บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ขณะที่เขาหันหลังเพื่อแขวนผ้าเช็ดตัวลงตรงตะขอนั้นเอง ดวงตาของไดอาน่าก็ต้องเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองเห็นรอยแผลเป็นพาดเป็นแนวยาวๆ อยู่บนแผ่นหลังของเขา

“คุณเป็นอะไรบนหลังน่ะ?”

ฮอลท์นิ่งอึ้งไปครู่สั้นๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อเชิ้ต

“จำไม่ได้”

“ต้องมีคนตีคุณแน่ๆ เลย แล้วคุณก็จะไม่ลืมเรื่องนั้นด้วย” ไดอาน่าว่า

เขามองเธอด้วยสายตาดุๆ อยู่เป็นครู่ก่อนจะตอบว่า

“ถ้าพยายาม คนเราก็ลืมอะไรได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” เขาลงมือกลัดกระดุมเสื้อ “ไหนคุณว่ามาตามหากายยังไงล่ะ...มันอยู่ข้างนอกแน่ะ”

ไดอาน่าจ้องตาเขาอย่างจะให้ลึกลงไปถึงคำตอบที่อยากได้รับ แต่ก็รู้ว่าเขาต้องไม่พูดอะไรต่อแน่ เธอจำใจหันหลังเดินกลับออกไปจากห้องเพื่อตามหากาย แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่ได้ปล่อยวางในเรื่องนั้นเสียทีเดียว เธอหยิบยกเรื่องนั้นขึ้นมาพูดอีกครั้งขณะนั่งรับประทานอาหารหารกลางวันร่วมกับเมเจอร์

“พ่อรู้หรือเปล่าคะว่าฮอลท์ มัลโลรี่มีแผลเป็นเต็มหลังเลย คล้ายกับมีใครเอาแส้มาหวดไว้อย่างนั้นแหละ” เธอหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดด้วยท่าทางจริงจัง

เมเจอร์หันมามองหน้าลูกสาวด้วยสายตาเครียดเขม็ง...

“จริงหรือ...?” ท่าทางเขาเหมือนจะไตร่ตรองอะไรบางอย่างอยู่ในใจ “ส่งเกลือให้พ่อทีสิ”

“เขาทำอะไรถึงได้แผลเป็นนั่นมาคะ?” เธอถามขณะส่งขวดเกลือกับพริกไทไปให้เมเจอร์

“แล้วลูกถามฮอลท์หรือเปล่าล่ะ?”

“ถามค่ะ”

“แล้วเขาตอบว่ายังไง?”

“เขาตอบว่า...จำไม่ได้ แต่หนูรู้ว่าเขาโกหก” เธอยักไหล่อย่างไม่พอใจในคำตอบของฮอลท์ “ทำไมเขาถึงมีแผลเป็นเต็มหลังขนาดนั้นคะเมเจอร์...หรือว่าเขาเคยติดคุกก่อนมาอยู่กับเรา?”

“พ่อไม่คิดว่าสมัยนี้เขาจะลงโทษนักโทษด้วยการเฆี่ยนด้วยแส้อีกแล้วนะ ไดอาน่า” เมเจอร์ตอบลูกสาวตามความคิดของตนเอง

“มันอาจไม่มีอีกแล้วก็จริง ...แต่...ทำไมเขาถึงมีแผลเป็นด้วยล่ะคะ?”

“ไดอาน่า...พ่อก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน” แม้คำตอบนั้นคล้ายกับว่า เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฮอลท์จริงๆ แต่ไดอาน่าแน่ใจว่าพ่อของเธอจะต้องรู้ เพียงแต่ไม่ยอมเล่าให้เธอฟังเท่านั้น โดยปกติแล้ว เขาจะตอบเธอทุกคำถาม ไม่เคยมีความลับใดๆ ระหว่างไดอาน่ากับพ่อของเธอ...ออกจะน่าน้อยใจอยู่ แต่ก็ไม่อาจทำให้เธอละจากความคิดที่ว่า ทำไมฮอลท์จึงมีแผลเป็นเต็มหลังเช่นนั้นได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดถึงมันอีกเลยก็ตาม

