บทที่ 4
เมื่อเด็กชายเดินกลับมา นอกจากจะไม่ได้อานมาแล้วก็ยังไม่ได้มาเพียงลำพังคนเดียวอีกด้วย ไดอาน่ามองเห็นฮอลท์ มัลโลรี่ ที่เดินตามหลังลูกชายที่มีใบหน้าซีดขาวมาด้วย เธอตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเบือนไปมองกาย
“ฉันว่าฉันสั่งให้เธอไปเอาอานม้านะ”
“ผม...”
“คุณคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มิสซอมเมอร์ส์?”
คำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ไดอาน่ากัดฟันขึ้นมาทันที มือที่จับสายบังเหียนบังคับให้ม้าเดินเป็นวงกลมรอบตัวชะงักลง หันมาเผชิญหน้ากับเขา สายตาที่เธอกำลังมองดูเขาขณะนี้บอกถึงความเป็นลูกสาวเจ้านาย ที่กำลังมองหน้าคนงานในไร่ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“ฉันไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องอะไรของคุณตรงไหนนี่”
“กายบอกผมว่าคุณจะขี่ม้าแข่งตัวนั้น”
“ใช่...แล้วไง?”
“เมเจอร์ทราบหรือเปล่าครับ?”
“รู้สิ...เขาต้องรู้แน่” ไดอาน่าตอด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“ถ้าอย่างนั้นเขาคงสติไม่ดีไปแล้วละมังครับ ที่ปล่อยให้เด็กผู้หญิงขนาดคุณ...” แต่เขาไม่มีโอกาสพูดได้จบประโยค เมื่อไดอาน่าตวาดใส่เสียงเกรี้ยว
“ฉันขี่ม้าได้ดีกว่าไอ้พวกฝึกหัดในไร่นี้ตั้งหลายคน อาจจะทั้งเมืองนี้ด้วยซ้ำ...!”
“นั่นมันก็คงเป็นความจริงอยู่หรอก” เขาเปิดประตูคอกม้าเดินเข้าไปข้างใน “ส่งเชือกนั่นให้ผมสิ...”
“ทำไม?”
“จะเรียกว่าขอทดลองก่อนก็ได้” เขาตอบ และไดอาน่าก็สำเหนียกหางเสียงท้าทาย ที่ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้ จำใจส่งปลายเชือกให้ฮอลท์ ซึ่งเมื่อรับไปแล้วเขาก็ถอยห่างออกไปหยุดอยู่ไกลประมาณ 3 ฟุต
“เอ้า...จับไว้ให้ดีนะ...อย่าให้ผมดึงจนหลุดจากมือคุณได้ล่ะ”
ฮอลท์พันปลายเชือกที่ถืออยู่เข้ากับข้อมือ ออกแรงดึงมันเข้ามาตรงๆ ไดอาน่าจิกเท้าลงในพื้นดินพยายามต้านทานไว้และดูจะเป็นผลสำเร็จที่น่าพอใจยิ่ง แต่ทันใดนั้น...พอเธอเผลอ เขาก็กระตุกปลายเชือก ทำให้ร่างของเธอถลำเข้าปะทะกับแผงอก จนเขาต้องใช้มือจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ เพื่อจะได้ทรงตัวมั่น พละกำลังที่เหนือกว่าแทบจะทำให้ร่างของเธอถลาล้มลง ไดอาน่าสะบัดตัวถอยออกห่างทันที
“ใช้เหลี่ยมสกปรกอย่างนี้เองหรือ...ไม่เห็นมันจะพิสูจน์อะไรได้เลย...!”
