บทที่ 2 บทลงโทษ 1.1
ทั้งหมดเดินออกมาจากป่า เดินตรงไปที่ท้ายไร่ไกลออกไปร่วมหนึ่งกิโล เมฆินทร์หันมามองร่างของเชลยสาวเป็นระยะใบหน้าแสดงความหวาดกลัว ดวงตาเอ่อล้นด้วยน้ำใสๆ ตลอดเวลา บางครั้งเธอพยายามสะบัดข้อมือ ให้ออกจากมือหนาของเขาแต่ไม่สำเร็จ เขาชำเลืองมองสาบเสื้อที่เจ้าตัวกำมันไว้แน่น แต่ทรวงอกที่อวบใหญ่ก็ยังล้นออกมาอยู่ดี เขาหันไปมองบรรดาลูกน้องที่เดินเคียงข้างและเดินตามหลัง ดวงตาดุกร้าวมองมาที่เขาเหล่านั้น เป็นเชิงห้ามปรามอะไรบางอย่าง เหมือนกับลูกน้องจะเข้าใจดี ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว
ทั้งหมดมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่งขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านข้างมีต้นไม้ขนาดใหญ่สามสี่ต้น ส่วนด้านหน้ามีแคร่ไม้ไว้สำหรับนั่งเล่น เหมือนกับบ้านตามต่างจังหวัดทั่วไป ไม่มีใครรู้ว่าบ้านหลังนี้คืออะไร มีแต่เขาและลูกน้องเท่านั้น
“เปิดประตู” เมฆินทร์สั่งวิชัยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ วิชัยหันมามองหน้าเจ้านายอีกครั้ง เหมือนจะถามว่าต้องการอย่างนี้จริงๆ หรือ เพราะหากเปิดประตูนี้และส่งเชลยสาวคนนี้เข้าไป รับรองผู้หญิงคนนี้จะต้องตายทั้งเป็น และตกนรกทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน
“เปิดประตูสิวะ” เสียงเจ้านายหนุ่มตวาดดังลั่น จนคนที่อยู่รอบข้างถึงกับสะดุ้ง วิชัยหยิบกุญแจที่มีอยู่นับสิบดอกขึ้นมา เปิดประตูที่ทำจากเหล็ก แต่ที่น่าแปลกก็คือประตูเหล็กนี้มีถึงสามชั้น และโดยรอบของตัวบ้านทุกส่วนทำจากเหล็กทั้งหมด
เมื่อประตูบานสุดท้ายถูกเปิดออก ร่างชายฉกรรจ์นับสิบอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนดูเหมือนโจร กักขฬะ ป่าเถื่อน ร่างของนรินทร์วิภาสั่นจนเมฆินทร์รู้สึกได้ แต่เวลานี้ไม่มีคำว่าเมตตาสำหรับเขา
“ไม่นะ...คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้” นรินทร์วิภาอ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและแววตา แต่กลับได้แต่ความเย็นชาเท่านั้น
“ฉันมีของขวัญมาให้พวกมึง ก่อนที่พวกมึงจะตาย...รับรองพวกมึงต้องพอใจแน่นอน” ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ฮือฮากับของขวัญที่เมฆินทร์ส่งมาให้ บ้างเป่าปาก บ้างร้องตะโกนแสดงความดีใจ ทุกคนต่างยินดีและเต็มใจที่จะได้ขึ้นสวรรค์กับของขวัญชิ้นนี้ ก่อนที่พวกมันจะต้องเจอกับความตาย
ร่างของนรินทร์วิภาถูกโยนลงไปที่พื้นไม้ มือบางของเธอยังคงจับอยู่ที่สาบเสื้อแน่น ใบหน้าเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา เธอกลัวเขาเอาตัวเธอให้เสือกินยังดีกว่าที่ทำกับเธอแบบนี้ เมฆินทร์มองใบหน้าของเชลยสาวรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เมื่อเห็นอาการหวาดกลัวของเธอ
“ตามสบาย หาความสุขกันให้พอ” เมฆินทร์พูดแค่นั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจาก วิชัยมองร่างของเจ้านายและร่างของเชลยสาวสลับกันไปมา ใจหนึ่งอยากจะเข้าไปช่วย ใจหนึ่งก็กลัวเจ้านายของตน วิชัยมองไปที่นรินทร์วิภาอีกครั้ง สายตาของเธอที่มองมาที่เขาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน ขอร้อง น้ำตารินไหลออกมาไม่ขาดสาย ดวงตาทั้งสองข้างบวมและแดงก่ำ เห็นแล้วรู้สึกเวทนาไม่ได้
