4 ตะวันถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคจิต
หญิงสาวเกิดอาการกลัวลนลาน รีบคว้าเสื้อผ้าใส่ทันที หวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายซ้ำสอง เมื่อเห็นตะวันจัดเตรียมข้าวของส่วนตัว เธอกระโจนแผล็วเข้าไปในห้องน้ำ ครั้นกลับออกมาไม่มีเขาอยู่ในห้องนั้นแล้ว
“ไอ้บ้าโรคจิต หายไปไหนวะ ให้เราเดินออกไปจากโรงแรมคนเดียวเนี่ยนะ ทุเรศที่สุด”
ผู้หญิง เสียงเพลง เหล้า บุหรี่คือสุดยอดปรารถนาของตะวัน เกือบทุกคืนเขาจะออกไปเริงร่าอยู่ในที่อโคจร ไม่ว่าไปเที่ยวที่ไหนจะมีผู้หญิงอยู่เคียงข้างเสมอ เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ แต่ละคนคบหากันในระยะสั้น ๆ เมื่อเจอคนใหม่ที่ถูกใจกว่าก็ผละหนีไป ทุกครั้งหลังจากเที่ยวเสร็จ กลับเข้าบ้านมักถูกมารดาค่อนแคะเสมอ
“ไหนบอกแม่ว่าจะกลับดึก ๆ นี่มันเที่ยงของอีกวันแล้วนะ ไปนอนที่ไหนยะพ่อคุณ”
“โรงแรม”
“ว้าย บัดสีบัดเถลิง พูดออกมาได้ น่าเกลียด”
“อ้าว พูดความจริง แม่ก็กรี๊ด รับไม่ได้ น่าจะรู้ว่าผู้ชายเที่ยวกลางคืนจะมีที่ไหนพอจะนอนได้ นอกจากโรงแรม”
“พอได้แล้วอัปรีย์ปากเปล่า ๆ แม่เบื่อเราจริง ๆ เมื่อไหร่จะเลิกเที่ยวเสียที หยุดกับผู้หญิงดี ๆ สักคนได้ไหม ไม่รู้ล่ะจากนี้เป็นต้นไป แม่จะหาคนดี ๆ ให้แล้วเราก็เลิกเที่ยว ทำตัวเป็นเพลย์บอยเสียที อายุตั้งสามสิบกว่าแล้ว ขลุกอยู่กับเรื่องพรรค์อย่างว่า”
“แม่ก็ ผมอยู่ในวัยเจริญพันธุ์นะครับ”
เขาย้อนกลับมารดาให้สะอึก อึ้งพูดไม่ออก นอกจากกลอกตาไปมา ไม่คิดว่าบุตรชายจะกล้าเอ่ยคำนี้ ใบหน้าอูมที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางส่ายไปมา ในสมองพยายามคิดที่จะหาผู้หญิงดี ๆ มาเป็นคู่ชีวิต เพื่อที่จะหยุดไม่ให้เขาสนุกอยู่กับผู้หญิงนอกบ้าน
“แล้วผู้หญิงดี ๆ จะทนต่อความมักมากของเจ้านี่ได้หรือ ไม่น่าตั้งชื่อให้มันว่าตะวันเลย ร้อนแรงจนน่ากลัว”
คุณวรรณพรโทษตัวเองที่ตั้งชื่อให้แก่บุตรชายคนเล็กว่าตะวันร่ำ ๆ จะชวนไปเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่กลัวเจ้าตัวดีไม่ยอมเพราะไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว คิดว่าไร้สาระ สิ่งที่นางพึงที่จะกระทำต่อไปก็คือ เฟ้นหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมมาเป็นลูกสะใภ้
เสียงเคาะประตูดัง ๆ ติดกันหลายครั้ง รบกวนเวลานอนอันแสนสุข ฝ่ามือใหญ่ครางอืออาในลำคอก่อนที่จะคว้าหมอนนุ่มมาปิดใบหู
กระนั้นเสียงเคาะยังคงก่อกวนโสตประสาทให้หงุดหงิดในอารมณ์ จากที่ตั้งใจทำเป็นลืมแล้วหลับต่อ แต่ทนไม่ได้อีกต่อไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ศีรษะทุยปกคลุมด้วยเส้นผมยุ่งเป็นกระเซิงส่ายเกลือกกลิ้งไปมา สุดจะทนไหวอีกต่อไป เขาดีดตัวผึงลุกขึ้นมานั่งด้วยสีหน้างัวเงีย มองไปรอบ ๆ ตัวด้วยดวงตาแดงก่ำ มองนาฬิกาแขวนไว้บนผนังอย่างไม่ชอบใจนัก
เมื่อคืนใช้ชีวิตหนักไปหน่อย หลังจากสั่งสอนแม่สาวหิวเงินจนน่วมไปทั้งตัว หาได้หยุดเพียงแค่นั้น มีสาวน้อยอีกคนผ่านเข้ามาในชีวิตอีกคน เมื่อถูกปลุกจากเสียงเคาะแบบนี้ย่อมเสียอารมณ์เป็นธรรมดา
“ใครกัน เคาะอยู่ได้ คนจะหลับจะนอน วันหยุดนะคร้าบบบ”
ตะวันส่งเสียงดังโต้ตอบกับเสียงเคาะซึ่งก็ได้ผล สรรพสิ่งเงียบ เขาทำท่าจะล้มลงไปนอนอีกครั้ง ทว่า ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงแจ้ว ๆ จากมารดาเรียกชื่อดัง ๆ
“ตะวันนี่แม่นะ ได้ยินไหม ตื่นได้แล้วนอนอะไรนักหนา รีบอาบน้ำแต่งตัวให้ดีที่สุดแล้วลงมาที่ห้องรับแขกด่วนจี๋เลยนะ”
“แม่ครับ ผมยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย”
“แม่บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไง ว่าวันนี้จะมีคนสำคัญมาที่บ้านเรา รู้แล้วก็ยังออกเที่ยวอีก กลับซะหกโมงเช้า นี่มันจวนจะเที่ยงแล้วนะลูก”
“สำคัญแค่ไหนเชียว เขาเป็นเจ้าชีวิตผมหรือไง”
หลังจากรู้แน่แล้วว่าไม่อาจนอนต่อได้ อารมณ์ขุ่นยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มเริ่มตีรวน ขณะที่มือใหญ่ง่วนอยู่กับการจัดผ้าผ่อนให้เข้าที่แล้วพาร่างบึกบึนสมชายชาตรีเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูเพื่อที่จะรับฟังมารดาชัด ๆ ภายในสมองยังคงทบทวนสิ่งที่รับรู้มาเมื่อวาน
คุณวรรณพรพูดอะไรกับเขาเอาไว้นะ ตื่นนอนใหม่ ๆ สมองตื้อจำอะไรไม่ค่อยได้ เวลานี้อยากจะหลับท่าเดียวต้องใช้เวลาในทบทวนสักครู่
กระทั่งนึกได้ว่าคุณวรรณพรต้องการให้เขารอรับใครบางคนที่จะมาหาที่บ้าน เนื่องในโอกาสกลับมาจากเมืองนอก เซ็งทันที ทำท่าล้มตัวลงนอน ทว่า เสียงมารดาแผดดังเข้ามาในห้องอีกครั้ง ร่างใหญ่มีอันต้องดีดนั่งตัวตรงแล้วยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง
“พูดเข้าสิ ตื่นแล้วใช่ไหม แม่ให้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น”