“อย่างนั้นรึ...?” ริมฝีปากเหยียดออกเพียงแต่...มันไม่ได้เป็นรอยยิ้ม “ถ้าไอ้ม้าแข่งตัวนี้มันมีสมอง มันจะสะบัดสายบังเหียนหลุดจากมือคุณอย่างที่ผมดึงเมื่อกี้นี้นั่นแหละ”
“แต่เซตันมันเป็นม้าที่ได้รับการฝึกไว้อย่างดีแล้ว” ไดอาน่าแก้ตัว “แล้วฉันก็ไม่เคยเอามันไปขี่วนรอบตัวเมียด้วย นอกจาในคอกของมันนี่เท่านั้น ฉันรู้จักวิธีบังคับมันดีกว่าใครก็แล้วกัน”
“ต่อให้ม้าได้รับการฝึกมาดีขนาดไหนมันก็อาจจะพยศได้ แล้วก็ใช้เวลาเพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นด้วย โดยเฉพาะยิ่งมีคนอย่างคุณนั่งอยู่บนหลังมันจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้”
“ฉันขี่ไอ้ม้าแข่งตัวนี้มาเป็นปีๆ แล้วนะ” เธอขยายความจากความเป็นจริงออกไปอีก
“ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณเคยทำอะไรมา แต่เมื่อผมมาอยู่ที่นี่ คุณจะทำต่อไปไม่ได้” เขาตอบเรียบๆ
“เอ๊ะ...อย่าลืมนะว่าคุณมันก็ไอ้แค่คนงานที่พ่อฉันจ้างมาเท่านั้น...จะมาบอกว่าฉันจะทำหรือไม่ทำอะไรไม่ได้...!”
“ก็เพิ่งบอกเดี๋ยวนี้ยังไงล่ะ”
“ฮอลท์เขาพูดถูกแล้วละลูก” เสียงที่ 3 เอ่ยขึ้น ท่ามกลางการปะทะคารมอย่างเผ็ดร้อน ไดอาน่าหันขวับไปมองและเห็นเมเจอร์กำลังยืนอยู่ตรงประตูคอกม้า “พ่อคิดว่าเป็นการดีที่สุด ถ้าลูกจะไม่ฝึกม้าแข่งตัวนี้อีกต่อไป ไดอาน่า พ่อตัดสินใจเรื่องนี้ผิดมาตั้งแต่แรก มันมีโอกาสที่ลูกจะหล่นลงมาจากหลังมันได้ แม้ว่ามันจะเป็นม้าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีแล้วก็ตามเถอะ ลูกก็ช่วยตัวองไม่ได้”
ประสาททั่วสรรพางค์ของไดอาน่าเหมือนจะร้องประท้วงอย่างกราดเกรี้ยวออกมาพร้อมๆ กัน แต่กลับไม่มีเสียงหลุดลอดจากริมฝีปากของเธอออกมาเลย ไดอาน่าโยนปลายเชือกให้ฮอลท์ หันหลังเดินกระแทกเท้าออกไปจากคอกม้าทันที ดวงตาแห้งผาก แต่รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอย ทำให้อยากสะอื้นออกมาดังๆ
เธอเดินออกไปเหมือนคนตาบอด ไม่ใส่ใจว่าตัวเองจะเดินไปถึงไหน มุ่งหน้าออกไปทางด้านท้องทุ่งกว้างที่อยู่เลยคอกม้าออกไป เป็นครู่ใหญ่จึงได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่วิ่งตามมาข้างหลัง เมื่อหันกลับไปมองจึงได้เห็นว่าเป็นกาย
“คุณยังอยากขี่ม้าอีกไหมครับ?” เด็กชายเอ่ยถามด้วยท่าทางลังเล เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอรับรู้ในตัวเขาแล้ว
อารมณ์ร้ายของไดอาน่าพลุ่งขึ้นมาทันที
“แกมันไอ้เด็กโง่ เพราะแกคนเดียวถึงได้เป็นแบบนี้...! ทำไมแกถึงต้องไปแหกปากบอกพ่อแกด้วยว่าฉันจะทำอะไร?”
ใบหน้าเล็กๆ ของเด็กชายซีดเผือดลงกว่าเดิม
“ผมไม่ได้ตั้งใจเลยครับ เป็นความสัตย์”
“ไม่ได้ตั้งใจ...?” ไดอาน่าทวนคำอย่างหมั่นไส้เต็มทน “ฉันคิดว่าแกไม่ชอบพ่อของแกเสียอีก แล้วทำไมถึงต้องไปเล่าเรื่องฉันให้พ่อแกฟังด้วย?”
“ผมไม่ชอบเขาหรอกครับ” กายยืนยัน “แต่เขาถามผมว่าจะทำอะไรกับอานม้าของคุณ แล้วก็...”
“แล้วก็เลยต้องบอกเขาหมดสินะ...” เธอช่วยต่อให้ “เอาละ...แกบอกว่าแกอยากเป็นเพื่อนกับฉัน แต่แกไม่ได้แสดงความเป็นเพื่อนเลย...ไปนะ...ไปให้พ้น...ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก...อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกเป็นอันขาด...แกมันก็แค่ไอ้สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเท่านั้น...!”
“ผมเสียใจครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ...”น้ำตากลบตาเด็กชายขึ้นมาทันที ท่าทางที่แกยืนตัวแข็งคล้ายกับถูกตรึงให้ยืนนิ่งอยู่กับที่
ไดอาน่ามองเด็กชายด้วยสายตาขัดเคือง แต่เมื่อมองเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลพรากลง และมือเล็กๆ นั้นไม่อาจเช็ดให้มันแห้งหายได้ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีก ไม่อยากเห็นใครมายืนร้องไห้อยู่ต่อหน้าแบบนี้ เพราะไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไรถูก
“เลิกเป็นเด็กขี้แยเดี๋ยวนี้นะ...!” เธอคำรามเข้าใส่ แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้น้ำตาของเด็กชายไหลพรากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม้ว่ากายจะพยายามทำตามคำสั่งแล้วก็ตาม “ฉันบอกให้แกหยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้...!” ความไม่สบายใจทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น ไดอาน่าเบือนหน้าหนีไปเสียทางหนึ่ง ไม่อยากมองเด็กชายที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า “เอาละ...ลืมที่ฉันพูดเสียก็แล้วกัน...มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก...พ่อของเธอต่างหากที่ทำให้เรื่องมันยุ่งไปเอง พยายามจะทำให้เมเจอร์พอใจในตัวเขา แกล้งทำเป็นห่วงใยฉัน เขาไม่ได้มาห่วงฉันหรือเธอจริงๆ หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ?” กายถามด้วยความต้องการความมั่นใจ
“ฉันก็ต้องโมโหเป็นธรรมดาละ” ไดอาน่าตวัดสายตามองเด็กชาย ท่าทางกายสงบลงแล้ว “ฉันจะไปที่ฝายทดน้ำ อารมย์จะได้เย็นลงหน่อยจะไปด้วยไหมล่ะ?”
กายลังเลขึ้นมาทันที...
“ผมไม่ได้เอากางเกงอาบน้ำมานี่ครับ”
“แล้วไง?” ไดอาน่ายักไหล่อย่างไม่สนใจ “ฉันก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน ว่าแต่จะไปหรือไม่ไปล่ะ?”
เด็กชายพยักหน้ารับทันที ปาดน้ำตาจนแห้ง สั่งน้ำมูกไปพลาง และออกเดินตามนายสาวไป...
เท่าที่ไดอาน่ารู้สึก ฤดูร้อนปีนี้อากาศดูจะเลวลงกว่าที่เคยเป็นมา ยิ่งนานวันเข้ากิจกรรมต่างๆ ที่เธอเคยทำอยู่ดูจะถูกตัดทอนลงเรื่อยๆ เมื่อฤดูร้อนปีก่อนๆ นั้น ทุกนาทีที่ผ่านไป มีอะไรที่จะต้องทำอยู่ตลอดเวลา แต่ปีนี้เธอกำลังต่อสู้กับความเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก
เธอเดินเตะก้อนหินตามรายทางไปเรื่อยๆ มือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ มองไปรอบๆ บริเวณไร่อย่างไม่มีความสุข แน่นอนที่สุด เธอจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ เมื่อนึกว่า ไม่ว่าจะไปทางไหนจะต้องมีกายคอยตามไปด้วยทุกหนแห่ง
ไดอาน่าเปลี่ยนทิศทาง เดินมุ่งหน้าไปทางเรือนพักคนงาน ประตูเรือนพักหลังสุดท้ายเปิดอยู่ เธอไม่ยอมแม้แต่จะเสียเวลาเคาะประตูมุ้งลวดเสียก่อน เปิดประตูเดินเข้าไปและพบกับฮอลท์ มัลโลรี่ ซึ่งถอดเสื้อยืนอยู่ตรงอ่างล้างหน้าในครัว เขาชะงักมือที่กำลังเช็ดตัวเช็ดใบหน้าให้แห้งทันที
“รู้สึกว่าจะเป็นมรรยาทสุภาพนะถ้าจะเคาะประตูเสียก่อนที่จะเข้าบ้านใคร” เขาเช็ดหน้าตาเรียบร้อยแล้ว
“ฉันมาตามหากาย ไปไหนเสียล่ะ?” ความขัดเคืองวาบวับอยู่ในดวงตาของเธอ
“คงอยู่ข้างนอกละมัง”