“ผมขอโทษ....ผมช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” วิชัยพูดได้แค่นั้น ก่อนจะเดินจากไป นรินทร์วิภาร้องไห้โฮออกมาทันทีที่วิชัยพูด โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเธอ ความสาวที่เธอเก็บไว้ให้คนที่เธอรัก จะต้องถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของผู้ชายที่เปรียบเสมือนโจรกลุ่มนี้ เขาใจร้ายมากที่ลงโทษเธอแบบนี้
วิชัยเดินลงมาจากบ้านไม้หลังนั้น เขาเห็นเจ้านายของตนยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน เหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ ภายในใจของเมฆินทร์ร้อนรุ่ม เปลวเพลิงแห่งความแค้นที่สุมอยู่ในใจของเขากำลังแผดเผาความดีของเขาไปจนหมด การกระทำของเขาวันนี้ไม่ต่างอะไรกับมัจจุราชที่หยิบยื่นความตายให้กับผู้หญิงคนนั้น แต่เธอก็สมควรได้รับโทษแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เมฆินทร์มองไปที่ตัวบ้านไม้หลังนั้น ก่อนจะหันไปมองที่แม่น้ำสายเล็กเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ปล่อยนะ....อย่าทำฉันเลย....กรี๊ดดดดด” นรินทร์วิภาพยายามปัดป้องตัวเองจากมือนับสิบที่ดึงทึ้งร่างกายของเธอ บางคนจับที่แขน บางคนจับที่ขา ใบหน้าและตามลำตัว มือทั้งสองข้างของเธอปิดบังทรวงอกเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้พวกมันแตะต้องทรวงอกคู่งามของเธอ แต่นรินทร์วิภาก็ไม่รู้ว่าจะต้านทานแรงของชายนับสิบได้นานแค่ไหน ในที่สุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูของเธอก็หลุดออกจากร่างกายไปตามแรงกระชาก ผิวขาวอมชมพูของเธอปลุกแรงกำหนัดที่อยู่ในร่างกายของพวกมันได้เป็นอย่างดี พวกมันต่างถอดกางเกงของตนอย่างรีบเร่ง
นรินทร์วิภาหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งท่อนล่างเปลือยเปล่าเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ เธอหลับตาแน่น เพื่อหนีภาพอุจาดตานั้น มือหนาหยาบกระด้างของมันจับที่ขอบกางเกงยีนส์สีน้ำเงินของเธอ
เธอพยายามปัดป้องมือของพวกมันไม่ให้ถอดกางเกงของเธอได้ แต่แรงน้อยนิดไม่สามารถต้านทานแรงของพวกมันได้เลย ไม่นานกางเกงยีนส์ของเธอก็ถูกถอดออกไปจากเรียวขางาม ทั้งร่างกายของเธอเหลือเพียงเสื้อในกับอันเดอร์แวร์สีหวานเท่านั้น
“กรี๊ดดดดดด....ไม่นะไม่” นรินทร์วิภาร้องสุดเสียง เมื่ออันเดอร์แวร์ของเธอกำลังจะหลุดออกจากสะโพกมนของเธอและสติของเธอก็ดับวูบ
โครม!!.... เสียงประตูถูกเปิดออกจนบานประตูเหล็กกระแทกกับฝาผนังที่ทำจากเหล็ก ร่างสูงใหญ่ของเมฆินทร์เดินเข้ามาภายในบ้าน มือของเขาถือปืนสีเงินวาววับอยู่ในมือ เขามองร่างเกือบเปลือยของเธอที่นอนสลบอยู่กลางบ้าน รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าเธอยังไม่ได้แปดเปื้อนจากการกระทำของพวกมัน
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนนับสิบนัดถูกปล่อยออกจากปลายกระบอกปืนของเมฆินทร์ ร่างของชายชั่วต่างนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นบ้านทีละคน บางคนตายคาที่ บางคนยังมีลมหายใจอยู่ เมฆินทร์จึงเหนี่ยวไกไปที่ร่างของพวกที่ยังไม่ตาย จนกระทั่งร่างของพวกมันคนสุดท้ายจบชีวิตลง เมฆินทร์หันมามองร่างที่สลบไสล ปรายตามองลูกน้องที่ตามมาด้วย รู้สึกโล่งใจที่บรรดาลูกน้องไม่มีใครมองหญิงร่างเกือบเปลือยคนนี้
เขาถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำตาลเข้มของเขาออก ก่อนจะมาสวมให้นรินทร์วิภา ช้อนอุ้มร่างของเธอไว้ในลำแขนทั้งสองข้าง ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากบ้านหลังนั้น ไม่สนใจร่างที่ไร้วิญญาณพวกนั้นเลย