บทที่ 3 สาวน้อยร้อยผัว 1
แสงแดดยามสายสาดส่องกระทบใบหน้านวลของนรินทร์วิภา เธอพลิกใบหน้าหนีแสงอรุณนั้น เปลือกตาทั้งสองข้างที่บวมช้ำของเธอค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ทันทีที่ดวงตาทั้งสองข้างลืมขึ้น เธอมองไปรอบๆ ห้องที่เธอไม่คุ้นเคย สมองของเธอประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก่อนจะก้มใบหน้าลงสำรวจตามร่างกายของเธอ ตามร่างกายที่ขาวสะอาดบัดนี้เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย
น้ำตารินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอ เมื่อเธอคิดว่าเธอได้สูญเสียสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงไป พรหมจารีที่เธอเก็บไว้ให้กับชายที่ตัวเองรักและต้องการแต่งงานด้วย บัดนี้เธอไม่หลงเหลือสิ่งนั้นแล้ว เธอสกปรกด้วยน้ำมือของผู้ชายร่วมสิบคน สกปรกจนเธอเองก็อดรังเกียจตัวเองไม่ได้
“ไง....ดีใจมากขนาดร้องไห้ ที่มีผัวพร้อมกันถึงสิบคนเลยเหรอ” เมฆินทร์เดินเข้ามาภายในห้องที่เต็มไปด้วยความอับชื้น มีหน้าต่างเพียงบานเดียวพอให้มีอากาศหายใจ นรินทร์วิภาจ้องมองบุรุษที่เดินเข้ามาภายในห้อง ดวงตาของเธอยังเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่รินไหลไม่หยุดหย่อน
“คุณปล่อยฉันได้หรือยัง....ฉันอยากกลับบ้าน ฉันชดใช้ให้คุณหมดแล้วไม่มีอะไรจะให้คุณแล้ว สิ่งที่ฉันสูญเสียไปมันคงมากพอกับที่คุณสูญเสีย” นรินทร์วิภาพูดทั้งน้ำตา เมฆินทร์ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีที่มั่นคงและดุกร้าว
“อะไรที่เธอบอกว่ามันคงมากพอกับสิ่งที่ฉันสูญเสีย....อะไรบอกมา” เสียงของเมฆินทร์ดังลั่นห้อง ร่างของนรินทร์วิภาถอยไปจนแผ่นหลังชิดติดกับหัวเตียง ความหวาดกลัวแทรกซึมเข้ามาในจิตใจอีกครั้ง เธอไม่ตอบคำถามเขา ได้แต่นั่งก้มหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อาย หวาดกลัว กริ่งเกรงร่างสูงใหญ่ที่คุกคามเธอ
“ตอบฉันบอกให้ตอบมา....เธอชดใช้อะไรให้ฉัน และสิ่งที่เธอสูญเสียไปคืออะไรบอกมา” เมฆินทร์ตะโกนถามอีกครั้ง ใบหน้าของนรินทร์วิภาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าตื่นตระหนก เมื่อเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำของเขา เธอจึงตอบคำถามของเขาด้วยเสียงที่เบาหวิวและสั่นไหว
“พรหม....พรหมจารี ฉันสูญเสียความบริสุทธิ์” เมฆินทร์หัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินเธอพูด ผู้หญิงตรงหน้าเขาช่างไม่มียางอายเหลือเกิน พูดมาได้ว่าตัวเองสูญเสียความบริสุทธิ์ ผู้หญิงที่เดินเข้าออกอาบ อบ นวด ทุกวันหลังเลิกเรียนและออกมาตอนสามทุ่ม ผู้หญิงประเภทนี้เหรอ ที่ยังหลงเหลือความบริสุทธิ์อยู่ เขาได้ให้คนของเขาติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของนรินทร์วิภามาร่วมสองเดือนหลังจากที่ภรรยาและลูกในท้องของเขาเสียชีวิตไป
หลังเลิกเรียนทุกวันเธอและเพื่อนของเธออีกคนหนึ่งจะเดินหายเข้าไปในอาบอบนวดชื่อดังทุกวัน และจะออกมาจากที่นั่นในเวลาเกือบสามทุ่ม ตอนแรกเขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะขายตัว เพราะฐานะทางบ้านของเธอดีพอสมควร ไม่น่ามาทำอาชีพนี้ อาชีพที่เรียกว่าเด็กไซน์ไลด์
“ฉันอยากจะหัวเราะให้ฟันหัก ผู้หญิงอย่างเธอเนี่ยนะยังบริสุทธิ์ พูดให้ตายฉันก็ไม่เชื่อ ไอ้พวกนั้นมันอาจจะเป็นผัวเธอคนที่ร้อย คนที่พันก็ได้ และที่สำคัญอย่าเอาเมียฉันลูกฉัน ไปเปรียบเทียบกับความบริสุทธิ์ที่ไม่รู้ว่าจะมีจริงหรือเปล่าของเธอ เพราะมันเทียบไม่ได้เลย” เสียงพูดลอดไรฟันของเขา หน้าตาของเขา ทำให้เธอยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น น้ำตาเริ่มรินไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาของเขาบีบที่แก้มของเธอทั้งสองข้างอย่างแรง จนเธอรู้สึกเจ็บไปหมด มือบางของเธอจับที่ข้อมือของเขา พยายามดึงมือของเขาออกจากแก้มของเธอ
