมายืนอยู่ข้างเตียงพ่อเธอตอนที่ฉันไปเยี่ยมก็คิดอยู่แล้วว่าอีกไม่กี่วันพ่อเธอคงต้องไป”
“ไม่รู้สิ” เป็นอีกครั้งที่เพชรวดีถอนหายใจ “ถึงในใจจะรู้ดีว่าอาการพ่อหนักเกินจะยื้อ แต่คนเป็นลูกจะยอมนิ่งดูดายปล่อยให้พ่อตายไปเลยไม่ได้หรอก ฉันอยากทำหน้าที่ลูก คือพยายามครั้งสุดท้าย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงจะบวกหรือลบ ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ทำให้เต็มที่”
มาริสาเอื้อมมือแตะบ่าเพื่อนอย่างปลอบโยน “ก็เข้าใจอยู่หรอก ฉันถึงอยากให้เธอมายืมเงินฉันไง ไม่ใช่ไปกู้หนี้นอกระบบ ตอนนี้รวมดอกด้วยก็ปาไปตั้งเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“ก็...” ก้มหน้าก้มตาตอบอุบอิบ “กู้มาสองแสน รวมดอกด้วยก็ห้าแสนแล้วล่ะ”
“หา ! ” เผลอตะโกนเสียงดังจนรอบข้างหันมามอง พอรู้สึกตัวจึงลดเสียงให้เบาลง “ดอกมากกว่าต้นอีกนะเพชร”
“แล้วมาตกงานอีก ฉันถึงต้องหางานหัวปั่นอยู่นี่ไง”
พอดีแม่ค้าเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ สองสาวเลยกินไปพลางก็คุยกันไปด้วย
“เอาตรงฉันไปใช้หนี้ก่อนดีกว่าไหม”
เพชรวดีอิดออด
“ถ้ามัวเกรงใจเพื่อนอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยดอกเบี้ยจะทะลุล้านนะ พวกนี้มันทำนาบนหลังคน เธอก็รู้นี่”
“คือฉัน...” กัดปากล่างลังเล ครุ่นคิด
เสียงไลน์เด้งเข้ามา มาริสารีบหยิบเครื่องมือสื่อสารราคาแพงมากดดู
“แป๊บหนึ่งนะเพชร น้าลี่ทักไลน์มา”
“น้าลี่...? ใช่เมียของน้าเสือหรือเปล่า” ถามเรื่อยเปื่อย อันที่จริงเธอเคยเจอสติพันธ์มาสองสามครั้งแล้ว ทว่าเห็นแค่ผ่านๆ เขาคงแทบไม่ทันสังเกตเธอด้วยซ้ำตอนที่เขามาเที่ยวหาแม่ของมาริสา แต่ไม่เคยเจอเยลลี่ตัวจริงเสียที รวมทั้งลูกชายของทั้งคู่ด้วย มีเหตุให้ต้องแคล้วคลาดไม่เจอหน้ากันทุกที
“อือ ใช่...” พยักหน้ารับ กวาดตามองตัวอักษรก่อนจะหัวเราะก๊ากจนทุกคนหันมามองกันอีกครั้ง
“เบาๆ ซี่ เก็บอาการหน่อยหนูเม่น”