EP 2 [2-1]
“คะ คุณพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
โอ๊ยยย เพราะไอคุณไฟมันมีศัตรูคู่แค้นอยู่หนึ่งคนชื่อ ‘นที’ และแน่นอนว่าแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนเพราะฉันเป็นคนเขียนมันเองกับมือ ไม่แปลกที่เค้าจะระแวงและไม่ไว้ใจทุกคนที่เข้ามาใกล้ครอบครัวของเค้า แต่คือฉันไม่ใช่ไง
“พูดติดๆ ขัดๆ แบบนี้คิดว่ากูจะเชื่อมึงเหรอ!”
ปัง!
เพล้ง!
“กรี๊ดดดดด!”
ไอคุณไฟหันปืนไปยิงแจกันบนโต๊ะรับแขกก่อนจะหันกลับมาจ่อหัวฉันอีกครั้ง ฮือๆ นี่มันเวรกรรมอะไรของฉัน แขนก็หักยังต้องมาเจอปืนจ่อหัวอยู่อีกด้วย
“ไอนทีส่งมึงมาใช่ไหม ถ้ามึงไม่พูดความจริงออกมา สมองมึงได้แตกเหมือนแจกันนั่นแน่”
“ฉันแค่เดินข้ามถนนแล้วก็โดนพะพายขับรถชนเนี้ย! แขนก็หัก ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่คุยพูดสักนิด”
“แล้วมึงหนีออกจากโรงพยาบาลทำไม”
“ก็คนที่โรงพยาบาลหาว่าฉันความจำเสื่อม ฉะ ฉันแค่อยากกลับบ้าน!”
“มึงโกหก!”
“ถ้าไม่คิดจะเชื่อจะถามทำไมตั้งแต่แรกห๊ะ!”
ฉันเริ่มมีโมโหแล้วเหมือนกันนะ พูดอะไรออกไปก็ไม่เชื่อสักอย่าง ถ้าอย่างนั้นก็ยิงฉันให้ตายไปเลยเถอะ
“งั้นมึงก็ตายซะ”
“แค่กๆๆ”
คุณไฟบีบคอฉันแรงขึ้นจนฉันแทบหายใจไม่ออกมือข้างหนึ่งพยายามแกะมือของเค้าออกแต่ก็ไม่เป็นผล น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
ติ๊ดๆ
ปัง!
“คุณไฟ!”
“เฮ้ย พี่จะฆ่าเธอเหรอ”
พะพายที่เปิดประตูคอนโดเข้ามาพร้อมกับดินที่เข้ามาช่วยแกะมือเขาออกทำให้ฉันล้มพับลงไปนั่งกับพื้น
“แค่กๆๆ”
ดีนะที่ฉันเขียนให้พะพายมีกุญแจสำรองของคอนโดนี้ ไม่งั้นฉันได้ตายเป็นผีเฝ้าคอนโดนี้แน่ๆ คนอะไรทำไรใจร้าย ใจดำ ไม่มีหัวใจขนาดนี้ ทำได้แม้กระทั่งผู้หญิงแขนหักอย่างฉัน
“มึงมาเสือกอะไรด้วย”
“ผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของพี่นักหรอก ถ้าพี่ไม่ได้กำลังทำให้พะพายเดือดร้อน”
“เดือดร้อนอะไร มันเป็นคนที่นทีส่งมา”
“พะพายเป็นคนขับรถชนเธอเอง เธอจะเป็นคนที่คุณนทีส่งมาได้ยังไงคะ”
พะพายที่เข้ามาช่วยประคองฉันหันไปคุยกับคุณไฟ ในสายตาของเธอฉายแววความผิดหวังในตัวคุณไฟอย่างชัดเจน และสายตานี้ทำให้คุณไฟมีท่าทีที่อ่อนลง บอกแล้วไง จุดอ่อนเดียวของคุณไฟคือ พะพาย
“ไม่งั้นมันจะหนีออกจากโรงพยาบาลมาทำไม”
“เรื่องนั้นพะพายคุยกับเธอเองค่ะ ตอนนี้ขอพาเธอกลับไปรักษาก่อนนะคะ เดินไหวไหม”
“วะ ไหวว”
ประโยคหลังพะพายก้มหน้าลงมาถามฉันที่ตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะตอบเธอออกไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมกัดฟันเดินออกไปดีกว่า เพราะฉันไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้หรือใกล้ผู้ชายอันตรายแบบเค้าอีกสักวินาทีเดียว
พะพายช่วยพยุงฉันให้ยืนขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะมันทุลักทุเลไปหน่อย จนดินต้องอาสาเข้ามาช่วย
“มาฉันช่วย ก่อนที่จะได้กลิ้งออกไปกันทั้งคู่”
พูดจบคุณดินก็อุ้มฉันขึ้นพร้อมกับเดินออกไปที่ลิฟต์โดยมีพะพายรีบวิ่งตามมา
“กดลิฟต์สิ”
“ค่ะๆ”
“เธอนี่มันหาเรื่องให้ฉันได้ตลอดเวลาจริงๆ เลยนะยัยเด็กกะโปโล”
“พะพายจะออกมาคนเดียวคุณดินก็ไม่ยอมให้พะพายขับรถนี่คะ”
“เดี๋ยวก็ได้ไปชนใครเขาเข้าอีก”
คุณดินหันไปส่งสายตาดุใส่พะพายซึ่งนั้นก็ทำให้เธอเงียบและก้มหน้าลงยอมรับความผิด ส่วนฉันก็ได้แต่อยู่เงียบๆ เพราะไม่อยากขัดช่วงที่พระนางเค้ากำลังคุยกัน พอได้มาอยู่ในสถานการณ์จริงแล้วมันเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้
“นี่เรากำลังจะไปไหนกันคะ”
“กลับบ้าน”
“โรงพยาบาล”
ทั้งสองคนตอบออกมาพร้อมกันแต่กลับเป็นคนละสถานที่กันซะงั้น
“ทำไมไม่พาพริกไปโรงพยาบาลล่ะคะ ลองให้คุณหมอตรวจเช็คดูอีกรอบดีกว่านะคะ”
“เธอจะตอบคำถามหมอเรื่องรอยแดงห้านิ้วที่คอพริกว่ายังไงหา เขาจะได้รีบแจ้งความมาจับเธอทั้งเรื่องขับรถชนแล้วไหนจะทำร้ายเขาอีก”
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
ฉันไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลเท่าไหร่ด้วย อย่างน้อยถ้าไปอยู่ที่บ้านเขาฉันจะได้หาทางหนีได้ง่ายกว่า
พะพายพาฉันเข้าอยู่ที่ห้องรับรอง บ้านหลังนี้มีทั้งหมดหกห้องนอน ห้องแรกเป็นห้องของคุณท่านและคุณหญิงของบ้านนั่นก็คือพ่อและแม่ของดิน ส่วนคุณหญิงใหญ่หรือแม่ของไฟท่านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่คุณไฟอายุสิบขวบ หลังคุณหญิงใหญ่เสียไม่นานคุณท่านพิทักษ์ก็พาแม่ของดินเข้ามาอยู่ในบ้านซึ่งตอนนั้นแม่ของดินกำลังตั้งท้องดินได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ทำให้ไฟและดินมีอายุห่างกันสิบปี
ห้องที่สองเป็นห้องของคุณศรีสุดาน้องสาวคนเดียวของคุณพิทักษ์ เธอครองตัวเป็นสาวโสดมาตลอดไม่ยอมตกลงปลงใจกับใครเพราะเข็ดเรื่องความรัก แต่เธอก็รับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกชะตากันที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า นั่นก็คือพะพาย
ห้องที่สามสี่และห้า เป็นห้องของคุณไฟ คุณดิน และพะพายตามลำดับ ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องรับรองแขกนั่นก็คือห้องที่ฉันกำลังอยู่ตอนนี้
“พริกพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ มีอะไรเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
“ขอบคุณนะ”
“นี่ชุดนอนของฉันนะ เธอใส่ไปก่อนแล้วกัน”
ฉันพยักหน้ารับแทนคำตอบ พะพายก็เลยขอตัวกลับห้องไป ส่วนฉันจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง นี่คงเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้นอนเตียงนุ่มๆ แบบนี้ ถ้านี้เป็นความฝันฉันก็ขอให้มันเป็นฝันดีก็แล้วกัน