บทที่ 2 (2)
ลลินแกล้งไม่พูดต่อเพื่อให้นักข่าวได้คิดเอาเองว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไรต่อไป ซึ่งก็ได้ผล...นักข่าวทุกคนต่างก็รุมถ่ายรูปของพิมพ์นาราเป็นการใหญ่ กล้องทุกตัวก็หันไปโพสต์และจับใบหน้าของพิมพ์นาราให้คนทั้งประเทศได้เห็นอย่างชัดๆ
“เป็นยังไงบ้างนังพิม ชอบเซอร์ไพรส์ที่ฉันจัดไว้ให้แกไหม”
ลลินถามเสียงเยาะหยัน แผนการป้ายความผิดของเธอเป็นไปได้สวย คนหนึ่งก็ชิงฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่สามารถโผล่จากหลุมมาพูดความจริงได้ ส่วนอีกคนมีปากพูดก็เหมือนไม่มี เพราะถูกเย็บปากให้สนิทด้วยสายตาคมกริบของมารดาเธอที่จ้องมองเขม็งอย่างไม่กะพริบตา
“ขอบคุณค่ะคุณลิลลี่ ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์ที่คุณเตรียมไว้ให้พิม”
พิมพ์นารากระซิบตอบเสียงลอดไรฟัน ทั้งๆ ที่น้ำตาอุ่นยังคงไหลรินช้าๆ ลงมาตามพวงแก้มแดงปลั่ง ก่อนหน้านี้เธอเสียน้ำตาร้องไห้เพราะความสงสารคุณรามิล แต่ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้กับโชคชะตาของตัวเองที่กำลังตกเป็นจำเลยบริสุทธิ์อย่างไม่มีทางเลี่ยงได้
นางเอกสาวอาศัยจังหวะที่นักข่าวกำลังเบนความสนใจไปยังคนที่นั่งข้างเธอ รีบเอ่ยใส่ไฟคนตายและพิมพ์นาราอีกชุดใหญ่
“ลิลลี่ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างความรักของทั้งสองคน แต่จู่ๆ ลิลลี่ก็ได้ข่าวว่าคุณรามิลยิงตัวตายเพราะผิดหวังในความรัก ลิลลี่พยายามสอบถามพี่พิม แต่พี่พิมก็ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกลิลลี่แม้แต่คำเดียว ลิลลี่สงสารคุณรามิลนะคะ หากคุณรามิลไม่ปันใจไปจากลิลลี่ ป่านนี้พวกเราสองคนคงได้แต่งงานกันแล้ว”
“คุณพิมคะ เรื่องที่คุณลิลลี่พูดมาเป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
“คุณพิม คุณแย่งแฟนของพี่สาวจริงหรือเปล่า”
“คุณพิมครับ ได้ไปงานศพของคุณรามิลไหมครับ”
“ข่าวที่ว่าคุณรามิลฆ่าตัวตาย เป็นเพราะคุณเป็นต้นเหตุใช่ไหมคะ”
พิมพ์นาราหูอื้อตาลายกับคำถามที่นักข่าวต่างก็แย่งกันถามจนดังเซ็งแซ่ไปหมด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำแข็งกร้าวขณะจ้องตอบคุณหญิงลินดา สิ่งที่เธอเอ่ยปากตอบนักข่าวมีแค่คำว่า ‘ค่ะและค่ะ’ ตามคำสั่งของลลินที่ได้สั่งไว้ และเมื่อคิดว่าเป็นจำเลยให้ลลินมานานพอแล้ว หญิงสาวจึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินเป็นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ลลินได้อยู่แถลงข่าวเรื่องโกหกหลอกลวงของเธอต่อไป
คุณหญิงลินดา มองตามอดีตลูกเลี้ยงที่วิ่งไปทางหลังร้าน จากนั้นก็รีบสาวเท้าตามไปติดๆ พอเห็นหลังของอีกฝ่ายไหวๆ ตอนที่วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ก็ตามเข้าไปพร้อมกับกดล็อกห้องไว้ไม่ให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาได้ยิน
“แกทำได้ดีมากนังพิม”
“คุณหญิง”
พิมพ์นาราเงยหน้าขึ้น พอมองเห็นคุณหญิงลินดาผ่านกระจกบานใหญ่ ก็กัดเม้มริมฝีปากไว้แน่นด้วยความเจ็บใจตอนที่ลลินยังไม่เกิด เธอได้รับอนุญาตให้เรียกผู้ที่ยืนเด่นเชิดหน้าราวกับนางพญาว่า ‘คุณแม่’ แต่เมื่อต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าทันทีที่คุณหนูลลินได้ถือกำเนิดเกิดมา อีกฝ่ายก็สั่งให้เธอเรียกว่า ‘คุณหญิง’ เหมือนกับเด็กรับใช้ภายในบ้าน
“ทำไมคุณลิลลี่ต้องโกหกออกไปแบบนั้นด้วยคะ พิมกับคุณรามิล เราไม่เคยรักกัน คนที่คุณรามิลรักคือคุณลิลลี่ พิมคิดว่าคนที่สลัดรักทำให้คุณรามิลต้องฆ่าตัวตายคือคุณลิล...”