และเมื่อฤดูร้อนผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็ตามมา มันเป็นฤดูที่ไดอาน่าชอบที่สุด เพราะหมายถึงการต้อนสัตว์ เธอจะขี่ม้าเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมงไล่ตามปศุสัตว์ออกไปเป็นไมล์ๆ นอนอยู่ใกล้ๆ กองไฟภายใต้แสงเรืองของดวงดาว มันเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นในท่ามกลางธรรมชาติที่ห่างไกลจากอารยะธรรมทั้งปวง ในป่ามีอะไรมากมายให้ดู กวางมูสที่ออกมาเล็มหญ้าชุ่มน้ำค้าง นานๆ ครั้งถ้ามีโอกาสดีก็จะได้เห็นแกะบิ๊กฮอร์นอีกด้วย หรือไม่ก็อาจจะพวกม้าป่า ที่ผกโผนโลดเล่นอยู่บนสันเขา

และแล้วในท่ามกลางแสงแดดสีทองของดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ไดอาน่าก็ผูกบังเหียนม้าของเธอ ทั้งเครื่องหลังและเครื่องนอนถูกผูกกระชับไว้บนหลังม้า ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นการเตรียมตัวไว้ต้อนรับฤดูการทำงานที่จะต้องมาถึง จะได้พบปะกับใบหน้าของทุกคนที่คุ้นชิน ตามปกติแล้ว เมื่อครบระยะเวลาหนึ่ง ที่ไร่ปศุสัตว์แห่งนี้ จะจ้างคนงานใหม่เข้ามาเฉลี่ยแล้วปีละ 18 คน เพื่อมาทำงานประจำวัน แต่จะต้องจ้างคนงานพิเศษเพิ่มขึ้นในฤดูเก็บเกี่ยวหรือฤดูตัดหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนท้องถิ่น เมเจอร์ไม่ชอบจ้างคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานนอกเวลาให้เขา

จนเมื่อขึ้นไปอยู่บนหลังม้าแล้ว ไดอาน่าจึงได้เห็นฮอลท์ มัลโลรี่ปรากฏตัวขึ้น ท่าทางของเขาเป็นลักษณะของคนที่เกิดมาเพื่อออกคำสั่งโดยแท้ ความรู้สึกไม่ชอบหน้านับตั้งแต่วันแรกที่เขาเหยียบเท้าเข้ามาในไร่ ดูจะเพิ่มขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป และปรากฏอยู่ในแววตาของไดอาน่ายามที่จ้องมองเขา ฮอลท์มีท่าทางคล้ายลังเลขณะขี่ม้าเข้ามาใกล้ มองเธอด้วยสายตากระด้างชาเย็น ดวงตาคู่นั้นปรายไปยังอานม้าที่มีทั้งเครื่องนอนและเครื่องหลังผูกมัดไว้เรียบร้อย ก่อนจะเมินมองไปทางอื่นอย่างใช้ความคิด

เมื่อไดอาน่าเห็นเขาหยุดพูดอะไรบางอย่างกับเมเจอร์ เธอก็เม้มปากด้วยความไม่พอใจ ชีพจรเริ่มเต้นแรงขึ้นคล้ายจะสังหรณ์ในคำสนทนาของบุคคลทั้งสอง ขณะพูดก็ชำเลืองมองมาทางเธอประกอบกันอยู่ด้วย ไดอาน่าไม่ชอบใจสายตาของเมเจอร์ที่หันมามองเธอ หรือท่าทางตอนที่เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของฮอลท์ จากนั้นเมเจอร์ก็เดินเข้ามาหาไดอาน่าแสร้งทำเป็นว่า ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเธอหย่อนสายบังเกียนม้าและเริ่มกระตุ้นให้มันเดินออกจากที่

“ไดอาน่า...”เสียงเรียกของเมเจอร์เข้มงวดกว่าที่เคยเป็น

ชิท...เธอแช่งด่าอยู่ในใจ แต่ก็หันไปตามเสียงเรียก พยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็น แม้ภายในใจจะเตือนให้เธอรู้ล่วงหน้าว่า ประโยคต่อไปที่เขาจะพูดคืออะไร

“ปีนี้ลูกต้องอยู่บ้าน ไดอาน่า” เมเจอร์เอ่ยออกมาตรงๆ

“หนูออกไปช่วยต้อนสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงมาตั้งแต่ 8 ขวบนะคะพ่อ ยิ่งกว่านั้นทุกคนควรจะต้องช่วยพ่อทำงานด้วยกันทั้งนั้น แล้วพ่อก็รู้นี่คะว่าหนูขี่ม้ากับใช้บ่วงบาศได้ดีเท่าๆ กับคนอื่น”

“งานนั้นมันหนักไปสำหรับเด็กสาวอย่างลูก”

