EP 2 [2-2]
เช้าวันต่อมา
ก๊อกๆๆๆ
“พริก ตื่นหรือยัง”
“ตื่นแล้วๆ”
ฉันลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พะพายทั้งที่ตัวเองยังงัวเงียอยู่ เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากเลยล่ะ แทบจะไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงนอนเลย
พะพายให้ฉันอาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าว แต่บ้านข้างล่างเงียบมากเหมือนกับไม่มีใครอยู่เลย
“ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ”
“คุณท่านกับคุณนายไปฝรั่งเศลหนึ่งเดือนน่ะ ส่วนแม่ของฉันออกไปทำงานที่บริษัทแล้ว คุณไฟปกติก็ไม่ค่อยกลับเข้ามาที่บ้านเท่าไหร่ ส่วนคุณดินก็เข้าบริษัทแล้วเหมือนกัน”
“ปกติเธอก็อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ”
ฉันถามออกไปทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว แต่มันก็คงดูปกติกว่าถ้าฉันทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
“ปกติฉันก็ออกไปเรียนนะ แต่ตอนนี้ช่วงปิดเทอมน่ะ ฉันกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แล้วเธอล่ะพอจะจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้างหรือยัง”
ฉันเลือกที่จะส่ายหัวแทนคำตอบเพราะไม่รู้จะบอกเธอว่ายังไงดี อย่างน้อยฉันก็คงต้องรักษาแขนให้หายก่อน แล้วค่อยมาดูกันอีกครั้งว่าฉันจะหาทางกลับบ้านของตัวเองได้ยังไง
“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ได้ตั้งใจนี่ แล้ววันนั้นเธอกำลังจะไปไหนเหรอ”
“คุณดินโทรเข้ามาที่บ้านบอกให้คนขับรถออกไปรับเพราะรถเค้าเสีย แต่ตอนนั้นมันไม่มีใครอยู่เลย แล้วฝนก็ตกหนักด้วยฉันไม่อยากให้เขาต้องตากฝนนานๆ แต่ก็กลายเป็นว่ายิ่งออกไปสร้างเรื่องเข้าไปใหญ่”
ถ้าเป็นในนิยายแสดงว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเรื่องที่ฉันเขียนเอาไว้เลยนะ พะพายเกิดอุบัติเหตุตอนขับรถออกไปรับคุณดิน ตอนนี้คุณดินยังไม่รู้ใจตัวเอง ส่วนพะพายเธอชอบคุณดินมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาอยู่ในบ้านนี้แล้วล่ะ
“แล้วเมื่อวานเธอรู้ได้ยังไงเหรอว่าฉัน เอ่อ ออกจากโรงพยาบาล”
“อ่อ คือคุณไฟให้คนเฝ้าเธอเอาไว้เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นสายของคุณนทีน่ะ แล้วเธอดันหนีออกมาจริงๆ คุณไฟก็เลยรีบออกไปก่อน ส่วนฉันกับคุณดินขับรถตามคุณไฟไปไม่ทัน กว่าจะไปถึงเธอก็เลย..”
“เกือบถูกบีบคอตาย”
ฉันต่อประโยคหลังให้พลางคิดถึงหน้าของคุณไฟตอนที่บีบคอฉัน สายตาของเขาดุดัน แต่ว่างเปล่าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรอยู่ภายในแววตานั้นเลย
“จริงๆ แล้วคุณไฟเป็นคนจิตใจดีนะ เพียงแค่เขาสร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเองเพราะคิดว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียว”
“เธอดูเข้าอกเข้าใจเขาดีจังเลยนะ”
“คงเป็นเพราะฉันหันเขามาตั้งแต่เด็กละมั่ง”
“เธอหลงรักคุณไฟหรือเปล่า”
“บ้า! ฉันไม่มีทางคิดกับคุณไฟแบบนั้นหรอก เขาเป็นเหมือนพี่ชายที่คอยป้องปกดูแลฉัน ถึงเขาจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ฉันก็รู้สึกได้นะ”
ฉันแกล้งถามออกไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่เธอคงไม่รู้สินะ ว่าหัวใจที่ว่างเปล่าของเขามันมีแต่เธออยู่เต็มหัวใจ
“แล้วคุณดินล่ะ”
“คะ คุณดิน ทำไมเหรอ”
“เธอคิดอะไรกับเขาหรือเปล่า”
“ปะ เปล่าสักหน่อย ฉันจะไปกล้าคิดอะไรได้ยังไง ขะ เขาออกจะไม่ชอบฉันซะขนาดนั้น”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาไม่ชอบเธอล่ะ”
“เขาไม่ชอบฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ เขาบอกว่าฉันเซ่อซ่า ชักช้า ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด”
พะพายพูดพลางในดวงตาฉายแววความเศร้าปะปนกันไปไม่เป็นไรนะพะพาย ฉันทำให้เธอสมหวังได้แน่นอนเชื่อมืออิพริกได้เลย
มื้อเย็นวันนั้น เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่สุดเพราะบนโต๊ะอาหารดันมีคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุดนั่งอยู่ด้วย คงคิดจะมาจับผิดฉันแน่ๆ ถึงได้ยอมกลับมากินข้าวที่บ้าน
“วันนี้พายุคงจะเข้าหลานชายน้าสองคนกลับบ้านมากินข้าวพร้อมกัน”
น้าสาวของเขาทักขึ้นด้วยความแปลกใจ ระหว่างที่ฉันและพะพายกำลังเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหาร
“แม่คะ นี่พริกค่ะ คนที่หนูขับรถชน”
“สวัสดีค่ะคุณศรี”
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ยังเจ็บที่แขนมากไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวฉันด้วยนะที่ทำให้หนูต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ แล้วนี่หนูจำอะไรได้บ้างหรือยัง”
“อะ เอ่อ ยังเลยค่ะ”
ตอนนี้ฉันคงต้องเล่นตามน้ำไปก่อนเพื่อเอาตัวรอดอะนะ
“จะเริ่มกินข้าวกันได้หรือยัง”
คุณไฟพูดขัดขึ้นมา
“ใช่ๆ มานั่งกินข้าวกันเถอะจ๊ะ”
ฉันพยักหน้ารับพร้อมกับเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหาร โดยมีพะพายช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้
“ฉันไม่สะดวกกินข้าวกับคนนอก”
คุณไฟพูดพลางก้มหน้าตักกับข้าวใส่จานโดยไม่ได้หันมามองทางฉันสักนิด แหม่ คิดว่าฉันอยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับนายหรือไงย่ะ
“เอ่อ.. พอดีหนูยังไม่หิวเท่าไหร่คะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“แต่..”