“จำใส่กะลาหัวของเธอไว้....เธอไปไหนไม่ได้ จนกว่าฉันจะเป็นคนปล่อยเธอไปเอง แม่สาวน้อยร้อยผัว” เมฆินทร์พูดจบ ก็ผลักใบหน้าของเธอไปทางด้านหลังและปล่อยแก้มนวลให้เป็นอิสระ เขาไม่แยแสว่าเธอจะเจ็บจะปวดมากแค่ไหน สิ่งที่เขาสนใจคือทำอย่างไรให้ผู้หญิงคนนี้ได้รับโทษที่เธอก่อเอาไว้ เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอถูกลงโทษทางกฎหมาย เขาจึงไม่ฟ้องดำเนินคดีฆ่าคนตายโดยความประมาทกับเธอ เขาต้องการให้เธอรับโทษโดยมีเขาเป็นผู้พิพากษา
“เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปทำงานได้แล้ว อยู่ที่นี่เธอต้องทำงานแลกข้าวแลกที่นอน ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เธอไปนอนกับผู้ชายแลกข้าว แลกที่นอนแทน เลือกเอาจะเอาอย่างไหน” พูดจบร่างสูงใหญ่ของเขาก็เดินออกไปจากห้องนั้นทันที โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านที่เธอพยายามจะร้องบอกเขา เมฆินทร์รู้ว่านรินทร์วิภายังไม่โดนชายชั่วพวกนั้นข่มขืน แต่เขาเลือกที่จะเก็บมันไว้ในใจ ไม่บอกให้เธอรู้ เพราะเขาต้องการให้เธอตายทั้งเป็นเหมือนกับที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้
อ้อยหญิงสาววัยสิบแปดปี เดินเข้ามาภายในห้องที่นรินทร์วิภาอยู่ สายตาของเธอจ้องมองใบหน้าของคนที่ทำให้นายหญิงของเธอเสียชีวิต สภาพของเธอช่างน่าสงสาร ทำให้ความแค้นใจที่เธอมีเหือดหายไปสิ้น เมื่อนึกถึงคำที่พระพร่ำสอนเวลาที่เธอไปฟังเทศน์ที่วัดในวันพระ “เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร ผู้ใดก่อกรรมอันใดไว้ ผู้นั้นจะต้องได้รับโทษ เมื่อถึงเวลาของเขาเอง” อ้อยถอนหายใจออกมาอย่างแรง คิดในใจปล่อยให้เจ้านายของตนลงโทษผู้หญิงคนนี้เองดีกว่า
“ฉันชื่ออ้อย....นายเมฆให้ฉันพาคุณไปทำงาน” อ้อยเดินเข้ามาหา นรินทร์วิภาที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ในมือถือเสื้อผ้ามาสองสามชุด ก่อนจะวางลงที่ปลายเตียง
“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ....ฉันจะรออยู่ข้างนอก อย่าทำตัวมีปัญหา ถ้าไม่อยากเจอแบบเมื่อคืน”
อ้อยพูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันที พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนทีไร เธออดรู้สึกเสียใจไม่ได้ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นอีกครั้ง จากคำพูดของอ้อยเมื่อครู่ แสดงว่าคนที่นี่รู้เรื่องเมื่อคืนทั้งหมดแล้ว แล้วเธอจะกล้าสู้หน้าคนที่นี่ได้ยังไง แต่คำพูดของอ้อยหมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในถ้ำ ไม่ใช่ที่เกิดขึ้นในบ้านที่กักขังพวกโจรและมือปืน
นรินทร์วิภาก้าวออกมาจากห้อง เมื่อเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว อ้อยพานรินทร์วิภามาทำงานที่ไร่องุ่นตามคำสั่งของเมฆินทร์ ตลอดทั้งวันนรินทร์วิภาทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเก็บกวาดบริเวณไร่ ตลอดจนโรงครัวที่มีไว้สำหรับเลี้ยงอาหารคนงาน โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะกินข้าว ถ้าเมฆินทร์ไม่อนุญาต แต่ไม่มีเสียงบ่นออกมาจากปากของนรินทร์วิภาเลย อ้อยอดทึ่งในความเข้มแข็งของเธอไม่ได้ อ้อยสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ให้ไปล้างคอกม้าที่เป็นงานของผู้ชายนรินทร์วิภาก็ทำ โดยไม่เกี่ยงงอน