“แต่หนูก็ไม่เคยบ่นนี่คะ หนูไม่ได้เกลียดฝุ่น เกลียดความร้อนหรือบ่นปวดเมื่อยอะไรเลย”

“พ่อรู้ว่าลูกไม่ได้บ่นเรื่องอย่างนั้น” เมเจอร์มักจะพูดกับเธออย่างคนที่โตแล้ว เป็นการพูดตรงๆ และซื่อสัตย์ที่สุด ซึ่งในครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกว่าที่เคยเป็นมา “ลูกเริ่มโตเป็นสาวแล้วนะ ไดอาน่า มันไม่สมควรที่จะออกไปนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่หลายวันหลายคืน คลุกคลีอยู่กับคนงานผู้ชายพวกนั้นอีกแล้ว”

และไดอาน่าก็ตอบพ่อของเธอในลักษณะเดียวกัน...

“พ่อคงไม่ได้หมายถึงว่า พวกคนงานผู้ชายในไร่นี่อาจจะข่มเหงหนูได้ใช่ไหมคะ...?...ทุกคนเขาเป็นเพื่อนหนูทั้งนั้นนะคะ นอกจากฮอลท์ มัลโลรี่ ...หนูว่าเขาเป็นคนไร้เหตุผลเกินไป และที่สำคัญพ่อก็ไปกับหนูด้วย”

“แต่ครั้งนี้พ่อไม่ได้ไปด้วยหรอก พ่อแก่เกินไปที่จะออกไปนอนกลางดิน กินกลางทรายอย่างนั้นแล้ว แต่ว่านั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก...ความสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า พ่อไม่อยากให้หนูเติบโตขึ้นมาพร้อมกับกับความคุ้นเคยเรื่องการใช้วาจาหยาบคาย หรือขี่ม้าตะบึงแบบคาลามิตี้ เจน พ่ออยากเห็นหนูเป็นสุภาพสตรี ไม่ใช่ทอมบอยอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เข้าใจไหมลูก?”

“ค่ะ เมเจอร์” เธอยอมศิโรราบกับเหตุผลของเขาทันที

“ดีมากลูก” ท่าทางของเมเจอร์เต็มไปด้วยความพอใจที่ผลปรากฏออกมาแบบนี้ “พ่อจะขับรถออกไปดูทุกวัน เพราะฉะนั้นในบ้านก็คงจะเงียบเหงาไปหน่อยสำหรับลูก ทำไมไม่ชวนโซพี่ไปซื้อของ หาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่บ้างล่ะ...เสื้อผ้าที่มันจะทำให้ลูกมองดูเป็นผู้หญิงกว่ากางเกงยีนส์พวกนั้นน่ะ?”

“ก็ได้ค่ะ” ไดอาน่ายอมตกลงโดยดี

ถ้าจะให้เป็นสุภาพสตรีอย่างที่พ่อต้องการ ไดอาน่าก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และจะเริ่มตั้งแต่เช้าวันนั้นเลย ที่ไดอาน่าได้จัดแจงเปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอออกไปหาซื้อสิ่งของเครื่องใช้และเสื้อผ้าชุดใหม่ เพื่อตกแต่งให้ตัวเองดูมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น เป็นเสื้อผ้าที่ประกอบด้วยลูกไม้และโบมากมาย ขณะเดียวกันก็เริ่มหันเหความสนใจของตนมาในสิ่งที่เธอเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของผู้หญิงมากขึ้น ตั้งต้นการเรียนเย็บปักถักร้อย การเข้าครัวปรุงอาหารเป็นต้น อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้มุ่งมั่นหรือจริงจังเท่าใดนัก ยังคงออกขี่ม้าอยู่บ่อยครั้งและลดความสนใจเรื่องงานในไร่ลง

ตามกฎของไร่ปศุสัตว์แห่งนี้ จะมีผู้มีอำนาจสั่งงานเป็นชายโสดเพียงคนเดียว คนงานที่แต่งงานแล้วจะต้องออกไปอยู่นอกบริเวณไร่ โดยจะมีที่ทางและบ้านหลังเล็กๆ ของตนอยู่เองและดูจะน้อยมากที่ไดอาน่าจะสนิทสนมกับเมียของคนงานเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในฤดูหนาวปีนั้น เพื่อบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ อแลน ธอร์นตัน ซึ่งมีไร่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 ไมล์ได้จัดงานแต่งงานขึ้น เป็นธรรมดาอยู่เองที่ไดอาน่าจะต้องทำความรู้จักกับเป็กกี้ ภรรยาผู้มีอาชีพเป็นครูของเขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เธอสมาคมกับผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่า และเป็กกี้ผู้นี้เองที่พูดจาชักจูงให้ไดอาน่าไว้ผมยาว และยังแนะนำวิธีใช้เครื่องสำอางเช่นเดียวกับที่หล่อนใช้อยู่ด้วย

ไดอาน่ารับฟังความฝันของเป็กกี้ พยายามที่จะทำความเข้าใจกับจินตนาการโรแมนติกนั้น ไร่ของครอบครัวธอร์นตันเล็กและดูจะยากจนกว่าเมเจอร์มาก เมื่อเป็กกี้พูดถึงแผนการที่จะขยับขยายปรับปรุงบ้านไร่แห่งนี้เสียใหม่ ไดอาน่าพยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่ก็รู้อยู่ ว่าเป๊กกี้ไม่มีเงินมากพอที่จะสรรสร้างความฝันของตนเองให้เป็นความจริงขึ้นมาได้ และมันออกจะเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับไดอาน่า ที่ไม่สามารถจะทำความเข้าใจกับความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนฟองสบู่สีสวยใสนั้นได้

ซึ่งมันก็เป็นความยากลำบากเช่นเดียวกันกับที่เธอมีความรู้สึกต่อเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนมาแล้ว เมื่อเห็นพวกเพื่อนๆ คลั่งไคล้ดารา เด็กหนุ่มๆ ที่มีหน้าตาเพิ่งเปรอะสิว และกระซิบกระซาบกันแต่เรื่องไร้สาระ ดังนั้นไดอาน่าจึงมุ่งมั่นสนใจแต่ในเรื่องของการเรียนและเป็นที่รักของครูทุกคนอย่างยิ่ง ด้วยส่วนประสมที่กลมกลืนระหว่างเรือนผมสีดำสนิทเป็นมันระยับ ดวงตาคู่สีฟ้าสดใส เรือนร่างระเหิดระหง ทำให้เธอมองดูคล้ายเด็กชายมากกว่าเด็กสาว และไดอาน่าก็คบหาเพื่อนผู้ชายได้สนิทกว่า เพราะถูกอบรมเลี้ยงดูจากมือพ่อเพียงผู้เดียว

เจตนารมณ์ที่เธอมีต่อฮอลท์ มัลโลรี่จึงไม่เคยเปลี่ยนแปลง เธอถือเขาเป็นเสมือนศัตรูตัวสำคัญและสามารถจะเปิดศึกด้วยได้ทุกครั้งที่มีโอกาส มีความคิดอคติต่อการที่เขาได้รับมอบอำนาจจากเมจอร์เพิ่มขึ้น และด้วยความรู้สึกนี้เอง ทำให้เธอมีโอกาสสั่งงานเขาในทุกครั้งที่ทำได้ โดยถือว่าตนเองอยู่ในฐานะลูกสาวของนายจ้าง พยายามจะเตือนให้ฮอลท์ รู้สำนึกในฐานะของตนเองว่า เป็นเพียงแค่ลูกจ้างเท่านั้นและได้รับค่าจ้างตอบแทนในการทำงานให้กับเมเจอร์และกับตัวเธอเองด้วย

ดังนั้นครั้งใดก็ตามที่เห็นเขาอยู่ในคอกม้า ไดอาน่าจะไม่ยอมผูกอานม้าของตัวเองแต่กลับสั่งให้เขาผูกให้...ใช้เขาในทุกเรื่องที่สามารถทำได้ ด้วยความหวังว่า ไม่ช้าไม่นานเขาจะทนอยู่ต่อไปไม่ได้และต้องลาออกไปในที่สุด

ส่วนกายก็ยังเป็นเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ ที่เดินตามเธอต้อยๆ อยู่นั่นเอง ดูจะไม่สำคัญเลยไม่ว่าไดอาน่าจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร เด็กชายกลับรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณทุกครั้งที่ไดอาน่าให้ความสนใจในตัวเขาและไดอาน่า ก็จะตอบสนองอย่างเจ็บแสบกับทั้งฮอลท์และกาย...

ถ้าเด็กชายจะชอบเธอ เขาก็จะต้องไม่ชอบผู้ชายคนที่เป็นพ่อของเขาด้วย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel