บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ด้วยดวงตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตาราเชลวิ่งออกจากบริเวณหลุมฝังศพที่ยังมีผู้คนยืนกระจัดกระจายอยู่ บอกกับตัวเองตลอดเวลาว่าหล่อนไม่น่ามาร่วมพิธีฝังศพในวันนี้เลย มันเป็นความผิดพลาดอย่างฉกรรจ์ที่ตัดสินใจทําเช่นนั้น

หล่อนคาดหวังว่าแอ๊บบี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพบหล่อนเข้า? หล่อนหวังจะเห็นแอ๊บบี้วิ่งผวาเข้ามากอดเหมือนพี่น้องที่จากกันไปนานอย่างนั้นหรือ? แม้ว่าเป็นเพียงพี่น้องบุญธรรมก็ตามที หรือหล่อนหวังว่าแอ๊บบี้จะเชื้อเชิญให้หล่อนไปที่บ้าน? ไม่มีทาง...และนั่นแหละคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงล่ะ

หล่อนสามารถมองเห็นภาพว่าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่จะได้เห็นรางวัลหลากชิ้นที่แอ๊บบี้ได้รับมาเมื่อมีการนําม้าของดีนเข้าประกวดและได้รับชัยชนะอยู่เสมอ เป็นเวลานานมาแล้วที่ราเชลพยายามหาความรู้จากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดประชาชนในลอสแองเจลิส นิตยสารฉบับต่างๆ และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเพื่อสนองความต้องการที่ใคร่จะรู้จักพ่อที่ไม่ได้เห็นหน้าตาให้มากขึ้น อยากรู้ว่าเมื่อเขาไม่ได้อยู่กับหล่อนนั้นเขาทําอะไรบ้าง เขาอยู่ที่ไหน มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร?

ข่าวคราวเกี่ยวกับริเวอร์เบนด์ปรากฏอยู่ในหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ติดต่อกันมาเป็นเวลานานปี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของม้าพันธุ์อารเบียนเท่านั้นไม่ใคร่จะมีข่าวเกี่ยวกับงานด้านสังคมเท่าไรนัก และดีนก็แทบจะไม่ได้เล่าเรื่องต่างๆ นี้ให้หล่อนฟังด้วยซ้ำ แต่ในนิตยสารดังกล่าว หล่อนเห็นภาพถ่ายของแอ๊บบี้เด่นสง่าอยู่บนหลังม้าโดยมีดีนยืนเคียงข้างอยู่ด้วยความภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด

หล่อนได้เห็นภาพคฤหาสน์แบบวิคตอเรียน ได้เห็นภาพภรรยากับลูกสาวของเขา ซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงเพื่อไปร่วมในงานปาร์ตี้และงานบอลล์หรูหราตามสถานที่ต่างๆ หล่อนอ่านข่าวแอ๊บบี้ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในข่าวสังคมของหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ตลอดเวลา เพียงแต่หล่อนไม่อยากดูรูปของหญิงสาวผู้นั้น ซึ่งอยู่ในชุดราตรีสีขาวราคาแพงลิบลิ่วและกําลังเต้นรําอยู่กับดีนในงานบอลล์ที่จัดขึ้นโดยบุคคลที่อยู่ในสังคมชั้นสูง แอ๊บบี้ผู้มีความงามเป็นเลิศมีความกล้าหาญอยู่ในจิตใจและมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับหล่อนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ความเจ็บร้าวในหัวใจเป็นสิ่งที่ยากเกินบรรยาย

ขณะเดียวกัน หล่อนก็ไม่อาจทนต่อความคิดของตัวเอง เมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับแอ๊บบี้เมื่อเธอเดินทางร่วมกับดีนไปอังกฤษ ยุโรปและตะวันออกกลาง ทั้งนี้เพราะ หล่อนไม่เคยไปไหนกับดีนไกลไปกว่าดิสนีย์แลนด์และแคททาลิน่า ไอร์แลนด์

ดังนั้น ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ราเชลจึงเปี่ยมไปด้วยความริษยา รู้อยู่แก่ใจว่าแอ๊บบี้มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างดีนตลอดเวลา ในยามค่ำคืนเขาจะอยู่เคียงข้างเมื่อพาเธอเข้านอน เขาจะต้องอยู่กับเธอเมื่อถึงวันหยุดพักผ่อน ทุกยามเช้าของวันคริสต์มาส เมื่อเธอตื่นนอนขึ้น เขาจะอยู่เคียงข้างแอ๊บบี้เสมอในทุกครั้งที่มีโอกาสพิเศษและสําคัญเกิดขึ้น นับแต่การออกแสดงเดี่ยวเปียโนไป จนกระทั่ง ถึงวันที่สําเร็จการศึกษา แต่สําหรับราเชลนั้นนับแต่วันที่แม่ตายต้องถือว่าเป็นโชคอันใหญ่หลวงแล้วที่หล่อนจะได้พบพ่อปีละสี่ครั้ง

ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าพ่ออยากอยู่กับใครมากกว่าหรือพ่อรักใครมากกว่า ราเชลยังสงสัยตัวเองอยู่ว่าหล่อนน่าจะเป็นเพียงภาระชิ้นหนึ่งที่สร้างความยุ่งยากลําบากใจให้กับเขามาโดยตลอด เป็นลูกที่เขาไม่เคยต้องการเลย หล่อนเคยคิดอีกว่าตัวเองลืมความเจ็บช้ำน้ำใจไปหมดแล้ว ภายหลังที่สําเร็จการศึกษาจากยูซีแอลเอ. หล่อนพยายามที่จะดําเนินชีวิตต่อไปอย่างคนที่ไม่ต้องการรับความช่วยเหลือจากพ่อ หล่อนมีงานการทําอย่างเป็นหลักฐาน ทํางานด้านอาร์ตเวิร์คให้กับบริษัทโฆษณาใหญ่แห่งหนึ่งในแอลเอ แต่เมื่อมาถึงวันนี้บาดแผลเก่าถูกเปิดออกอีกครั้งและความเจ็บช้ำในครั้งนี้มันรานลึกลงไปในหัวใจยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

เมื่อหยุดวิ่งหล่อนพยายามตั้งสติให้มั่นไว้มองหารถเช่าที่จอดไว้ตรงมุมหนึ่ง แต่ขณะที่มองไปเห็นไฟร์เบิร์ดสีน้ำตาลอ่อนนั้นเองก็มีรถลิมูซีนสีดําคันหนึ่งแล่นเลี้ยวเข้ามาตามถนนในบริเวณสุสานและมาจอดหลังรถคันของหล่อน คนขับในเครื่องแบบรีบกระโดดลงและวิ่งอ้อมไปเปิดประตูด้านหลัง ราเชลมองบุรุษผมสีเทาเงินผู้ก้าวลงมาจากรถยนต์คันนั้นอย่างใจลอย

เขาพูดอะไรบางอย่างกับโชเฟอร์ก่อนเดินห่างรถคันนั้นออกมา ตรงมายังทิศทางที่ราเชลยืนอยู่ บริเวณหลุมฝังศพอยู่ทางเบื้องหลัง มีอะไรบางอย่างบนใบหน้าของเขาที่กระตุ้นเตือนใจให้ต้องนึกถึงดีน ผู้ชายคนนี้อายุประมาณห้าสิบเศษ ซึ่งก็เป็นวัยเดียวกับดีนอีกเช่นกัน ราเชลใคร่รู้นักว่าเวลาเขายิ้มหางตาจะเป็นรอยยับย่นเหมือนดีนด้วยหรือไม่

และครู่ต่อมา หล่อนก็เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเขาเห็นหล่อนและรีบยิ้มให้

“สบายดีหรือครับ?” ความจริงใจในน้ำเสียงที่ทักทายทําให้คําถามประโยคนั้นมีความหมายแก่หล่อนมากขึ้น เพราะมันทําให้คําพูดประโยคธรรมดาๆ กลายเป็นการต้อนรับไปได้ ราเชลรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าตัวเองกําลังสัมผัสมืออยู่กับเขาในนาทีต่อมา

“สบายดีค่ะ ขอบคุณ” หล่อนรีบปาดน้ำตาออกจากนวลแก้มอย่างรวดเร็ว รู้ดีว่าหน้าตาของตัวเองในยามนี้ไม่น่าดูเลย ดวงตาแดงช้ำเปรอะเปื้อนอยู่ด้วยคราบน้ำตา แต่แววตาที่เปล่งประกายเอื้ออารีในหัวใจบอกให้หล่อนรู้ว่าเขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอจะไม่ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้

“พิธีเสร็จแล้วใช่ไหมครับนี่?” เขาเอ่ยถามต่อ “เสียดายจริงที่ผมมาไม่ทัน แต่ผมก็...” เขาอึ้งไป ความไม่แน่ใจเกิดขึ้นทั้งในสีหน้าและแววตา “ขอโทษเถอะครับ ดูเหมือนคุณจะไม่ใช่แอ๊บบี้?”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ” ราเชลอยากตายลงเสียในนาทีนั้นเมื่อเห็นอากัปกิริยาของเขาเปลี่ยนไป ชั่วชีวิตที่ผ่านมาหล่อนต้องต่อสู้กับความรู้สึกอับอายขายหน้าเช่นนี้มาโดยตลอดทั้งที่หล่อนไม่เคยกระทําความผิดเลย แต่กระนั้น ก็อดที่จะรู้สึกละอายใจไม่ได้ สํานึกนั้นทําให้เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ราเชลทําท่าจะผละจากเขา

“เดี๋ยวครับ...ถ้าเช่นนั้น คุณก็จะต้องเป็นลูกที่เกิดจากแคโรไลน์นั่นเอง”

ราเชลนิ่งอึ้งหยาดน้ำใสเอ่อท้นขึ้นดวงตาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ยังมีใครคนหนึ่งที่รู้จักหล่อน ใครคนหนึ่งที่อาจจะเข้าใจถึงความรู้สึกสูญเสียที่กําลังเกิดอยู่กับหล่อนในยามนี้อย่างแท้จริง “คุณ...รู้จัก...แม่ของฉันด้วยหรือคะ?” เธอหันไปมองเขาอย่างไม่มั่นใจนัก

“รู้จักสิ” รอยยิ้มอย่างเข้าใจจุดประกายขึ้นในดวงตา “คุณชื่อราเชลใช่ไหมครับ?”

