บทที่ 4 สาวน้อยร้อยผัว 1.1
“กินข้าวได้แล้ว เย็นแล้ว....จะได้ไปอาบน้ำ” อ้อยส่งจานข้าวให้นรินทร์วิภา เธอรับจานข้าวจากอ้อยที่มีเพียงไข่เจียวกับข้าวเท่านั้น นรินทร์วิภาทานอาหารด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพราะเธอทนหิวมาตลอดทั้งวัน
“ไปอาบน้ำด้วยกันไหม” อ้อยเอ่ยถาม
“ไปสิ เหนียวตัวจะแย่แล้ว” นรินทร์วิภาเอ่ยตอบ เพราะตั้งแต่เมื่อวานจวบจนกระทั่งเย็นของวันนี้ เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย ทั้งสองเดินมาถึงลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณไร่มากนัก นรินทร์วิภามองความสวยงามของลำธารที่เธอไม่เคยเห็น โขดหินน้อยใหญ่กระจายอยู่ในน้ำ มีน้ำตกไหลลงมาจากภูเขากระทบกับผืนน้ำเบื้องล่าง เสียงดังตามแรงของน้ำ ก่อนจะกระจายไหลลงมาที่ลำธารนรินทร์วิภามองอ้อยถอดเสื้อผ้าออกโดยสวมผ้าถุงเพียงตัวเดียว นรินทร์วิภาลังเลที่จะทำตามอ้อย เพราะเธอไม่คุ้นเคยกับการใช้ผ้าถุง และรู้สึกอายที่มาอาบน้ำกลางแจ้งอย่างนี้
“อาบที่อื่นไม่ได้เหรอ” นรินทร์วิภาแย้งเสียงอ่อย
“อาบที่นี่แหละดีแล้ว น้ำก็เย็น อากาศก็ดี ไม่ต้องเข้าคิวอาบน้ำ เอ้า!!....ผลัดผ้าถุงสิจะได้อาบน้ำ” อ้อยส่งผ้าถุงผืนหนึ่งให้นรินทร์วิภา เธอจึงจำยอมใส่ผ้าถุงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ที่นี่ไม่มีผู้ชายเข้ามาหรอก เพราะนายเมฆสั่งไว้” คำพูดของอ้อยทำให้นรินทร์วิภารู้สึกโล่งใจ เธอจึงก้าวลงลำธารชำระล้างร่างกาย ขัดความสกปรกที่ติดอยู่ในร่างกายให้ออกไป แต่ความสกปรกที่อยู่ในใจ เธอไม่สามารถขัดมันออกไปได้ นรินทร์วิภาแหวกว่ายอยู่ในลำธารไกลออกไปจากที่อ้อยนั่งอยู่ โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งจับจ้องอยู่ที่ร่างของเธอตลอดเวลา และนึกขึ้นได้ว่าจะลงโทษผู้หญิงคนนี้ยังไง
เมฆินทร์เดินเข้ามาหาอ้อยที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พูดคุยกันอยู่สักครู่อ้อยจึงเดินกลับไปที่บ้านพักของตัวเอง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจากร่างกาย ก่อนจะก้าวลงไปที่ลำธารในสภาพเปล่าเปลือย นรินทร์วิภากำลังเล่นน้ำอยู่หลังโขดหิน จึงไม่รู้ว่าซาตานตัวร้ายกำลังจะเข้ามาใกล้เธอ
ลำแขนหนาโอบรัดร่างบางทางด้านหลัง สร้างความตกใจให้กับ นรินทร์วิภาเป็นอย่างมาก เพราะดูจากลำแขนที่แข็งแกร่งรู้ทันทีว่าเป็นผู้ชาย เธอพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากลำแขนที่โอบรัดเธอ แต่หาสำเร็จไม่ ยิ่งดิ้นยิ่งรัด จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วอยู่ที่ข้างหู
“หยุดดิ้นได้แล้ว....แม่สาวน้อยร้อยผัว” นรินทร์วิภาหยุดดิ้นทันที เมื่อรู้ว่าเป็นเมฆินทร์ เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่เรียกเธอแบบนี้ แต่ก็พยายามแกะมือของเขาออก
“ปล่อยนะ....ฉันบอกให้ปล่อยไง” นรินทร์วิภาทั้งตีทั้งทุบไปที่ลำแขนแข็งแรงนั้น แต่เขาไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยสักนิดเดียว
“ไม่ปล่อย....มีอะไรไหม” เมฆินทร์ไม่พูดเปล่า เขาประทับริมฝีปากหนาของเขาไปที่ลำคอหอมกรุ่นของเธอ ดันร่างของเธอให้แนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น จนแผ่นหลังของเธอแนบกับแผงอกกว้างของเขา ร่างของนรินทร์วิภาสั่นเมื่อเขาลากไล้เรียวปากหนาจากด้านข้างของลำคอมาที่ท้ายทอยของเธอ โดยใช้ลิ้นสากลากไล้ไปด้วย ฟันสวยเป็นระเบียบของเขากัดเบาๆ ที่ท้ายทอยของเธอ ดวงตาของนรินทร์วิภาหลับพริ้ม เมื่อความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้น เริ่มคืบคลานเข้ามาหาเธออย่างช้าๆโดยที่เธอไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับเมฆินทร์ความหอมจากกายสาวและผิวเนียนละเอียดที่นุ่มดุจทารกแรกเกิดของเธอ ทำให้ความเสน่หาถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ลำแขนที่กระชับร่างของเธอคลายลงแต่ยังโอบรัดร่างของเธออยู่ มือข้างหนึ่งของเขาลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบผ่านผ้าถุงลายดอก ที่เธอสวมใส่อยู่ เรียวปากหนายังคงคลอเคลียอยู่ที่ท้ายทอยของเธอ เรื่อยมาถึงบ่าเนียนสวย สติของนรินทร์วิภาถูกดึงกลับมา เมื่อมือของเขากอบกุมทรวงอกข้างซ้ายของเธอ ออกแรงบีบเบาๆ ทรวงอกเต่งตึงที่ไม่เคยผ่านมือชายสปริงตัวรับน้ำหนักมือของเขา จนอารมณ์ของเขาเริ่มเตลิดไปไกล
“ปะ....ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ....คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้”
นรินทร์วิภาพูดด้วยเสียงค่อนข้างสั่นไหว แต่เสียงของเธอไม่อาจหยุดการกระทำของเขาได้เลย ร่างของนรินทร์วิภาถูกหมุนให้มาเผชิญหน้ากับเขา ก่อนจะดันร่างของเธอให้ติดกับโขดหินที่อยู่ในน้ำใสสะอาดนั้น สายตาของเขาโลมเลียไปทั่วทั้งใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ เลื่อนสายตาต่ำลงมาที่ลำคอ จนกระทั่งถึงทรวงอกที่แถบผ้าถุงพันไว้ นรินทร์วิภาเห็นสายตาของเขา เธอพยายามเบี่ยงตัวหนี เพื่อที่จะขึ้นไปจากน้ำ แต่เขากักร่างกายของเธอไว้ โดยการท้าวแขนทั้งสองข้างไปที่โขดหินทำให้เธอถูกกักไว้ ไม่สามารถหนีไปไหนได้
“ฉัน....ฉันจะขึ้นแล้วหนาว”
นรินทร์วิภาพูดโดยไม่มองหน้า อ้างว่าตอนนี้เธอกำลังหนาว แต่ข้างในกลับร้อนด้วยแรงเสน่หา เมฆินทร์ยื่นใบหน้าจนปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน
“ฉันรู้ว่าเธอไม่หนาวหรอก ตอนนี้เธอร้อนต่างหาก”
พูดจบเขาก็บดเบียดเรียวปากของเขาไปที่เรียวปากอวบอิ่มของเธอทันที หนักหน่วงแนบสนิทและเรียกร้อง หัวสมองของเธอหมุนดุจดั่งลูกข่างที่หมุนด้วยความเร็วสูง มือทั้งสองข้างที่ผลักไสร่างกายของเขา แทบจะไม่มีแรงผลักไส มือข้างหนึ่งของเมฆินทร์จับที่ท้ายทอยของเธอ บีบและคลึงเบาๆ ที่ท้ายทอย เพราะเขารู้ว่ามันเป็นจุดอ่อนของเธอ ที่เขารู้เพราะตอนที่เขาใช้ริมฝีปากของเขาสัมผัสท้ายทอยขาวนวลนั้น ตัวเธอสั่น เสียงครางเล็กๆ ออกมาจากเรียวปากของเธออย่างไม่รู้ตัว
เรียวปากของนรินทร์วิภาเผยอรับเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างไม่รู้ตัว ความแปลกใหม่ผุดขึ้นมาในความรู้สึกของเธอ เมื่อเรียวลิ้นสากพัวพัน ดูดดึงและเกี่ยวรัดเรียวลิ้นของเธอ จนเรียวลิ้นของเธอแทบหายเข้าไปในโพรงปากของเขา มือที่เคยผลักไสบัดนี้จับที่ลำแขนทั้งสองข้างของเขาไว้แน่น เพื่อเป็นหลักยึด เป็นเวลานานกว่าที่เขาจะถอนริมฝีปากออก และเธอก็ได้มีโอกาสสูดอากาศเข้าไปในร่างกาย ก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ เพราะรสจูบของเขา