“ไม่เป็นไร”
ฉันหันไปพูดกับพะพายก่อนที่จะเดินออกมา แต่ก็ยังไม่วายมีประโยคเสียดสีพูดตามหลังมาอยู่ดี
“ไปซะก็ดี”
“ตาไฟ ทำไมไปพูดกับเขาแบบนั้นล่ะลูก”
“ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใครสักหน่อยนิครับ”
ชิ! นี่ฉันเขียนพระรองของเรื่องได้เลวร้ายขนาดนี้เลยหรือไง สงสัยสวรรค์คงจะลงโทษฉันแน่ๆ เขียนแบบไหนก็เจอแบบนั้น
สุดท้ายฉันก็ออกมานั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าหลังบ้าน เป็นชิงช้าที่ฉันชอบเล่นตอนเด็กๆ ที่สวนสาธารณะและคิดไว้ว่าถ้ามีอยู่ในบ้านตัวเองก็คงดี ก็เลยเลือกเขียนมันเอาไว้ในนิยายด้วย ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตอนนี้ฉันหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองจริงๆ ป่านนี้ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นยังไงบ้าง จะตามหาฉันบ้างหรือเปล่า
“กำลังคิดแผนอะไรอยู่ล่ะ”
ฉันสะดุ้งนิดหน่อยเพราะเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง แต่ไม่ต้องหันไปฉันก็รู้ว่ามันเป็นเสียงของใคร ซึ่งฉันเลือกที่จะลุกขึ้นเดินออกมาดีกว่าไม่อยากหันไปพูดกับเขา
หมับ!
“ไม่เคยมีใครกล้าเมินกู!”
คุณไฟคว้าแขนของฉันให้หันไปหาเขาพร้อมกับบีบมันแน่นอย่างกับจะให้กระดูกฉันหักอีกข้างอย่างนั้นแหละ
“ขอโทษนะคะ พอดีคุณไม่ได้เอ่ยชื่อฉันก็เลยไม่รู้ว่าคุณคุยกับใคร”
“นี่มึงกล้าย้อนกูเหรอ”
“ฉันพูดความจริงนี่ค่ะ”
ฉันพูดพลางเชิดหน้ามองเขาอย่างไม่ยอมแพ้ จะอะไรกับฉันนักหนาวะ ฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้เขาสักหน่อย
“มึงอย่าคิดว่ากูโง่เหมือนคนอื่นนะ ที่ดูมึงไม่ออก”
“อุ้ย ทำไมคุณไฟถึงรู้ล่ะคะว่าฉันคิดอะไรอยู่”
“นี่มึง!”
เขายิ่งบีบแขนฉันแรงขึ้นไปใหญ่ คนอะไรชอบใช้กำลัง แขนฉันจะแตกคามือเขาอยู่แล้วเนี้ย
“โอ๊ยย ฉันเจ็บ! อ๊ะ!”
คุณไฟดึงแขนฉันเข้าไปใกล้จนตัวฉันปะทะกับหน้าอกเค้าเข้าเต็มๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมาพูดเสียงเย็นเชียบข้างหูของฉัน
“กูต้องรู้ให้ได้ว่าใครส่งมึงมา ระวังตัวไว้แล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณไฟคงต้องแปลงร่างเป็นแมลงวันคอยเกาะตามติดตัวฉันแล้วล่ะค่ะ”
“โอ๊ยย!”
ฉันพูดพร้อมกับกัดหน้าอกเขาเข้าเต็มแรง ทำให้คุณไฟเผลอปล่อยมือออกและฉันรีบวิ่งหนีทันที ฉันไม่ยอมยืนให้เขารังแกอยู่ฝ่ายเดียวหรอกยะ
“มึงเจอดีแน่ ยัยหมาบ้า!”