เผียะ!!!
คุณหญิงลินดาสะบัดมือตบไปเต็มใบหน้างาม เพื่อหยุดคำพูดที่จะหลุดออกมาจากเรียวปากสีหวาน ฝ่ามือเล็กๆ แต่น้ำหนักใช้ได้ ทำเอาพิมพ์นาราหน้าหันเซผงะถอยไปชนอ่างล้างมือทันที
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ! คนที่ทำให้ไอ้รามิลต้องฆ่าตัวตายคือแก ไม่ใช่ลูกสาวของฉัน”
คุณหญิงลินดาชี้นิ้วด่า โกรธจนตัวสั่น แทบจะเข้าไปบีบคออดีตลูกเลี้ยงให้ตายคามือ ที่บังอาจมาใส่ร้ายลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนาง แม้รู้ดีว่าความจริงจะเป็นเช่นดั่งที่พิมพ์นาราได้พูดออกมา แต่นางก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าลูกของนางเป็นคนผิด คนที่ผิดก็คือนายหัวเล็กคนนั้นที่สะเออะมารักลูกสาวของนางเอง
พิมพ์นารายกมือเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก ดวงตาคู่สวยแดงก่ำแข็งกร้าว ขณะจ้องมองคุณหญิงลินดาเขม็ง
“ทำไมคุณหญิงต้องป้ายความผิดให้พิมด้วยคะ ทำไมต้องให้สังคมมองพิมอย่างผิดๆ ด้วย”
“ทำไมยังงั้นหรือนังพิม แกดูหน้าแกสิ”
ขณะตะโกนด่า คุณหญิงลินดาก็กระชากเส้นผมนุ่มสลวยของอดีตลูกเลี้ยงเต็มกำมือ แล้วดึงลงด้านล่างให้ใบหน้างามได้เงยขึ้นมองเห็นหน้าตัวเองบนกระจกบานใหญ่
“แกดูสิ สารรูปอย่างแกไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ก็ยังเป็นนังลูกเป็ดขี้เหร่ เป็นนางก้นครัวเหมือนเดิม ส่วนลูกของฉัน ลิลลี่ เป็นนางหงส์ที่สวยสง่า เป็นดาวประดับฟ้า เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง แล้วแกคิดหรือว่าฉันจะยอมให้ไอ้นายหัวคนนั้นมาทำลายอนาคตของลิลลี่ เมื่อมันเสือกโง่ฆ่าตัวตายเพื่อประชดรัก ก็ปล่อยให้มันโง่ไป แต่ฉันจะไม่ยอมให้ความตายของมันมาฆ่าอนาคตของลิลลี่ที่กำลังจะโกอินเตอร์อย่างแน่นอน”
“คุณหญิงเป็นห่วงแต่คุณลิลลี่ แล้วคุณหญิงไม่สนใจบ้างหรือคะว่าพิมจะรู้สึกอย่างไร ที่จู่ๆ ก็ต้องมารับบาปที่ตัวเองไม่ได้ทำ”
พิมพ์นาราถามเสียงปนสะอื้น ไม่หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากคุณหญิงผู้สูงศักดิ์ เพราะความเมตตาเหล่านี้มันมลายหายไปพร้อมๆ กับการลืมตาดูโลกของลลิน
“ฮึ! แกจะรู้สึกยังไงฉันไม่สนใจหรอกนะนังพิม สิ่งที่ฉันเป็นห่วงก็คือความรู้สึกและอนาคตของลิลลี่เท่านั้น”
พิมพ์นารากัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด ด้วยอารมณ์โกรธเพียงชั่ววูบ ความกล้าหาญที่ผุดขึ้นมาแค่เพียงแว้บเดียวเป็นตัวสั่งให้เธอเอ่ยพูดออกมาให้คุณหญิงได้โกรธยิ่งกว่าครั้งแรก
“ทุกคนสนใจแต่ความรู้สึกของคุณลิลลี่ ห่วงแต่อนาคตของคุณลิลลี่ แต่ไม่มีใครสนใจว่าพิมจะรู้สึกอย่างไร พิมจะไปบอกความจริงกับนักข่าว ให้นักข่าวรู้ว่าคนที่สะบั้นรักสลัดคุณรามิลทิ้ง จนทำให้คุณรามิลต้องฆ่าตัวตายคือคุณลิลลี่ต่างหาก”
ไม่ได้ขู่แค่เพียงถ้อยวาจา แต่พิมพ์นาราได้โผไปที่ประตูห้องน้ำ มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูหมายจะเปิดออกกว้าง วิ่งไปหานักข่าวซึ่งเธอมั่นใจว่ายังไม่หนีกลับไปไหนอย่างแน่นอน แต่มือเล็กไม่ทันได้แตะลูกบิดประตู ร่างเล็กก็ถูกกระชากกลับเข้ามาในห้องด้วยแรงอันมหึมาของคุณหญิงลินดา
คุณหญิงลินดาผลักร่างบางไปชนอ่างล้างมือ บีบแก้มแดงปลั่งของอดีตลูกเลี้ยงเข้าหากันแน่น ส่วนมืออีกข้างก็จิกเล็บลงไปบนต้นแขนขาวเนียนของของพิมพ์นารา แล้วกระซิบขู่เสียงเย็นยะเยือก
“แกลองไปป่าวประกาศบอกนักข่าวสิ ฉันจะส่งแกไปเยือนยมโลกด้วยมือของฉันเอง”
ทั้งๆ ที่หวาดกลัวกับคำขู่ของคุณหญิงลินดาจนตัวสั่น แต่พิมพ์นาราก็ยังโต้กลับเสียงสั่น “คุณหญิงไม่กล้าหรอก หากคุณหญิงฆ่าพิม คุณหญิงก็ต้องติดคุก”
คุณหญิงลินดาคลี่ยิ้มเย็นตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบให้พิมพ์นาราได้ตัวชาขนลุกซู่เพราะความสะพรึงกลัว
“แกลืมไปแล้วหรือนังพิม ว่าฉันเป็นใคร การฆ่าแกไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนเรื่องที่ว่าจะติดคุกหรือไม่นั้น แกก็ไม่ต้องกลัว คงไม่มีใครสนใจหรอก หากคนรับใช้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีแม้กระทั่งญาติพี่น้อง จะหายไปจากโลกใบนี้ และก่อนที่ฉันจะส่งแกไปเยือนยมโลก ฉันจะให้ลูกน้องของท่านนายพลส่งแกไปขึ้นสวรรค์ก่อน เอาสักสิบคนเป็นยังไงนังพิม”
พิมพ์นาราเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ถูกขู่ฆ่านั้นไม่เท่าไร แต่ถูกขู่ด้วยประโยคหลังนี่สิที่ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นแทบลืมหายใจเลยทีเดียว
“ทำไมคุณหญิงถึงได้ใจร้ายกับพิมนักล่ะคะ”
คำถามที่หลุดออกมาจากเรียวปากสีกุหลาบ ทำเอาคุณหญิงลินดาอึ้งหน้าซีดไปชั่วขณะ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“จำไว้นะนังพิม ฉันเอาแกมาชุบเลี้ยงได้ ฉันก็ทำให้แกหายไปจากโลกใบนี้ได้เช่นเดียวกัน หากสำนึกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันอุตส่าห์หาให้แกกินมาตลอดทั้งยี่สิบสองปี ก็อย่าได้ปากโป้งสะเออะไปบอกความจริงกับนักข่าว และถ้าหากแกไม่เชื่อคำสั่งของฉันๆ จะทำให้แกมีผัวทีเดียวสิบคนรวด”
สั่งกำชับแกมเอ่ยขู่ไปเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงลินดาก็ผลักร่างบางออกห่าง แล้วสะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากห้องน้ำ
ทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างบางก็รูดลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ พิมพ์นาราปล่อยให้หยาดน้ำตาอุ่นไหลรินเป็นทางยาวโดยปราศจากเสียงร้องไห้ ในใจนั้นนึกถึงบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ในเมื่อให้เธอเกิดมาแล้วทำไมไม่เอาเธอไปเลี้ยงด้วย เธอยอมอยู่อย่างคนจน อดมื้อกินมื้อ ดีกว่าต้องมาอยู่เป็นขี้ข้าให้กับคุณหญิงลินดาและลูกสาว
หญิงสาวร้องไห้ให้กับโชคชะตาอันเลวร้ายของตนเองจนหนำใจ ก่อนจะค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืน จ้องมองใบหน้าที่บวมช้ำเพราะถูกตบผ่านกระจกเงาบานใหญ่ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ อย่างให้กำลังใจตนเอง
“สักวันพิมพ์นารา สักวันเธอจะเข้มแข็ง ยืนอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งคนเหล่านี้ และเมื่อวันนั้นมาถึง หัวใจของเธอจะโบยบินออกไปอย่างสง่างาม”