ไฟซ่อนรัก

82.0K · จบแล้ว
นญาดา
65
บท
6.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อเธอหลุดเข้าไปในนิยายเรื่องที่ตัวเองเป็นคนเขียนและต้องปะทะคารมกับพระรองนิสัยสุดเถื่อนที่เธอแต่งขึ้นมาเองกับมือ 'ถ้าพระเจ้าจะส่งฉันมาเจอนายไฟนรกโลกัณฑ์นี่ ส่งฉันไปหายมบาลเถอะค่ะ'

นิยายปัจจุบันนางเอกเก่งข้ามมิติมาเฟียฟินๆต่างโลกโรแมนติกดราม่า21+

บทนำ

“มึง! มันสนุกมากเลยอะ กูอ่านจบแล้ว”

“จริงเหรอ งื้ออ~ กูน้ำตาจะไหล”

มะนาวเพื่อนสาวคนสนิทเดินพุ่งมาที่โต๊ะเรียนของฉันทันทีที่มาถึงห้องเรียน ต้นเหตุก็เพราะนิยายเรื่องล่าสุดที่ฉันตั้งใจเขียนเพื่อจะส่งสำนักพิมพ์และเป็นผลงานในการขอโควตาเข้าคณะวารสารศาสตร์ที่ใฝ่ฝันไว้มานาน

“ฉันชอบมากเลย แต่แอบเสียดายนะอยากให้คุณไฟเป็นพระเอก”

“แกมันซาดิสม์”

“ก็ฉันชอบแบบ หล่อ เลว แบดบอย อร๊ายย~”

มะนาวพูดพลางแสดงท่าทางเขินแบบสุดๆ กับพระรองในเรื่องของฉัน

ฉันเริ่มเขียนนิยายตอนอายุสิบหกเพราะความเพ้อฝันและความมโนเต็มเปี่ยมที่อยากมีพระเอกในดวงใจแบบในนิยายของตัวเอง จนตอนนี้ฉันกำลังจะอายุสิบแปดปีในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ก็มีสำนักพิมพ์มาติดต่อให้ฉันเซ็นสัญญาเพราะนิยายเรื่องใหม่ของฉันนี่แหละ

“แล้วตกลงว่ามึงบอกแม่แล้วเหรอ เรื่องเรียนมหา’ ลัย”

“กู...กะว่าจะขอแม่เป็นของขวัญวันเกิดวะ”

ระหว่างทางเดินกลับบ้านฉันคิดเรื่องนี้มาตลอด แม่ไม่อยากให้ฉันเรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะแม่ไม่มีเงินส่งฉันเรียนแล้ว

กรี๊ดดดดดดด!

“แม่!”

เสียงแม่ดังออกมาจากในบ้าน พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายดังไปหมด ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านภาพที่เห็นคือพวกผู้ชายสี่คนกำลังทุบทำลายข้าวของในบ้านของฉัน

“แม่! พวกมันมาพังบ้านเราทำไม”

“มันหาเงินน่ะสิ พ่อมึงบอกว่าเงินอยู่ในบ้าน”

“เงินเหรอ มีเงินที่ไหนกัน แล้วพ่ออยู่ไหน”

“พ่อมึงมันหนีไปแล้ว”

พัง!

“กรี๊ดด”

หนึ่งในผู้ชายพวกนั้นมันโยนกล่องอะไรก็ไม่รู้ลงมาใส่แม่

“เงินอยู่ไหน!”

“กูบอกพวกมึงแล้วไงว่าไม่มี!”

“มึงอย่ามาตอแหล”

“หยุดนะ! ถ้ามึงทำอะไรแม่กู กูจะแจ้งตำรวจ”

ผู้ชายคนนั้นยกมือขึ้นมาจะตบหน้าแม่ฉัน แต่ฉันเอาตัวเองเข้าไปบังไว้ก่อน

“ฮ่าๆๆ มึงได้ยินไหม มันบอกว่ามันจะแจ้งตำรวจ”

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วพวกมันก็รวมกลุ่มกันหัวเราะ ขำอะไรนักหนาวะ

“เอาสิ! มึงไปเรียกมาเลย แต่เรียกมาเก็บศพแม่มึงนะ”

“กรี๊ดดด”

มันชักปืนออกมาจ่อที่หัวแม่ โอ๊ยยย~ รีบมาสักทีสิคุณตำรวจ

“ถ้ามึงยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็รีบเอาเงินมาคืนนายกูซะ”

“ต่อให้มึงยิงกูให้ตายตอนนี้ กูก็ไม่รู้หรอกว่าเงินอยู่ที่ไหน แล้วกูก็ไม่รู้จะหาจากไหนไปให้มึง”

พลั่ก!

“แม่!”

มันเอาด้ามปืนตบเข้าเต็มๆ ที่หน้าแม่

“มึงง!”

ผัวะ!

                  “มึงกล้าต่อยกูเหรอ”

พลั่ก!

‘หยุดนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ’

เสียงตะโกนจากหน้าบ้านทำให้พวกมันรีบวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้านทันที แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉันกับแม่อยู่ดี

“แกโทรแจ้งตำรวจเหรอ”

“ฉันเองจ๊ะ”

นี่แหละคุณตำรวจที่ฉันรอ บีมเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของฉันเพราะเราอยู่บ้านตรงข้ามกัน และเขาคือต้นแบบพระเอกนิยายเรื่องล่าสุดของฉันด้วยล่ะ เอ่อ จริงๆ ฉันไม่ได้เป็นพวกเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนะ แต่มันเป็นคนดี ดีจนควรจะเป็นพระเอกนิยายมากกว่าอยู่ในชีวิตจริง

“ไอบีม มึงไม่กลัวมันหรือไง”

“กลัวสิจ๊ะน้า แต่เป็นห่วงน้ากับไอแสบนี่มากกว่า”

“หึ”

หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเก็บกวาดบ้านจนเสร็จ ฉันก็เดินออกมาส่งบีมหน้าบ้าน

“ขอบใจมึงมากนะเว้ย”

“เรื่องแค่นี้สบายมาก มึงอะตัวเล็กนิดเดียวอย่าทำเก่งไปหน่อยเลย”

มันพูดพลางผลักหัวฉันเบาๆ ซึ่งสิ่งที่ฉันตอบกลับไปก็คือ…

เพี๊ยะ!

กระโดดตบหัวมันกลับนั้นเอง

“ขอบใจมากเพื่อน ฮ่าๆ”

“มึงนี่ ลามปาม”

“ไปได้แล้ว กูจะกินข้าว”

“เออๆ”

ฉันเดินกลับเข้ามาในบ้านเห็นแม่กำลังทำไข่เจียวให้อยู่ ซึ่งมันเป็นไข่สองฟองสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบ้านเราแล้วล่ะ

“มากินข้าวแล้วไปอ่านหนังสือไป”

“จ๊ะแม่ แล้วพ่อ..”

“มึงอย่ามาทำให้กูไม่มีอารมณ์กินข้าวได้ไหม”

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา

“มึงรีบเปิดดูเร็วๆ ดิวะ”

“โอ๊ยยย ก็กูตื่นเต้นมึงเข้าใจไหมเนี้ย”

วันนี้เป็นวันประกาศผลโควตาเข้าเรียนคณะวารสารศาสตร์ ซึ่งมันก็ตรงกับวันเกิดฉันพอดิบพอดี ตอนนี้ฉันนั่งลุ้นกับมะนาวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว

“เอามานี่กูดูเอง”

มะนาวแย่งโทรศัพท์มือถือของฉันไปดูเอง แต่อยู่ๆ มันก็หน้าถอดสีขึ้นมา

“เขารับกี่คนวะ”

“หะ ห้าคน ทำไมวะ ไม่มีชื่อกูใช่ไหม”

เฮ้ออ~ ว่าแล้วเชียว

“อะ ดีใจด้วยนะมึง มึงได้ที่สอง”

มะนาวยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ฉันพลางตบบ่าเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“เออ ไม่เป็น.. หะ กะ กูได้ที่สองเหรอ”

ฉันรีบก้มลงดูในโทรศัพท์ทันที โควตาลำดับที่สอง

‘นางสาวพัชรินทร์ หนึ่งสวัสดิ์’

“กรี๊ดดดดดดดดดด กูติดแล้ว”

“เออออ ดีใจด้วยมึง”

ฉันลุกขึ้นกระโดดกอดมะนาวพร้อมกับกรี๊ดออกมาเสียงดัง ทำเอาคนที่นั่งอยู่แถวนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว แต่ใครจะไปสนใจล่ะ ก็ฉันดีใจนี่

“อะนี่ ของขวัญวันเกิดแล้วก็ยินดีกับมึงด้วย”

มะนาวยื่นสมุดเลคเชอร์หน้าปกสีชมพูที่ติดสติ๊กเกอร์การ์ตูนน่ารักมาให้ฉัน

“ขอบใจมากนะมึง”

ฉันรับมาเก็บสมุดลงในกระเป๋าแล้วเราก็ไปเข้าเรียนกันปกติ จนเลิกเรียนฉันรีบกลับบ้านทันที วันนี้ฉันจะต้องขอแม่เรียนต่อให้ได้ ในเมื่อแม่ไม่อยากให้ฉันเรียนเพราะไม่มีเงินส่ง แต่ฉันได้โควตาเรียนฟรีมาแล้ว แม่จะต้องให้ฉันเรียนต่อสิ ใช่มั้ย เฮ้อออ~ ฉันคุย

กับใครวะ

“จ๊ะเอ๋”

“ว้ายย ตาเถร! อิพริกกูตกใจหมด”

ฉันเดินเข้าไปจี้เอวแม่ที่กำลังนั่งร้อยมาลัยสำหรับขายเช้าวันพรุ่งนี้อยู่ ตอนเช้าแม่จะขายพวงมาลัยและน้ำเต้าหู้ ช่วงบ่ายก็ไปรับจ้างทำความสะอาดแล้วแต่ว่าเขาจะจ้างไปที่ไหน

“มาจ๊ะ ฉันช่วยร้อย”

“ไม่ไปอ่านหนังสือเหรอมึงอะ”

“โอ๊ย ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงสอบสักหน่อยแม่”

แม่หันไปมองปฏิทินที่ติดอยู่ข้างฝาบ้าน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าฉัน

“วันนี้วันเกิดมึงนิ”

“โหหห~ แม่จำวันเกิดฉันได้ด้วยอะ”

“กูเจ็บเกือบตายทำไมจะจำไม่ได้”

“ฮ่าๆ ปีนี้ฉันอายุสิบแปดแล้วนะแม่ ขอของขวัญวันเกิดหน่อยจิ”

ฉันพูดพร้อมกับแบมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าแม่

เพี๊ยะ!

“เอาตีนกูนี่”

“แม่อะ! แต่ไม่เป็นไรฉันเตรียมของขวัญมาเองเรียบร้อยแล้ว”

“ของขวัญอะไรของมึง”

ฉันหันไปหยิบโทรศัพท์เพื่อเปิดหน้าจอรายชื่อนักศึกษาผ่านโควตาเรียนฟรีให้แม่ดู

“นี่จ๊ะ”

“อะไร”

“ฉันผ่านโควตาเรียนฟรีคณะวารสารศาสตร์แล้วนะจ๊ะแม่”

แม่หยิบโทรศัพท์ไปดูแล้วหันกลับมามองหน้าฉัน

“ไปสละสิทธิ์”

“หา! ทำไมล่ะแม่”

แม่ไม่ตอบฉันแต่ก้มหน้าร้อยมาลัยเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ฉันพยายามมากขนาดนี้ทำไมแม่ไม่เห็นใจฉันบ้างล่ะ

“แม่ไม่อยากให้ฉันไปเรียนเพราะไม่มีเงินส่ง แต่ว่านี่ฉันได้เรียนฟรีแล้วนะ”

แม่ยังคงก้มหน้าร้อยมาลัยต่อไปไม่สนใจฉันที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขอบตาทั้งสองข้าง

“แม่บอกฉันสิ ว่าทำไมแม่ไม่อยากให้ฉันไปเรียนต่อ ถ้าแม่เป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะก็ แม่ไม่ต้องกลัวเลยนะ ตอนนี้นิยายของฉันได้เซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์แล้วด้วย อีกหน่อยเราก็จะมีเงินกันแล้วนะแม่”

“นี่มึงเอาเวลาที่กูส่งไปเรียนไปแต่งนิยายไร้สาระอะไรนั้นเหรอ ห๊ะ!”

“ไม่ไร้สาระนะแม่ ตอนนี้มันทำให้ฉันมีงานและมีที่เรียนต่อนะ”

“นักแต่งนิยายไส้แห้งแบบนั้นมันจะไปได้สักกี่น้ำ ที่กูพูดมาตลอดนี่มันไม่เข้าสมองมึงเลยใช่ไหม”

แม่พูดไปด้วยผลักหัวฉันไปด้วย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปที่ห้องนอนฉัน

“ไหน! ไอต้นฉบับอะไรของมึงมันอยู่ไหน ห๊ะ”

“อย่านะแม่ แม่จะทำอะไร”

ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งตามเข้าไป ซึ่งแม่กำลังยืนฉีกกระดาษ

ต้นฉบับนิยายของฉัน ยิ่งพยายามแย่งกันมันก็ยิ่งขาด จนตอนนี้ต้นฉบับของฉันเหลือเพียงแค่เศษกระดาษที่หล่นกระจัดกระจายอยู่เต็มห้อง

“ฮือๆๆๆ ทำไมแม่ต้องทำกับฉันแบบนี้”

“คนจนๆ แบบเรามันไม่มีทางที่คนเขาจะยอมรับหรอก มึงเลิกหวังเป็นนักเขียนลมๆ แล้งๆ ของมึงได้แล้ว มึงต้องออกมาช่วยกูทำงาน ไม่ต้องเรียนต่อแล้ว”

“ฮือๆๆ แม่ใจร้าย”

“ใจร้ายเหรอ! ที่กูทนเลี้ยงมึงมาจนโต มาเถียงกูฉอดๆ แบบนี้ก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว มึงดูสิอาทิตย์หนึ่งแล้วที่พ่อมึงหายหัวไปเนี้ย กูยังใจร้ายอยู่อีกเหรอห๊ะ!”

แม่พูดพลางนั่งลงเขย่าไหล่ฉันทั้งสองข้าง

“ฮือๆๆ”

“อีพริก! เอออ! มึงจะไปตายที่ไหนก็ไปเลย”

ฉันตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งออกมาจากบ้าน เสียงเรียกของแม่ที่ดังตามหลังมาไม่ได้ทำให้ฉันอยากเดินกลับเข้าไปเลย

ซ่า!

อยู่ๆ ฝนก็ตกกระหน่ำลงมา แต่ฉันก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าจะเดินไปที่ไหน ทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าเงินก็ไม่ได้เอาออกมา

หึ! น่าตลกสิ้นดีที่เวลานี้ฉันยังคงคิดถึงกระเป๋าเงินทั้งที่ข้างในมันก็มีเงินอยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทด้วยซ้ำ

ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนน!

เสียงบีบแตรรถดังยาวก่อนที่แสงไฟรถจะสาดส่องเข้ามาที่ฉันและไม่ทันที่จะได้ขยับตัวหนี

โครม!

นั้นคงเป็นภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนสติทุกอย่างจะดับวูบไป