“ใช่ค่ะ” หล่อนเพิ่งยิ้มออกเป็นครั้งแรก “ฉันต้องขอโทษด้วย” หล่อนสายศีรษะช้าๆ อัดอั้นตันใจด้วยแรงอารมณ์เกินกว่าจะพูดอะไรมากกว่านั้นได้ “แต่ฉันยังไม่ทราบชื่อคุณเลย”

“โอ ขอโทษด้วย ไอ้ผมก็คิดเอาเองว่าคุณคงรู้จักผมแล้ว ผมชื่อเลน แคนฟิลด์ครับ”

“คุณแคนฟิลด์...คะ ดีนเคยพูดถึงคุณอยู่เสมอเขาพูดถึงคุณแต่ในทางที่ดีทั้งนั้นเลย”

เคยมีใครบางคนที่กล่าวถึงเลน แคนฟิลด์ว่าเขาเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ครึ่งเท็กซัส ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือนั้นเป็นเพราะมันไม่มีค่าควรแก่การซื้อหาไว้มากกว่า จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ราเชลเคยอ่านพบ หล่อนพอจะรู้ว่านอกจากเขาจะมีที่ดินเป็นจํานวนมหาศาลแล้ว เขายังมีกิจการโรงแรมใหญ่ๆ หลายแห่งกับกิจการบ่อน้ำมันอีกนับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่มีบทความเขียนถึงบุคคลผู้นี้ย่อมจะต้องมีภาพของเขาประกอบอยู่ด้วย และราเชลก็ยังเคยได้ยินมาด้วยว่าปกติแล้วเลน แคนฟิลด์ พยายามหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวในวงสังคมเสมอถ้าทําได้

“ถ้าจะพูดกันตามความรู้สึกที่แท้จริงแล้ว ดีนเป็นคนน่าเคารพนับถือมากเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่ง เมื่อเขาจากไปเช่นนี้ก็คงทําให้มีผู้คนคิดถึงเขาอยู่มากทีเดียว”

“ค่ะ” หล่อนก้มหน้า คําพูดประโยคนั้นของแคนฟิลด์เหมือนเชือดเฉือนเข้าไปในหัวใจ

“แล้วเวลานี้คุณยังอยู่ลอสแองเจลิสหรือเปล่าครับ?” เขาเอ่ยถามไปถึงเรื่องที่สร้างความรู้สึกโศกเศร้าให้น้อยลง

“ค่ะ” พ่อเพิ่งไปเยี่ยมฉันมา เที่ยวบินที่กลับมาเกิดดีเลย์ เลยทําให้พ่อมาถึงช้ากว่าเวลาที่กําหนด พ่อรีบเพื่อจะกลับไปถึงบ้านโดยเร็วที่สุด แล้วมัน...มันก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น” พ่อรีบกลับบ้านเพื่อไปหาแอ๊บบี้ลูกสาวคนที่พ่อรักนั่นอย่างไรล่ะ

“แล้วคุณจะอยู่ฮิวสตันอีกนานไหมครับ? บางที เราอาจจะทานอาหารกลางวันด้วยกันสักมื้อหนึ่ง หรืออาจจะเป็นอาหารค่ำก็ได้นะ ผมคิดว่าดีนจะต้องอยากให้เราทําอย่างนั้นแน่ ดีไหมครับ?”

“คุณไม่จําเป็นต้องทําอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หล่อนไม่ต้องการให้คําว่าหน้าที่เข้ามาเป็นเครื่องผูกมัดตัวหล่อนไว้กับผู้ใดทั้งสิ้น

“มันไม่ใช่เรื่องความจําเป็นหรอกนะ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทําต่างหาก ตอนนี้ คุณพักอยู่ที่ไหนล่ะ?”

“ที่ฮอลิเดย์ อินน์ค่ะอยู่ใกล้กับแอสโทร” ราเชลได้ยินตัวเองตอบออกไปอย่างนั้น

“ถ้าเช่นนั้น หลังจากผมเช็คกําหนดการต่างๆ ของผมแล้วผมจะติดต่อไปหาคุณนะครับ”

“ได้ค่ะ”

ภายหลังจากกล่าวคําอําลาต่อกันแล้วเลนยังยืนรีรออยู่เป็นครู่มองตามร่างหญิงสาวที่เดินจากไป ความละม้ายคล้ายคลึงระหว่างพ่อลูกสองคนนี้ช่างมีอยู่มากเหลือเกิน หล่อนมีเรือนร่างสูงสง่าเหมือนพ่อ นอกจากนั้น ยังได้รับมรดกเรือนผมนุ่มหนาสีน้ำตาลกับดวงตาคู่สีฟ้าเข้มนั่นมาอีกด้วย ดูอ่อนไหวและเปราะบาง...ใช่ หล่อนช่างเหมือนดีนมากจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel